ตอนที่ 15 สิ่งที่จินเหอทำได้ดี

“นั่นสิคะแล้วคุณจะเครียดทำไมกัน ทำในสิ่งที่คุณคิดว่าทำได้ดีที่สุดก็พอแล้ว”

ทันทีที่วาวาพูดจบจินเหอโน้มใบหน้าลงมาพร้อมกับจูบเธออย่างนุ่มนวล สัมผัสแรกทำให้หญิงสาวถึงกับหัวใจโบยบิน คล้ายผีเสื้อบินวนในช่องท้อง ยิ่งเขาค่อยๆ สอดปลายลิ้นเข้ามาภายในโพรงปากเล็ก เธอถึงกับตื่นตระหนก

“เป็นอะไรไป ผมทำให้คุณเจ็บหรือเปล่า” จินเหอชะงักลงเล็กน้อยพลางเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

“ปะ...เปล่าค่ะ แค่ตกใจนิดหน่อย”

จินเหอโน้มใบหน้าลงมาอีกครั้ง พร้อมกับประกบริมฝีปากลงมาอย่างอ่อนโยน วาวาไม่ฝืนสัมผัสปล่อยให้เขาทำทุกอย่างตามอำเภอใจ

ชาติก่อนวาวาเป็นหญิงสาวไร้ซึ่งประสบการณ์ในเรื่องของความรัก แม้แต่จูบหรือว่าจับมือกับชายสักคนยังไม่เคย ทว่าวาวาในชาตินี้กลับมีลูกและสามีแล้ว เรื่องในม่านมุ้งย่อมเป็นประสบการณ์แปลกใหม่สำหรับเธอ ถึงแม้ว่าในตอนแรกท่าทางเงอะงะ การตอบสนองต่อสัมผัสของวาวาจะทำให้จินเหอสงสัยไปบ้าง แต่ก็เพียงไม่นานเพราะเจ้าของร่างนี้ก็ไม่ได้มีความเก่งกาจอันใด ส่วนมากก็มักจะทำตามหน้าที่เพียงเท่านั้น

ซึ่งมันแตกต่างจากวาวาคนใหม่ หลังจากที่อาจารย์สั่งสอนอยู่ค่อนคืน ลูกศิษย์ก็หัวไว นอกจากจะไม่ใช่แค่นอนนิ่งเพื่อทำให้มันเสร็จไปตามหน้าที่ เหอวาวาคนนี้ยังมีการรุก มีการรับ มีการใช้เสียง ทั้งตอบสนองได้อย่างผิดไปจากเดิม

ก็นะยุคสมัยที่อินเทอร์เน็ตเข้าถึงได้ง่าย ในซีรีส์ก็มีให้ดูเยอะแยะ กะอีเรื่องแค่นี้ จะเสียเชิงสาวยุคสองพันไม่ได้ มีสามีทั้งหล่อเหลา เอาใจเก่ง แสนดีถึงเพียงนี้ คนที่ไม่เคยมีประสบการณ์ก็เลยได้ทดลองอย่างสมใจ ถึงแม้ภรรยาจะเปลี่ยนแปลงไปดั่งหน้ามือเป็นหลังมือ ทว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ทำให้จินเหอถึงกับเอ่ยชมภรรยาเสียงหวาน

“ผมต้องขอบคุณสวรรค์ ที่วันนั้นคุณเป็นลม วันนี้ผมเลยได้ภรรยาคนใหม่ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรคุณก็เก่งกาจไปเสียทุกเรื่อง คุณช่างเป็นภรรยาที่สุดยอดจริงๆ วาวา ผมรักคุณ คุณเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่สุดในชีวิตของผม”

เกิดใหม่ครั้งนี้คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม เหอวาวาคิดได้ไม่นานก็ต้องมึนงงอีกแล้ว เนื่องจากจินเหอไม่ยอมให้ภรรยาได้พัก เขาบรรเลงบทเพลงรักต่อทันที มันเป็นเรื่องธรรมดาที่คนเป็นสามีอดอยากปากแห้งมานานเป็นเดือน จะคิดดอกเบี้ยทบต้นทบดอกภรรยา ยิ่งภรรยาคนนี้ก็ตอบสนองได้ถึงใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนด้วยแล้ว จินเหอก็ยิ่งกว่าเสือติดปีก

ยิ่งสามีเอ่ยชมออกมาแบบนี้ วาวาก็ยิ่งอับอาย ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าสิ่งไหนที่สามีทำได้ดีที่สุด ก็คงไม่ต้องบอก นับจากจำนวนลูกทั้งสามคนนั่นคงตอบได้ทุกอย่างไปแล้ว

