ตอนที่ 10 ความรู้สึกอันซับซ้อน

แล้วมันจะไม่เป็นเหมือนอย่างที่ไอรดาคิดได้ยังไง...

“แหม... เมื่อวานใครกันนะที่บอกว่า ไม่ได้รู้สึกอะไรทั้งนั้น”

“นั่นน่ะสิ ใครกันที่บอกว่าต่อให้มาง้อก็จะไม่เสียเวลาคุยด้วย”

นั่นเป็นเสียงโห่แซวจากสองสาวเพื่อนซี้ของไอรดา แน่นอนว่าเริ่มจากนุนีก่อน ตามด้วยมินตราเหมือนเดิม

ที่บอกว่าถ้าพานนท์รทีมาที่ทำงานแล้วจะต้องโดนแซวยับแน่ มันก็เป็นจริงๆ อย่างที่เธอบอกนั่นแหละ

“ฉันจำไม่เห็นได้ว่าพูดอะไรไปแบบนั้น”

ไอรดากอดอกเชิดคาง ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ทั้งนุนีและมินตราก็ยังทำยักคิ้วหลิ่วตาให้กันไม่เลิก

ใครๆ ก็ดูรู้ว่าไอรดากำลังเขิน แต่ต้องแกล้งทำเป็นไม่เขินกลบเกลื่อน

ซึ่งนนท์รทีที่อยู่ด้านหลังก็ได้แต่อมยิ้มให้

ถ้าเขาบอกว่าชอบเวลาไอรดาโดนแซวจนไปไม่เป็นแบบนี้ น่าจะโดนเธองอนอีกยกแน่ๆ เลยเลือกที่จะไม่พูดอะไรดีกว่า

“ฉันรีบไปทำงานต่อดีกว่า”

ไอรดาว่าอย่างนั้น ก่อนจะลากนนท์รทีเข้าไปในห้องวัดตัวตัดเสื้อ ซึ่งมันก็เป็นเหมือนห้องส่วนตัวของเธอ ก่อนจะปิดประตูเลื่อนม่านบังไว้เพื่อความเป็นส่วนตัว

“ทำงานอย่างเดียวพอนะ” นุนีตะโกนไล่หลังไป ก่อนจะได้ยินเสียงเพื่อนตอบกลับมาแบบหงุดหงิดนิดๆ “รู้แล้วน่ะ!”

พวกเธอก็แค่แซวเล่นกันไปอย่างนั้นแหละ รู้อยู่แล้วว่าความจริงไอรดาไม่ได้มีรสนิยมชอบทำเรื่องน่าหวาดเสียวในที่ทำงาน

ส่วนทางฝั่งของสองคนในห้องซึ่งปิดมิดชิด อยู่ดีๆ ไอรดาก็สั่งให้นนท์รทียืนนิ่งๆ

นนท์รทีก็ยืนเฉยอยู่ แต่เมื่อเห็นไอรดาเอาสายวัดมาพร้อมบอกให้เขากางแขนขึ้นเล็กน้อย ชายหนุ่มก็ต้องเลิกคิ้วสงสัย “พี่ไอวัดตัวผมไปทำไมครับ?”

“พอดีฉันต้องตัดเสื้อเป็นของขวัญให้ดาราคนหนึ่งน่ะ แล้วก็เผื่อเขาจะโปรโมทห้องเสื้อให้ฉันด้วย เห็นว่าเขาหุ่นใกล้ๆกับนายเลยคิดว่าน่าจะใส่เสื้อผ้าไซส์ของนายได้”

“พี่ต้องเอาใจผู้ชายคนอื่นอีกแล้วเหรอครับ”

นนท์รทีรู้สึกว่าตัวเองไม่น่าถามเลยจริงๆ เขาไม่อยากรู้ว่าเธอต้องไปประจบใครอีก

“ฉันก็แค่ส่งให้เป็นของขวัญเพราะรู้จักเขาอยู่แล้ว แต่ถ้าเขาจะช่วยโปรโมทห้องเสื้อของฉันมันก็ถือเป็นน้ำใจ”

ว่าพลางหญิงสาวก็ยื่นมือไปหยิกแก้มขาวของชายหนุ่มที่ทำหน้าหงิกเหมือนเด็กโดนขัดใจ “อย่าน้อยใจเลยน่า ฉันไม่สานต่ออะไรกับใครง่ายๆ หรอก เดี๋ยวจะโดนเด็กบางคนพังงานให้เละไม่เป็นท่าเหมือนคราวก่อน”

