ตอนที่ 20. พิเศษ 3- เรื่องราวของไต้เว่ย

ตัดไปที่ฝั่งของไต้เว่ยในตอนนี้ ชีวิตของเขายังคงเศร้าโศกและรู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น ป่านนี้บุตรของเขาคงคลอดออกมาได้ลืมตาดูโลกแล้ว และใช่ พ่ออย่างเขาไม่มีสิทธิ์ในการได้พบเจอแม้กระทั่งหน้าของลูกเพราะเป็นเขาเองที่โง่เขลาขับไล่หานว่านอี้ออกไป

“ท่านพี่เจ้าขา ข้าคิดว่าบุตรในครรภ์คงจะเป็นผู้ชายแน่ ๆ เลยเจ้าค่ะ ดิ้นเก่งแข็งแรงนัก” หยูจิวซือเอ่ยออกมาพร้อมทั้งเอียงคอเตรียมซบบ่าแกร่งของนายน้อยไต้ผู้เป็นสามี

“จะเป็นชายหรือหญิงข้าไม่สน เพียงแค่เลี้ยงดูให้เติบใหญ่เป็นพอ ส่วนเจ้าก็กลับที่ของเจ้าไปได้แล้ว ข้าไม่อยากเห็นหน้า” ไต้เว่ยเอ่ยออกมา ด้วยท่าที่รังเกียจอย่างเห็นได้ชัด

“ฮึก เหตุใดท่านพี่จึงต้องใจร้ายกับข้าเช่นนี้ด้วยเจ้าคะ”

“แล้วเหตุใดเจ้าต้องใจร้ายกับหานว่านอี้ด้วยเล่า อี้เอ๋อร์ไปทำอันใดให้เจ้ากันจิวซือ” ไต้เว่ยเหลือจะทนกับฮูหยินรองของตนที่ยามนี้ได้ขึ้นมาเป็นฮูหยินเอกเพียงหนึ่งเดียวแล้ว

“เหตุใดท่านยังต้องโทษข้าเรื่องพี่หญิงด้วย ท่านเองก็เป็นคนขับไล่นางออกไป จะหาว่านี่เป็นความผิดของข้าเพียงผู้เดียวไม่ได้นะเจ้าคะ!” หยู จิวซือน้ำตาคลอเบ้า หลังจากหานว่านอี้ถูกขับไล่ออกไปนางก็ว่าสามีเย็นชาต่อนางมากแล้ว แต่เมื่อไต้เว่ยได้ไปพบนางอีกคราและกลับมามือเปล่าเขาก็ดูจะเย็นชากับหยูจิวซือหนักกว่าเดิม

ในตอนแรกนางแสนดีใจที่รู้ว่าไต้เว่ยไม่ได้พาหานว่านอี้กลับมาด้วย แต่เมื่อไต้เว่ยขึ้นมายังเรือนได้ เขาก็กล่าวหาว่านางอย่างหนักหน่วงถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับหานว่านอี้ ความดีใจของนางจึงแทบจะหายไปในทันที ถูกขับไล่ออกไปขนาดนี้แล้ว ยังหาเรื่องให้นางโดนด่าได้อีก เพราะเหตุนี้อย่างไรเล่า นางถึงได้เกลียดหานว่านอี้สุดหัวใจ สตรีที่พรากความรักของไต้เว่ยไปจากนางจนสิ้น

“หยูจิวซือ!!” เสียงของไต้เว่ยตวาดลั่นจนหยูจิวซือสะดุ้งเฮือก นางไม่เคยถูกเขาตวาดเช่นนี้มาก่อน แม้จะมีบ้างที่เสียงดังในเวลาโมโหแต่ก็ไม่เคยรุนแรงขนาดนี้

“ทะ ท่านพี่ตะคอกข้าหรือเจ้าคะ...ข้ากำลังท้องนะเจ้าคะ กำลังท้องลูกของท่าน” หยูจิวซือร้องไห้โอดครวญเรียกความสงสาร

