ตอนที่ 21. พิเศษ 4 - กลับตัวกลับใจ

วันเวลาผันผ่านไปจนทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลไต้ในวันวานเติบโตอายุได้สี่ขวบปี ไต้ลี่เซียน บุตรสาวของไต้เว่ยกับหยูจิวซือเติบโตขึ้นมาด้วยความรักของท่านปู่และท่านย่า นางไม่เคยได้รับความรักหรืออ้อมกอดจากบิดาและมารดาแม้แต่ครั้งเดียว จนนายท่านไต้ทนต่อไปไม่ไหว เขาจึงได้เรียกบุตรชายไปคุยกันในห้องทำงานอย่างจริงจัง

“อาเว่ย พ่อว่าเจ้าทำแบบนี้ไม่ถูก นี้ผ่านมาสี่ปีแล้ว หากเจ้ายังจมอยู่กับอดีตแล้วเมื่อไหร่ชีวิตถึงจะมีความสุข นอกจากทำร้ายตนเองด้วยสุราแล้ว เจ้ายังทำร้ายครอบครัวตนเองด้วย เซียนเอ๋อร์ไม่ได้มีความผิดอะไร เจ้าสมควรสงสารเซียนเอ๋อร์บ้าง นางก็ได้ชื่อว่าเป็นบุตรีของเจ้าเช่นกัน รังเกียจมารดาแต่เหตุใดต้องรังเกียจบุตรของนางด้วย”

นายท่านไต้เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอบอุ่นมีเมตตา ในฐานะบิดาเหตุใดจะไม่ใจสลายเมื่อเห็นบุตรเพียงคนเดียวต้องทำร้ายตนเองและทุกข์ระทมปานนี้

“ท่านพ่อ แต่ข้าทนไม่ได้จริง ๆ ข้าคิดถึงอี้เอ๋อร์ ป่านนี้บุตรของข้าคงจะอายุมากแล้ว คงกำลังน่ารักแต่ข้าหาได้มีโอกาสได้ชื่นชมเขาไม่” ไต้เว่ยที่รอบกายยังมีกลิ่นสุราคละคลุ้ง นัยน์ตาแดงก่ำ รูปร่างผอมจนแทบจะกลายเป็นโครงกระดูกเดินได้ แทบหานายน้อยไต้ในอดีตที่รูปร่างสง่างาม ใบหน้าหล่อเหลาไม่เจอแล้วในตอนนี้

“อาเว่ย เจ้าคร่ำครวญถึงแต่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ สิ่งที่มันอยู่ไกลสุดเอื้อมถึงจนหลงลืมสิ่งที่เจ้ามีและเป็นสิทธิ์ของเจ้าโดยชอบธรรมไปแล้วหรือ เมื่อก่อนเจ้าที่ฉลาดและสามารถสร้างกิจการร้านค้าได้รุ่งเรืองด้วยตนเองหายไปไหนเสียแล้ว อย่าให้อคติและอดีตมาพรากสิ่งที่สวยงามที่เจ้าสมควรได้รับในอนาคตจากเจ้าไป พ่อพูดเท่านี้เจ้าคงพอเข้าใจใช่หรือไม่”

“ท่านพ่อ ละ...ลูก”

“พ่อรู้ว่าเจ้านั้นฉลาดและสามารถคิดได้ด้วยตนเอง หากเจ้าสามารถออกมาจากอดีตได้ อนาคตของเจ้าคงสดใสและมีความสุข เจ้าอายุยังน้อย ยังเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ เชื่อพ่อเถอะ หากทำใจลืมไม่ได้ก็เพียงเก็บไว้ให้ลึกสุดใจ เอาอดีตที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียนแก่ชีวิตว่าในอนาคตเจ้าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก เซียนเอ๋อร์นางต้องการบิดาที่รักและเป็นดั่งกำแพงจากความชั่วร้ายทั้งปวงให้อยู่นะ” นายท่านไต้ได้เอ่ยเตือนสติบุตรชายอีกครั้ง

