ชุยเทียนหนิงได้แต่นั่งร่ำสุราอยู่ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจ เขามิอาจหักห้ามความน้อยใจนี้ได้เลย แม้จะรู้ดีว่าตนนั้นเป็นเพียงคนที่คิดไปเองฝ่ายเดียว
ชุยเทียนหนิงคงไม่สามารถจะไปบังคับใครให้มารักตนได้ และยิ่งไปกว่านั้นกับหานว่านอี้ ต่อให้บังคับได้เขาก็ไม่อยากจะทำ เพียงแค่ได้ดูแลนางช่วงหนึ่งก็ถือว่าดีแค่ไหนแล้ว
“เหตุใดข้าจึงต้องโลภมากเช่นนี้ด้วย”
ชุยเทียนหนิงได้แต่เฝ้าโทษตนเองที่โลภมากเกินไป เพียงแค่ได้ดูแลนางเล็กน้อยเขาก็เหลิงคิดไปว่าหานว่านอี้จะมีใจให้ตนเองบ้าง แต่อย่างไร สายใยสัมพันธ์ก็ย่อมตัดกันไม่ขาด นางมีบุตรกับไต้เว่ยย่อมมีความผูกพันแน่นแฟ้นมากกว่าเขาที่เป็นเพียงคนแปลกหน้า
“ข้า...น่าจะเจอเจ้าเร็วกว่านี้” นี่คือสิ่งที่ชุยเทียนหนิงหวัง หากเขาได้เป็นคนแรกที่เจอหานว่านอี้ หากเป็นเขาที่มาเร็วกว่าไต้เว่ยมันก็คงเป็นเขาที่ได้อยู่ตรงนั้นและดูแลนางอย่างดี
ชุยเทียนหนิงนั่งร่ำสุราอยู่เช่นนั้นจนแสงสีครามทองแปรเปลี่ยนเป็นความมืดมิดของยามรัตติกาล ป่านนี้หานว่านอี้คงกลับไปกับไต้เว่ยแล้ว
ร่างหนาพลันลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ที่ตนนั่งอยู่ ก่อนจะเดินโซซัดโซเซออกจากโรงสุราไป ทางเดินมืดมิดไร้แสงเดือนดาวยิ่งทวีคูณความเศร้าในใจของบุรุษหนุ่มเข้าไปอีก
ชุยเทียนหนิงเดินต่อมาเรื่อย ๆ จนถึงเรือนเฉิงอี้ที่ ณ เพลานี้จี้เหมยและถงถงคงหลับไปแล้ว เรือนช่างดูเงียบเหงา
“เจ้าคงไปกับเขาแล้วสินะ...” ชุยเทียนหนิงพึมพำออกมา
“ใครหรือเจ้าคะ” เสียงหวานเอ่ยถาม
“ก็ว่านอี้...เจ้า!” ชุยเทียนหนิงตกใจเมื่อยามที่หันหน้าไปแล้วพบว่าเป็นหานว่านอี้ที่เอ่ยถามตน “ใยเจ้าถึงยังอยู่ที่นี่ ข้าคิดว่าเจ้าจะ...”
“ท่านคิดว่าข้าจะกลับไปกับไต้เว่ยใช่หรือไม่”
“ใช่ ข้าคิดเช่นนั้น เพราะเจ้ายังรักเขาผู้นั้นอยู่”
“คนซื่อบื้อ หากข้าไปกับไต้เว่ยแล้วข้าจะยังยืนพูดคุยกับท่านอยู่ตรงนี้หรือ อ้อ แล้วก็...ไม่เลยท่านเทียนหนิง ข้าหาได้รักเขาไม่”
“แต่ข้าได้ยินเจ้าบอกเช่นนั้น” ชุยเทียนหนิงได้ยินมากับตนเองเต็มสองรูหู แล้วจะไม่ใช่ได้อย่างไร
“ท่านอยากให้ข้าไปกับเขาหรือ”
“ข้าไม่ได้ต้องการเช่นนั้น แต่ข้าแค่ไม่เข้าใจ...”
ชุยเทียนหนิงรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก ในเมื่อนางบอกว่านางรักไต้เว่ยแล้วใยจึงยังอยู่ที่นี่ ที่เรือนเฉิงอี้ของเขา มันเป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้วที่เขาอยากให้นางอยู่ที่นี่กับตนต่อ แต่ก็รู้ดีว่าตนเองไม่มีสิทธิ์อะไรจะไปรั้งนางเอาไว้
“ท่านยังไม่ทันฟังจนจบก็หนีออกไปเสียแล้ว สิ่งที่ข้าเอ่ยกับไต้เว่ย หาใช่ทั้งหมดไม่”
“แล้วเจ้าบอกเขาว่าอย่างไร”
“ข้าบอกว่า...ข้ารักเขา” หานว่านอี้เอ่ยตอบเสียงดังฟังชัด
“...อา” ชุยเทียนหนิงได้ยินอีกคราก็ยิ่งเจ็บปวด
“แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว จริงที่เมื่อก่อนข้ารักเขามากแต่ตอนนี้ไม่ใช่ ข้ามีคนอื่นที่ข้ารักแล้ว เพราะเขาขับไล่ข้า ไม่สนใจแม้แต่จะตรวจสอบหาความจริง ปล่อยให้หยูจิวซือฮูหยินรองใส่ร้ายข้ามากมาย ข้าจึงอยากให้เขาเข้าใจและกลับไปยังที่ของตนเองเสีย ข้าไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของเยื่อใยอันใดที่จะคงเหลือเอาไว้ให้เขา”
เมื่อชุยเทียนหนิงได้ฟังสิ่งที่หานว่านอี้เอ่ยเขาก็เบาใจขึ้น บุรุษหนุ่มถอดถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เขาเสียใจมากที่ได้ยินเช่นนั้นในคราแรก คิดว่าจะต้องเสียหานว่านอี้ไปเสียแล้ว
“แล้วคนในใจเจ้าคือผู้ใดกัน” หัวใจของชุยเทียนหนิงพองโต ตอนนี้เขารู้แล้วว่าหานว่านอี้หมายถึงใคร แต่ก็ยังอยากจะได้ยินจากปากนางอยู่ดี
“ท่านกำลังหาเรื่องรังแกข้าอยู่นะเจ้าคะ” หานว่านอี้กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“การที่ข้าให้เจ้าเอ่ยมันเป็นการรังแกหรือ” ชุยเทียนหนิงแสร้งทำเป็นไม่รู้
“ใช่เจ้าค่ะ มันเป็นการรังแก”
“อย่างไร?”
“รังแกใจข้าให้อ่อนไหว ทั้งยังทำให้ใบหน้าของข้าเห่อร้อน”
เพียงสิ้นเสียงเอ่ยของหานว่านอี้ ชุยเทียนหนิงก็สวมกอดนางเอาไว้แนบแน่น ไออุ่นจากร่างกายแผ่ซ่านไปทั่วให้เขาได้รู้สึกว่านางอยู่ตรงนี้จริง ๆ นางยังอยู่กับเขา และจะอยู่ตลอดไป
“ข้ารักเจ้านะ ว่านอี้” ชุยเทียนหนิงเอ่ยจากใจจริงถึงแม่นางที่เขาตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบ
“ข้าก็รักท่านเจ้าค่ะ รักทุก ๆ อย่างที่เป็นท่าน ทุก ๆ อย่างที่ท่านทำเพื่อข้า มันบ่งบอกได้ชัดเจนว่าท่านนั้นหวังดี” หานว่านอี้โอบกอดคนตรงหน้าเอาไว้
จมูกคมสันโด่งสูดดมกลิ่นหอมจากเส้นผมนางพลางเอ่ยบอกรักซ้ำ ๆ ดูเหมือนว่าคำแนะนำของเหยียนฟงคงจะไม่ต้องใช้แล้ว เพราะตอนนี้หานว่านอี้ก็มีใจให้แก่เขาเช่นกัน
“เจ้าคิดว่าหากแม่นมจี้กับถงถงรู้เรื่องนี้จะดีใจเพียงใด” ชุยเทียน หนิงถาม
“ข้าไม่รู้สิเจ้าคะ ท่านป้าจี้กับถงถงเห็นข้าเป็นนายหญิงของเรือนนี้ แต่ข้าอยากเป็นครอบครัวของพวกนางมากกว่า”
“แน่นอนอยู่แล้ว แม่นมจี้กับถงถงชอบเจ้า”
“พวกนางเป็นคนดีเจ้าค่ะ ทั้งจิตใจและการกระทำที่ดีต่อข้า ทำให้ข้าผูกพัน”
“แล้วข้าเล่า”
“ท่านเองก็เป็นคนดี ดีมากพอที่จะทำให้ข้ารักได้”
“ข้าจะดูแลเจ้าให้ดีที่สุด ว่านอี้ ไม่สิ...อี้เอ๋อร์” สรรพนามที่เปลี่ยนไปอีกครั้งทำให้ดวงใจของหานว่านอี้พองโต ชุยเทียนหนิงเองก็รับรู้ได้ถึงความเห่อร้อนบนใบหน้าของสตรีในอ้อมกอดตนเอง
เขาชอบทุกอย่างที่เป็นหานว่านอี้ และเขาขอสัญญาว่าเขาจะไม่ทอดทิ้งนางเป็นอันขาด ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอันใดขึ้นเขาจะร่วมทุกข์ร่วมสุขอยู่ดูแลนางไปให้ตลอดรอดฝั่ง
“ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปไหนเด็ดขาด และจะดูแลเจ้ายิ่งกว่าชีวิตของข้า อี้เอ๋อร์” นี่หาใช่เพียงแค่ลมปากของบุรุษหนุ่มไม่ นี่คือเจตจำนงและความตั้งใจของเขาต่างหาก
“ข้ารู้ ข้ารู้ดีเจ้าค่ะ ข้าเองก็จะไม่ทิ้งท่านไปไหน เราจะพูดคุยกันด้วยความเข้าใจ ผิดก็อธิบายและรับฟัง พลาดก็ปรับปรุงและแก้ไข” หานว่านอี้เองก็ยินดีกับสิ่งนี้ นางรู้สึกขอบคุณบุรุษตรงหน้าจนไม่รู้ว่าจะขอบคุณยังไง
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือขอบคุณหานว่านอี้เจ้าของร่างที่วิญญาณจากไปแล้ว นางสัญญาว่าจะใช้ชีวิตในฐานะของหานว่านอี้อย่างดีที่สุด และเลี้ยงดูบุตรของนางให้เติบใหญ่เป็นคนที่ดี
อานเมิ่งเหยาไม่คิดว่าการฟื้นตื่นขึ้นมาในโลกที่ไม่คุ้นเคยนี้ ทั้งยังต้องตั้งครรภ์โดยไม่ทันตั้งตัว ในความโชคร้ายหานว่านอี้ถูกใบหย่าปาใส่หน้า ต้องลำบากเดินทางกลับบ้านเกิดตามลำพัง ยังมีความโชดดีเกิดขึ้นกับตนเอง ที่ได้พบกับชุยเทียนหนิง บุรุษหนุ่มที่เป็นคนดี ไม่รังเกียจนางแม้แต่น้อยทั้งที่นางนั้นเป็นหญิงหม้ายและยังอุ้มท้องลูกของคนอื่น
ในชีวิตก่อนอานเมิ่งเหยาขยาดกับความรักความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาไปแล้ว แต่ไม่นึกว่าตนเองจะมาใจอ่อนให้กับอาจารย์หนุ่มคนนี้ได้
หลังจากพูดคุยปรับความเข้าใจกันเป็นอันเรียบร้อยแล้ว หานว่านอี้ก็ถูกชุยเทียนหนิงโอบกอดและพาเข้าไปยังห้องนอน บรรยากาศที่นำพาคนทั้งคู่ไปช่างเป็นใจให้พวกเขาเสียเหลือเกิน
สองสายตามองสบประสานบรรจบกับ รอยยิ้มผุดเผยบนใบหน้า ก่อนที่สองแขนเรียวของหานว่านอี้จะโอบคล้องรอบลำคอของบัณฑิตหนุ่มเอาไว้
“ข้ายินยอมจะมอบทั้งกายและหัวใจให้เป็นของท่านทุกอย่างเลย ท่านเทียนหนิง” หานว่านอี้เอ่ยเสียงหวานแผ่วเบากระซิบข้างใบหูของชุยเทียนหนิง เขาได้ยินมันชัดเจนและแน่นอนว่าบัณฑิตหนุ่มหน้าแดงซ่านไปถึงลำคอ
เขาจะกล้าบอกนางได้อย่างไรว่าตนเองนั้นไม่เคยมีประสบการณ์เช่นนี้มาก่อนในชีวิต เขาคงมิอาจชักนำนางได้
“ช้าก่อนอี้เอ๋อร์ คือข้า...” ชุยเทียนหนิงตะกุกตะกักไม่กล้าเอ่ยความลับของตนเองออกไปให้สตรีตรงหน้าได้ยิน
“มีอะไรหรือเจ้าคะ” หานว่านอี้เอียงคอสงสัย
“ข้า…” ฝ่ายบัณฑิตที่น้อยประสบการณ์ก็ได้แต่อ้ำอึ้ง จนในที่สุดหานว่านอี้ก็เข้าใจได้ว่าเขาจะสื่ออะไร
“ท่านมิต้องกังวลไป หากท่านไม่สะดวกจะชักนำ ครานี้จะเป็นข้าเองที่เริ่มให้” หานว่านอี้ยิ้ม นางนึกเอ็นดูบุรุษร่างกำยำตรงหน้าที่เริ่มเขินอาย แม้ใบหน้านั้นจะยังดูนิ่ง ๆ แต่ใบหูของเขากลับบ่งบอกทุกสิ่งออกมาจนหมดแล้ว
หานว่านอี้ที่มีวิญญาณของอานเมิ่งเหยาข้างใน วิญญาณที่มาจากยุคสมัยที่ความเท่าเทียมเรื่องเพศสัมพันธ์มันกลายเป็นอะไรที่เปิดเผยและธรรมดาไปแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำให้หานว่านอี้เป็นฝ่ายเริ่มก่อนในครานี้
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?