“ใช่ นางก็กำลังท้อง อี้เอ๋อร์น่ะนางโดนก่อนเจ้าเสียอีก เพราะเจ้านั้นใส่ร้ายนางว่านางสวมหมวกเขียวให้แก่ข้า ข้าไม่ขับไล่เจ้าออกไปก็นับว่าเป็นบุญคุณท่วมหัวแล้วจิวซือ” ไต้เว่ยเอ่ยด้วยความขุ่นเคือง เพราะนางทำให้เขาต้องเป็นคนใจร้ายที่ผลักไสภรรยาตั้งครรภ์ ที่สำคัญไปกว่านั้นบุตรในครรภ์ยังเป็นบุตรของเขา บุตรที่เกิดมาจากเขา หยูจิวซือนางทำให้เขาต้องสูญเสียทั้งฮูหยินที่ตนแสนจะรักและบุตรในท้องไป ต่อให้ชดใช้สักเท่าไหร่ก็คงไม่พอ

“ท่านไม่กล้าหรอกเจ้าค่ะ” หยูจิวซือท้าทาย

“เหตุใดข้าจะไม่กล้า!”

“ก็เพราะท่านเหลือเพียงแค่ข้าแล้วอย่างไรเล่าเจ้าคะ! หากท่านพี่ขับไล่ข้าไปก็คงมิมีสตรีนางใดอยากจะแต่งงานกับท่านแล้ว เพราะท่านนั้นใจร้ายละทิ้งภรรยาท้องไปถึงสองคน และอีกทั้งท่านพี่ก็จะเสียทายาทสืบสกุลที่กำลังจะเกิดด้วย”

“เจ้าข่มขู่ข้าอย่างนั้นหรือหยูจิวซือ! บังอาจนัก”

“ก็ลองดูสิเจ้าคะ ข้ามิได้ข่มขู่ แต่ข้าเอ่ยความจริง นอกจากข้าแล้ว ดูสิว่าผู้ใดจะกล้าแต่งเข้าสกุลไต้อีก”

มันอาจเป็นเพราะบาปกรรมที่ไต้เว่ยและหยูจิวซือได้ก่อต่อหานว่านอี้ไว้ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าหานว่านอี้ตัวจริงนั้นไม่ได้มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว มีก็เพียงอานเมิ่งเหยาที่เข้ามาอยู่ในฐานะหานว่านอี้คนใหม่ เพราะเช่นนั้นทั้งไต้เว่ยและหยูจิวซือจึงเป็นคู่สร้างคู่สมที่เหมาะสมกันที่สุด คนหนึ่งก็เสี้ยมสอนใส่ร้าย อีกหนึ่งก็หูหนวกตาบอดมิคิดฟังความจากใคร ลุ่มหลงมัวเมาในความคิดอันชาญฉลาดของตนเองจนกลายเป็นกับดักที่ผลักตนลงไปสู่หลุมลึกอันแสนเวิ้งว้าง

หลายเดือนผ่านไปในที่สุดบุตรในครรภ์ของหยูจิวซือก็ถึงเวลาคลอด เด็กน้อยผู้น่าสงสารเกิดขึ้นมาลืมตาดูโลกโดยที่ผู้เป็นมารดามิคิดจะสนใจ

“จิวซือ เจ้ามิคิดจะดูลูกของเจ้าบ้างหรือ เหตุใดปล่อยให้ร้องไห้ปานจะขาดใจเช่นนั้น” ฮูหยินใหญ่ของเรือนสกุลไต้ หรือก็คือมารดาของไต้เว่ยเอ่ยขึ้น ใบหน้าที่เริ่มมีริ้วรอยของนางฉายแววกังวลใจ เกรงว่าหลานในไส้จะต้องด่วนจากไปเสียก่อนหากมารดาไม่แยแสเช่นนี้

“ข้าไม่เห็นต้องดูแลเลยเจ้าค่ะ ขนาดท่านพี่ยังไม่เห็นจะสนใจ อีกอย่างนางก็มีแม่นมอยู่แล้ว ท่านแม่มิต้องเป็นห่วงไป เด็ก ๆ ก็มักร้องไห้แบบนี้ตลอดเวลา” หยูจิวซือผลักภาระไปให้แม่นมที่ทำหน้าที่ป้อนนมและดูแลคุณหนูน้อยของตระกูลไต้

จงเซียนที่ได้ยินคำตอบดังนั้นนางถึงกับส่ายหน้า ไม่คิดเลยว่าหยูจิว ซือจะแสนเลือดเย็นเช่นนี้ นายน้อยไต้ บุตรชายของตนเองหรือก็ไร้ความสนใจใยดีทั้งในตัวบุตรสาวและภรรยา ลำพังตัวนางเองมิได้เลือกว่าหลานจะต้องเกิดมาเป็นชายหรือหญิง หากเกิดเป็นชายก็เป็นเรื่องสุดแสนจะน่ายินดีของวงศ์ตระกูล แต่หากเกิดเป็นหญิงนั่นก็นับว่าน่ายินดีเช่นกัน ทุกชีวิตล้วนแต่ต้องการการดูแลเอาใจใส่ แต่หลานสาวของนางช่างน่าอาภัพ ทั้งบิดามารดาไร้ความรักความเมตตา