ผ่านไปอีกหนึ่งเดือน เป็ดย่างยอดเซียนก็ยังขายดี วาวาเปลี่ยนมาใช้ระบบการจอง ด้วยการทำแบบนี้ทำให้เธอรู้จำนวนที่แน่นอนในการทำขายแต่ละวัน โดยต้องจ่ายเงินเต็มจำนวน แล้วเมื่อถึงเวลาก็มารับเป็ดย่างไป ลูกค้าไม่ต้องเสียเวลารอ

เมื่อเข้าเดือนที่สองร้านเป็ดย่างก็ยังขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ทว่าก็มีจำนวนจำกัด เหอวาวาเมื่อเห็นว่าธุรกิจเป็ดย่างเป็นไปด้วยดีตามที่เธอได้วางแผนไว้ หญิงแม่ลูกสามจึงได้ติดต่อเถ้าแก่ตงแห่งภัตตาคารชิงเหอ เพื่อเสนอขายสูตรเป็ดย่างให้ตามที่ชายสูงวัยต้องการ

ด้วยฝีปากการต่อรองของเหอวาวา ทำให้เถ้าแก่ตงยินดีรับซื้อสูตรเป็ดย่างจากเธอในราคาที่เพิ่มขึ้นจากเดิมเป็นหนึ่งเท่าครึ่ง

“แม่หนู เป็นคนฉลาดมาก” เถ้าแก่ตงเอ่ยชมหญิงรุ่นลูกอย่างไม่กลัวเสียหน้า

“ขอบคุณคุณลุงมากค่ะ ก็ถ้าฉันไม่ทำแบบนี้ คุณลุงก็คงจะไม่มั่นใจในสูตรเป็ดย่างของฉันนะสิคะ ตอนนี้คุณลุงคงเห็นแล้วว่าเป็ดย่างของฉันนั่นอร่อยจริงๆ” เหอวาวาก้มศีรษะขอบคุณรับคำชมของชายสูงวัย

“แล้วนี่คิดยังไงถึงยอมขายสูตรให้กับฉันแล้วล่ะ”

“ความจริงแล้ว ฉันไม่ได้ต้องการเปิดร้านขายเป็ดย่างค่ะ ฉันจะเปิดร้านขายเกี๊ยวต่างหาก แต่เผอิญว่ายังไม่มีเงินลงทุน ก็เลยทำเป็ดย่างขายไปก่อน อ้อ เป็ดไม่ได้ซื้อมาค่ะ ป้าจูเพื่อนบ้านให้เอามาขายก่อน แล้วจ่ายเงินทีหลัง ตอนนี้พอเก็บเงินได้บ้างแล้ว รวมทั้งค่าสูตรที่ขายให้คุณลุงก็เพียงพอสำหรับเปิดร้านขายเกี๊ยวแล้วค่ะ”

เหอวาวาตอบคำถามที่เถ้าแก่ตงถามด้วยน้ำเสียงสดใส เธอเข้าใจในคำถามของชายสูงวัยเป็นอย่างดีเชียวล่ะ เพราะเถ้าแก่ตงก็คงไม่ต้องการแบ่งลูกค้ากับเธอ ด้วยใครๆ ก็รู้ว่าเธอเป็นเจ้าของต้นตำรับ แต่ปัญหานี้จะหมดไปถ้ามีเพียงภัตตาคารชิงเหอเท่านั้นที่ขายเป็ดย่างสูตรนี้

ดังนั้นมันจึงเป็นเวลาที่เหมาะสมแล้วที่เธอจะขายสูตรเป็ดย่างนี้ออกไปนั่นเอง

เมื่อสองเดือนก่อนหลังจากที่จินเหอได้มีโอกาสทำกิจกรรมแบบสามีภรรยากับเหอวาวาเป็นครั้งแรก หลังจากที่เธอหายเจ็บป่วย เขารู้แล้วว่าไม่ใช่ตัวเขาที่เป็นฝ่ายผิดปกติ แต่ที่ผ่านมามันเป็นเพียงแค่ความรู้สึกเขินอายของผู้เป็นภรรยา ถึงแม้มันจะดูค่อนข้างล่าช้ากว่าที่ภรรยาของเขาจะยอมแสดงออกถึงความรู้สึกที่แท้จริง แต่มันก็เหมือนกับอะไรที่อัดอั้นมานานแล้วได้ปลดปล่อยในครั้งเดียว มันย่อมส่งผลดีและมีอานุภาพจนสร้างความประทับใจ

สี่คนพ่อลูกนั่งรอเหอวาวาที่ยกกับข้าวมาวางไว้บนโต๊ะเป็นจานสุดท้าย หลังจากที่วาวานั่งลงประจำที่แล้ว มื้อเช้าที่แสนอร่อยก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้น

วันนี้วาวาแต่งตัวได้น่ารักน่าเอ็นดู เพราะเธอเพิ่งไปรื้อค้นเสื้อผ้าเก่าซึ่งอยู่ในลังเสื้อผ้าออกมาสวมใส่ ถึงแม้มันจะไม่ได้ดูใหม่แต่ก็ทำให้จินเหอรู้สึกสดชื่น เพราะรู้สึกว่าหญิงสาวแต่งตัวคล้ายเด็กสาว