ไต้เว่ยยังไม่ทันได้ทำอะไรก็มีเสียงเอะอะมาจากทางหน้าประตูห้อง

“คุณหนูน้อย คุณหนูน้อย เข้าไปห้องนายท่านไม่ได้เจ้าคะ ท่านปู่กำลังมีแขกคนสำคัญนะเจ้าคะ” พี่เลี้ยงของไต้ลี่เซียนรีบวิ่งไล่ตามเจ้าตัวกลม แก้มนุ่ม มัดผมทรงซาลาเปาสองลูกอยู่บนศีรษะ สวมใส่เสื้อผ้าชุดสีชมพูน่ารัก กำลังวิ่งหลบหลีกพี่เลี้ยงสาวเพื่อไปหาท่านปู่ด้วยความเคยชิน

“พี่อาเจียว ข้าคิดถึงท่านปู่ พี่อาเจียวอย่ามาห้ามข้านะ” ไต้ลี่เซียนว่าแล้วก็เปิดประตูเข้าไปยังห้องทำงานของท่านปู่ของตนเองด้วยความเคยชินพลางส่งเสียงมาแต่ไกล

“ท่านปู่เจ้าขา เซียนเอ๋อร์มาแย้ว เซียนเอ๋อร์คิดถึงท่านปู่ม๊า...กมา...” ไต้ลี่เซียน เด็กหญิงตัวน้อยรีบหยุดร่างกายเอาไว้แทบไม่ทันเมื่อเห็นว่าท่านปู่ของนางไม่ได้อยู่ในห้องเพียงลำพัง เสียงที่ส่งออกไปจึงได้หายไปไม่ทันได้พูดจนจบประโยค

“เซียนเอ๋อร์หรือ มาหาปู่เร็วเข้า” นายท่านไต้รีบกวักมือเรียกหลานสาวตัวน้อยให้เข้าไปหา

“ทะ...ท่านปู่ เซียนเอ๋อร์ขอโทษเจ้าค่ะที่มารบกวนแขกของท่านปู่” เด็กน้อยเดินก้มหน้าคอตกไปหาท่านปู่ตนเองด้วยความรู้สึกสำนึกผิด

“เซียนเอ๋อร์ นี่มิใช่แขกแต่เป็นบิดาของเจ้าต่างหากเล่า เจ้าจำบิดาไม่ได้หรือ” นายท่านไต้ยกหลานสาวขึ้นนั่งบนตักก่อนจะเอ่ยไขความกระจ่างให้กับเด็กน้อยได้ฟัง

ไต้ลี่เซียนดวงตาเบิกกว้างรีบซุกตัวเข้าไปในอกของท่านปู่ตนเองมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม นางตัวสั่นเทาเล็กน้อย นายท่านไต้เห็นอาการของหลานสาวก็ได้แต่ปวดใจ ซึ่งไม่ต่างจากไต้เว่ยแม้แต่น้อย

นี่บุตรสาวของเขาโตจนป่านนี้แล้วหรือ?

นี่บุตรสาวของเขากลัวเขาเช่นนั้นหรือ?

เหตุใดสายตาของนางที่มองมาถึงเสมือนหนึ่งว่ามองเจ้าโจรร้ายเช่นนั้น?

นี่เขาทำสิ่งที่ผิดพลาดหรือ?

คำถามเหล่านี้เกิดขึ้นในใจของไต้เว่ยทันทีที่เขาได้สบตากลมโตคู่น้อยที่มองมายังเขาด้วยความหวาดกลัว

ทางด้านลี่เซียน ตั้งแต่จำความได้นางไม่เคยได้เห็นหน้าบิดาแม้เพียงครั้งเดียว นางไม่เคยได้รับการโอบกอดจากทั้งมารดาและบิดา เมื่อไหร่ที่นางไปหามารดานางจะถูกท่านแม่ตบตีและด่าทอด้วยคำพูดที่หยาบคาย หาว่าตนเองเป็นสาเหตุทำให้ท่านพ่อหมางเมินต่อท่านแม่

คงมีแต่แม่นม ท่านปู่ ท่านย่า และพี่เลี้ยงสาวเท่านั้นที่ดีกับนางตั้งแต่จำความได้ แต่ครั้งนี้นางถึงกับอยู่ต่อหน้าบิดา ไม่ใช่ว่าท่านพ่อจะต้องตีนางให้ตกตายเช่นท่านแม่เคยว่าไว้หรอกหรือ?

ยิ่งขบคิดมากขึ้น ไต้ลี่เซียนยิ่งเบียดท่านปู่ของตนมากยิ่งขึ้นไปอีก

“อาเว่ย เซียนเอ๋อร์ บุตรสาวของเจ้า”

“สะ...เซียนเอ๋อร์ มาหาพ่อ” ไต้เว่ยตัดสินใจเอ่ยออกไปเสียงพร่า

ไต้ลี่เซียนไม่ได้ตอบอันใดออกไป เด็กหญิงเงยหน้าขึ้นขอความเห็นจากท่านปู่ นายท่านไต้เห็นเช่นนั้นจึงพยักหน้าให้ ไต้ลี่เซียนเป็นเด็กที่เชื่อฟังท่านปู่ยิ่ง เด็กหญิงค่อย ๆ ขยับตัวลงจากตักของผู้เป็นปู่ เจ้าตัวเล็กค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้า แต่ก็ยังคงสั่นด้วยความกลัว

เพราะคนที่นั่งอยู่ตรงหน้ามีกลิ่นเหม็น รูปร่างผอมมากจนแทบจะเหลือแต่โครงกระดูก ถ้าท่านปู่ไม่ได้บอกว่านี่คือบิดา หัวชนฝาอย่างไรเจ้าตัวน้อยก็คงไม่กล้าเข้าไปใกล้

การแสดงออกของบุตรสาวที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่ากลัวตนเองเป็นอย่างมากทำให้ไต้เว่ยปวดใจ ทำไมเขาถึงได้เป็นบิดาที่เลวร้ายเช่นนี้ เมื่อคิดได้เช่นนั้นไต้เว่ยจึงเอ่ยอออกไปด้วยพยายามปรับให้น้ำเสียงที่นุ่มนวลที่สุดที่เขาจะสามารถบังคับเสียงตนเองในครั้งนี้ได้

“เซียนเอ๋อร์ เจ้ากลับไปหาท่านปู่เถอะ ตอนนี้บิดาไม่สบายมาก บิดาป่วยมานานหลายปีไม่สามารถไปดูแลเจ้าได้ ให้อภัยบิดาที่ไม่ได้ความคนนี้ได้หรือไม่ พ่อสัญญาว่าอีกสามเดือนพ่อจะหายเป็นปกติแล้วจะมาหาเซียนเอ๋อร์ แล้วเราไปเที่ยวข้างนอกด้วยกัน เซียนเอ๋อร์เห็นเป็นอย่างไร”

“เหตุใดท่านปู่ไม่เคยบอกว่าท่านพ่อไม่สบายเจ้าคะ ข้านึกว่าที่ท่านพ่อไม่เคยไปหาข้าเลยเป็นเพราะรังเกียจข้าเสียอีก ที่แท้ท่านพ่อก็ไม่สบายนี่เอง ท่านพ่อเจ้าคะ เซียนเอ๋อร์สัญญาว่าจะรอท่านพ่อ ขอให้ท่านพ่อหายไว ๆ นะเจ้าคะ” ไต้ลี่เซียนหันหน้าไปถามนายท่านไต้ด้วยความสงสัย ก่อนจะหันไปพูดกับบิดาพลางยิ้มออกมาคลายโล่งใจ เพราะเด็กหญิงเข้าใจผิดมาตลอดจากคำบอกเล่าของมารดา

“ได้ พ่อสัญญาว่าเมื่อพ่อหายดีแล้วพ่อจะมาหาเซียนเอ๋อร์ทุกวันดีหรือไม่” ไต้เว่ยเอ่ยขึ้นพลางกล้ำกลืนก้อนน้ำตาให้ย้อนกลับลงไป นายน้อยหนุ่มได้แต่เฝ้าโทษตัวเองที่ปล่อยปละละเลยบุตรสาวเช่นนี้จนหลงลืมความรู้สึกของเด็กหญิงตรงหน้า

“ใครอยู่ข้างนอกมาพาคุณหนูกลับห้องแล้วไปเรียกฮูหยินให้มาหาข้าที่ห้องทำงานนี้ด้วย” ไต้เว่ยหลังจากที่ปรับอารมณ์ได้แล้วจึงได้เรียกพี่เลี้ยงสาวที่วิ่งไล่กวดกันมาให้พาบุตรสาวกลับห้อง ส่วนตนเองคงต้องเริ่มจัดการสิ่งต่าง ๆ ให้ถูกต้องเสียทีหลังจากที่จมอยู่ในอดีตกว่าสี่ปีแล้ว

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