“มากับย่านะ” จงเซียนเอ่ย ดวงตาของนางมีแต่ความเมตตาและห่วงใยหวังดีต่อหลานสาวคนนี้อย่างถึงที่สุด สองมือเหี่ยวย่นโอบประคองร่างกายบอบบางของเด็กน้อยขึ้นมาอุ้มเอาไว้แนบอกก่อนจะพาออกไปเดินเล่นด้านนอก

“อากาศภายในเรือนนั้นแสนน่าอึดอัด หากเจ้าได้สูดอากาศบริสุทธิ์สักหน่อยคงจะดีขึ้นจริงหรือไม่”

นางเอ่ยกับทารกน้อยในอ้อมแขน ซึ่งเด็กน้อยก็ยิ้มออกมาทันทีเมื่อได้เห็นแสงตะวัน นับตั้งแต่คลอดออกมาหยูจิวซือไม่เคยอุ้มบุตรของนางมาโดนแสงแดดหรือลมด้านนอกบ้างเลย เด็กน้อยได้แต่นอนอุดอู้อยู่ในห้อง ซึ่งแม่นมเองก็ไม่มีสิทธิ์จะพาออกมา เนื่องจากเมื่อไต้เว่ยเห็นหน้าบุตรสาวของตนเองที่ถอดแบบจากหยูจิวซือมาไม่มีผิดเขาก็มักจะอารมณ์เสียทุกครั้ง

ทางด้านของไต้เว่ย เขาเลิกซุกกายอยู่ในเรือนเพื่อร่ำแต่สุราและออกไปทำงานทำการบ้างแล้ว แต่ทุกคราที่ออกไปกว่าจะกลับมาเรือนก็หลายคืนนัก ทั้งที่ทุกคราไต้เว่ยจะออกไปเพียงแค่ชั่วค่อนวัน บางครั้งก้านธูปยังไม่ดับดีก็กลับมาแล้วเสียด้วยซ้ำ เพื่อมาเจอหน้าฮูหยินคนโปรดอย่างหานว่านอี้ แต่เมื่อไม่มีหานว่านอี้แล้วเขาก็ไม่คิดจะกลับเรือนมาเจอหน้าหยูจิวซือ

ยิ่งเมื่อผ่านเรื่องราวเมื่อหลายเดือนก่อนไป ที่ไต้เว่ยนั้นมีปากเสียงกับหยูจิวซือ เขาจึงแทบจะพักอยู่โรงเตี้ยมในเมืองและร่ำสุราอยู่ที่โรงสุราทั้งวันทั้งคืน ทำเอาบิดามารดาทุกข์ใจไปหมด หยูจิวซือเองก็เกียจคร้าน ไม่ทำการทำงาน ไม่เลี้ยงดูบุตรที่เพิ่งเกิด นางเอาแต่หมกตัวนอนอยู่เฉย ๆ และสั่งให้คนรับใช้บีบนวดให้ทั้งวันด้วยข้ออ้างที่ว่านางนั้นอ่อนล้าจากการให้กำเนิดบุตรมา

“อี้เอ๋อร์ พี่นั้นแสนจะคิดถึงเจ้า แต่เจ้านั้นคงมีความสุขดีกับทางที่เจ้าเลือก พี่ผิดเอง...ฮึก ทั้งหมด มันเป็นความผิดของพี่เอง” บุรุษหนุ่มร่ำไห้ หวนนึกถึงอดีตของตนเองที่ผ่านพ้นมาแล้ว ความผิดของเขาไม่สามารถย้อนไปแก้ไขได้ และหานว่านอี้เองก็ไม่คิดจะให้โอกาสไต้เว่ยอีก เขาสุดแสนจะระทมใจแต่ก็มิคิดโทษอันใดภรรยาเก่า ทำได้แค่เพียงก้มหน้ายอมรับชะตากรรมของตนที่ต้องทนโศกเศร้าและหวนนึกถึงอดีตที่มีหานว่านอี้อยู่ด้วยตั้งแต่วัยเยาว์ต่อไป

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