“คุณช่างดูน่ารักเหลือเกินที่รัก”

“ปากหวานแบบนี้ คืนนี้จะพาไปเหยียบแดนเซียนอีกนะคะ”

เหอวาวาเอี้ยวตัวกระซิบข้างหูของสามีเสียงเบา เพราะไม่อยากให้ลูกๆ ได้ยิน ความหวานที่เกิดขึ้นระหว่างคนทั้งคู่อย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน จินเหอรู้สึกเหมือนตัวเองกลับไปเป็นคู่แต่งงานใหม่อีกครั้ง

“กินมื้อเช้าเสร็จแล้ว คุณต้องช่วยฉันทำงานอย่างหนึ่ง หวังว่าคุณจะไม่ดื้อ ถ้าช่วยทำให้งานสำเร็จไปได้ด้วยดี คืนนี้จะให้รางวัลนะคะ” วาวาเอ่ยที่เล่นที่จริงกับสามี

“ผมไม่ใช่ลี่ลี่ หยางหยาง หรือ หยวนหยวนนะที่รัก คุณใช้คำว่าดื้อกับผมไม่ได้หรอก แต่ถ้า ดื้อ ที่คุณว่านี้หมายถึงดื้อแบบเมื่อคืน รางวัลผมก็ไม่เอา และผมยอมให้ลงโทษด้วยครับ”

เหอวาวาได้ยินสามีเอ่ยเย้าตอบกลับมาแบบนี้ก็อายจนหน้าแดง เพราะเธอเข้าใจความหมายของคำตอบได้เป็นอย่างดี ก่อนที่จะเฉไฉพูดไปเรื่องอื่น

“เด็กๆ ด้วยนะจ๊ะ ลูกจะต้องช่วยแม่ทำงาน ถ้าทำได้ดี แม่มีรางวัลให้ด้วยจ๊ะ”

“งานอะไรครับ” ลี่หยางเอ่ยถามแม่อย่างสงสัย

“เอาเป็นว่า ทุกคนลงมือกินข้าวกันก่อน เสร็จแล้วแม่จะบอกเองนะ ทุกคนกินให้อร่อยน้า” วาวาเอ่ยตัดบทก่อนที่จะบอกให้ทุกคนกินข้าวเช้ากันได้ ตั้งแต่เหอวาวาหายป่วยและกลับมาเป็นคนทำอาหารอีกครั้ง ไม่ว่าจินเหอหรือเด็กทั้งสามคนต่างก็ชอบกินอาหารฝีมือของเธอ เพราะมันอร่อยมาก

หลังจากที่กินมื้อเช้าเสร็จแล้ว สมาชิกบ้านกู้ก็มารวมตัวกันอยู่ในครัวอีกครั้ง

“เอาล่ะ ทุกคนพร้อมแล้วใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นวันนี้เรามาเริ่มวันที่เปี่ยมไปด้วยพลังกันเถอะ” เหอวาวาเอ่ยขึ้นพลางชูแขนขึ้นฟ้าแล้วดึงกลับมาด้วยท่าทางสดใดและพร้อมทำงานอย่างแข็งขัน

“พร้อมครับ/พร้อมค่ะ”

ฝาแฝดเอ่ยตอบอย่างพร้อมเพรียงกันด้วยน้ำเสียงสดใส แล้วก็เลียนแบบท่าทางของคนเป็นแม่ไปด้วย ส่วนน้องเล็กอย่างลี่จินก็ขานรับและกระโดดโลดเต้นไปมา คล้ายกับพวกเขากำลังจะได้เล่นสนุกมากกว่า สำหรับลี่จินถึงแม้ว่าจะขานรับไปแบบนั้น เหอวาวาก็ไม่ได้ต้องการความช่วยเหลืออะไรมากนัก เนื่องจากลูกสาวยังเล็กอยู่มาก

“วันนี้เราจะทำอะไรดี ผมยินดีช่วยคุณทุกเรื่องเลย ขอแค่คุณบอกผมมา”

วาวายิ้มกว้างจนตาหยี พร้อมกับยกนิ้วขึ้นมาดีดจนเกิดเสียง

“เราจะทำเกี๊ยวตัวอย่างกันค่ะ เราจะทำไปแจกคนในเมืองชิมกัน”

“แจกเหรอ ที่รัก ของทุกอย่างมีต้นทุน ทำไมเราจะต้องไปทำเรื่องที่ขาดทุนแบบนั้นกันด้วยล่ะ” จินเหอเมื่อได้ยินคำตอบของภรรยาก็รู้สึกสงสัย

“นั่นนะสิครับคุณแม่ ทำไมเราต้องเอาของไปแจกละครับ” ลี่หยางแฝดคนพี่เอ่ยถามขึ้นอีกคน

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