โดนว่าถึงเรื่องงานของมาติน นนท์รทีก็ไม่ได้มีสีหน้าสำนึกผิดแต่อย่างใด เขาเพียงหลบสายตาว่าอย่างงอนๆ “ก็ผมหวงพี่นี่ครับ”

“จ้าๆ รู้แล้วล่ะ ทีนี้ก็ช่วยอยู่นิ่งๆ ทำตัวว่าง่ายๆ หน่อยนะ”

ไอรดาตอบรับด้วยน้ำเสียงติดรำคาญเล็กน้อย พอวัดตัวเสร็จก็ปล่อยนนท์รทีไปนั่งบนโซฟาตัวเล็กก่อนที่เธอจะเริ่มทำงานต่อทันที

ระหว่างนั้น...ก็จะมีสายตาของนนท์รทีจ้องมาเป็นระยะๆ

เห็นว่าไอรดามีท่าทางกระฉับกระเฉงอย่างนี้เขาก็สบายใจอยู่หรอก แต่แค่แอบกังวลเล็กน้อยว่าถ้าหากมีใครเข้ามาติดพันกับเธอเพราะเรื่องของธุรกิจอีก ตัวเองจะทำใจไม่ได้

แล้วก็กลายเป็นว่านนท์รทีไม่สามารถสลัดความกังวลออกจากหัวได้เลยทั้งวัน จนกระทั่งกลับมาที่คอนโด นนท์รทีก็ยังดูเงียบๆอยู่เหมือนเดิม

“เป็นอะไรหรือเปล่า?”

เสียงของหญิงสาวที่นั่งกินข้าวอยู่ฝั่งตรงข้ามถามขึ้น ให้เขาตื่นจากภวังค์ก่อนระบายยิ้มบางตอบ “เปล่าครับ ผมแค่คิดเรื่องเรียนนิดหน่อย กำลังนึกว่าพรุ่งนี้ต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง”

นนท์รทีจำต้องโกหกไปอย่างนั้น เพราะเขาไม่อยากให้เธอรู้ว่าเขายังไม่หายกังวลเรื่องเมื่อกลางวัน

ไม่ใช่อะไรหรอก...ปกติไอรดาก็มองว่าเขาเป็นเด็กอยู่แล้ว ไม่อยากโดนพ่วงมาด้วยคำว่า ‘งี่เง่า’ ต่อท้ายน่ะ

“อ้อ... ฉันเห็นนายเหม่อๆ นึกว่าอาหารไม่ถูกปากซะอีก”

ไอรดาตอบรับอย่างนั้น ดวงตาสวยคมก็จับจ้องอยู่ครู่หนึ่ง

มันก็เป็นแค่คำตอบรับส่งๆ เท่านั้นล่ะ ความจริงเธอพอจะดูอาการนนท์รทีออกอยู่บ้าง

อย่างเขาน่ะเหรอจะกังวลเรื่องเรียน... ขนาดตอนจะสอบ เธอยังเห็นเขาดูชิลๆ อยู่เลย เพราะผู้ชายคนนี้เก่งจนเข้าขั้นอัจฉริยะก็ว่าได้

ที่นนท์รทีมีท่าทางเหม่อลอยอย่างนั้นน่ะ เป็นเพราะว่าเขาน่าจะยังคิดมากเรื่องที่เธอบอกว่าจะตัดเสื้อผ้าไปให้ผู้ชายคนอื่นนั่นแหละ

ก็เด็กคนนี้ขี้หวงจะตายไปนี่...

“นนท์”

เสียงเรียกหวานหูดังขึ้นหนหนึ่ง ก่อนที่หญิงสาวฝั่งตรงข้ามจะยื่นมือมาลูบแก้มเบาๆ ส่งสายตายั่วยวนพร้อมรอยยิ้มพราวเสน่ห์

“กินข้าวเสร็จอยากกินอย่างอื่นต่อไหม”

“อย่างอื่นที่ว่าคืออะไรครับ”

ดูเขาเข้าใจถาม ทั้งที่แววตาเปล่งประกายวาววับถึงขนาดนั้น ยังจะมาแกล้งทำเป็นใสซื่ออีก

แต่ไอรดาไม่ว่าอะไรหรอก ก็เธอเป็นคนเริ่มก่อนเองนี่นา

“ก็...พวกของหวาน”

เธอทำหน้าเหมือนนึกนิดหน่อย แต่รอยยิ้มที่ส่งไปดูก็รู้ว่าตั้งใจยั่วเย้าอีกฝ่ายให้ใจเต้นแรงกว่าเดิม

ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความไปกว่านั้น เพราะคำตอบของนนท์รทีไม่มีทางเป็นการปฏิเสธแน่นอน...

จูบหวานถูกมอบให้กันบนโต๊ะอาหาร ก่อนที่ทั้งคู่จะย้ายไปที่เคาน์เตอร์ตัวเล็กในโซนห้องครัว

หลังจากนั้น... ก็จะได้ยินเสียงเนื้อกระทบดังออกมาพร้อมกับเสียงจูบและเสียงร้องครางหวานแว่ว

ในห้องครัวที่ไม่ได้เปิดไว้สำหรับทำอาหาร เรียกว่าร้อนระอุขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุเลยทีเดียว

แต่ดูเหมือนว่าแค่นี้จะยังไม่สาแก่ใจ นนท์รทีถึงพาเธอไปต่อที่โซฟา จนกระทั่งสุดท้ายทั้งคู่ไปลงเอยในห้องน้ำ ตอนที่กำลังช่วยกันล้างตัว

“นายเล่นฉันจนปวดไปหมดอีกแล้วนะ”

เสียงโอดครวญดังขึ้นเบาๆ เหมือนเสียงละเมอ ขณะที่ไอรดายืนแอบอิงพิงกายชายหนุ่ม ซบหน้าบนบ่ากว้างของเขา

“ก็ของหวานอร่อย ผมเลยอยากกินเยอะๆ”

นนท์รทีแกล้งกระซิบแหย่ มือที่ช่วยชำระล้างคราบน้ำขาวคาวหนืดก็ลูบเข้าไปที่ส่วนอ่อนไหวซึ่งยังไวต่อความรู้สึกอยู่มาก ให้เธอสะดุ้งแรง จิกเล็บเข้าที่มัดกล้ามแขนของเขาเบาๆ

แต่ไอรดาไม่ได้ว่าอะไรหรอก แค่ค้อนขวับใส่เขาทีหนึ่งก่อนจะซบหน้าลงไปใหม่อีกครั้ง

เธอรู้อยู่แล้วว่าถ้าทำให้นนท์รทีหึงขึ้นมา เขาจะยิ่งเล่นแรงและทำนานกว่าปกติ...

อีกอย่าง ครั้งนี้เธอตั้งใจยอมเขาเอง จะมาโทษกันทีหลังไม่ได้

หลังจากโดนแกล้งแล้ว เธอจะได้ยินเสียงฮัมเพลงเบาๆ จากชายหนุ่มที่ยังประคองตัวเธอเอาไว้ แสดงว่าเขาอารมณ์ดีมากๆ

ก็เพราะเธอยอมจำนนให้เขานั่นแหละนะ...

พอรู้แบบนี้ไอรดาก็มีรอยยิ้มบางๆเผยออกมาได้บ้าง

“พี่ไอครับ”

“หืม...”

เธอตอบรับเป็นเสียงในลำคอเท่านั้น ยังหลับตาพริ้มเพราะความรู้สึกสบายตัว

“พี่ไอ...ไม่อยากมีแฟนจริงๆ เหรอครับ”

แต่เพียงครู่ต่อมาก็ต้องชะงักไปอีก เพราะคำถามของนนท์รที

ถ้าถามว่าเธออยากมีแฟนไหม... ไอรดาคงจะตอบว่าไม่มีทาง

ถึงต่อให้การอยู่กับนนท์รทีมาตลอดสามเดือนนี้มันจะดีมากแค่ไหน แต่ลึกๆแล้วไอรดาก็ยังเป็นคนขี้ระแวง และขี้กลัวมากๆ

เธอหวาดกลัวความเสียใจ....มันเลยกลายเป็นว่าไม่สามารถเริ่มต้นกับใครได้สักที

แม้แต่กับผู้ชายคนนี้ก็ตาม

“ไม่ล่ะ”

ไอรดาตอบไปอย่างเย็นชาแบบนั้น

แต่ทั้งที่เย็นชาถึงขนาดนั้น เธอกลับยิ่งกระชับอ้อมกอดที่มอบให้นนท์รที

คงกลัวอยู่สินะ...

ชายหนุ่มคิด ก่อนจะส่งมือลูบศีรษะเธอเบาๆ

ไม่เป็นไรหรอก...ค่อยๆ ไปก็ได้

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