“พี่ใหญ่!” เฟิงเหยาวิ่งหน้าตั้งเข้าไปในร้าน ในมือของนางมีสมุนไพรล้ำค่าที่เพิ่งถอนออกมาจากดิน ดูแล้วทั้งสด ฉ่ำ และอุดมสมบูรณ์มาก ๆ
“เสี่ยวเจียวเม่ย เดินดี ๆ ท่านป้า ก็อย่างที่ข้าบอกท่านแหละขอรับ น้องชายไม่ได้เจ็บป่วยหนัก เพียงต้องทานยาเทียบนี้ให้หมด แค่นั้นก็หายดีแล้ว”
“ขอบคุณคุณชาย คุณหนูน้อย ขอบคุณนะเจ้าคะที่ช่วยสอนวิธีการเก็บสมุนไพรให้ข้า ข้ากับลูกชายรอดพ้นความยากจนมาได้ก็เพราะคุณหนู ข้าจะจดจำบุญคุณนี้ไว้ไม่ลืม”
“ท่านป้า~ น้องชายยังไม่ดีขึ้นหรือเจ้าคะ” เฟิงเหยาไม่สนใจเรื่องบุญคุณอะไรนั่น นางรีบวางสมุนไพรในมือไว้บนโต๊ะเก็บเงิน ทำให้รุ่ยหยงต้องรีบหากล่องมาใส่ เขาระอาที่น้องสาวมักจะทำกับสมุนไพรล้ำค่าเหล่านี้ราวกับผักปลา เหมือนไม่มีค่าอะไรเลย
คิดแล้วก็ลอบมองน้องสาวที่ถามไถ่ท่านป้าผู้นั้นอย่างเป็นห่วงเป็นใย การตัดสินใจรับเด็กหญิงมาเป็นคนในครอบครัวของท่านปู่ไม่ถือว่าผิดพลาด อย่างน้อยนางก็ใจดีเหมือนกับคนสกุลหยางทุก ๆ คน
“ท่านป้า ตอนนี้สมุนไพรชนิดนี้ค่อนข้างหายาก ข้าอยากได้มาสักหลาย ๆ ต้น ท่านจำได้ไหมเจ้าคะ มีปลายใบตรงนี้…” เฟิงเหยาชี้ให้เห็นจุดสังเกตของสมุนไพร ทำให้นางเกา หรือท่านป้าที่นางเคยเจอเมื่อสองปีก่อน สามารถหาสมุนไพรมาขายได้มากขึ้น เมื่อมีรายได้มากขึ้นชีวิตความเป็นอยู่ก็ดีขึ้น
แต่ที่เฟิงเหยาทำแบบนี้ก็เพื่อตัวเองทั้งสิ้น นางแค่รู้สึกว่านางเกาน่าจะเป็นลูกหลานชนชั้นสูงที่ตกต่ำ ดังนั้นน่าจะเคยร่ำเรียนมาบ้าง เลยตัดสินใจเลือกนางเกาและสอนวิธีสังเกตสมุนไพร วิธีเก็บสมุนไพร เพื่ออีกฝ่ายจะได้นำสมุนไพรที่นางต้องการมาให้
ข้อเสียของพลังธาตุไม้ คือไม่สามารถขยายพันธุ์ได้ตามธรรมชาติ เลยทำได้เพียงเก็บเมล็ดพันธุ์และต้นอ่อนจากในป่ามาฟูมฟักเท่านั้น
นางเกาเองก็ฉลาด เมื่อนางเริ่มเข้าใจความต้องการตลาดและเริ่มมีเงิน ก็จัดการซื้อที่ดินนอกเมืองปลูกสมุนไพรเอาไว้เก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์โดยเฉพาะ และเพิ่งจะขายชุดแรกให้กับร้านเมื่อไม่กี่วันก่อนเท่านั้นเอง
“คุณหนู ข้าจะลองหามาดูเจ้าค่ะ”
“ท่านป้า ท่านเก่งมาก ๆ สมแล้วที่ข้าไว้ใจ”
“คุณหนูวางใจได้ อ้อ ลูกชายข้าฝากสิ่งนี้มาให้คุณหนู ขอให้คุณหนูรับไว้”
“นี่คือ…หยกพกเช่นนั้นหรือเจ้าคะ”
“ลูกชายข้า…นี่เป็นสิ่งที่ติดตัวเขามาตั้งแต่เกิดเจ้าค่ะ”
เฟิงเหยาได้ยินอย่างนั้นก็คาดว่านั่นอาจเป็นตัวละครลับบางอย่าง และเด็กหนุ่มคนนี้ก็อาจกำลังทดสอบนาง จึงผลักมือหญิงวัยกลางคนออก
“ท่านป้า ท่านเก็บหยกนี้กลับคืนไปเถอะเจ้าค่ะ มันล้ำค่าเกินไป ร้านยาเล็ก ๆ ของข้ารับไว้ไม่ได้หรอก”
“...” รุ่ยหยงทำหน้าปลาตายเมื่อได้ยินน้องสาวกล่าวเช่นนั้น เพราะตอนนี้ร้านยาเล็ก ๆ ได้ขยายใหญ่ออกไปจนซื้อภูเขาให้นางไว้ปลูกสมุนไพรทั้งลูกแล้ว
“เช่นนั้น…ข้าจะถามเขาดูอีกครั้ง คุณหนูขอบคุณที่เป็นห่วงบุตรชายข้า ข้าซาบซึ้งน้ำใจท่านอย่างแท้จริง”
“ถ้ากินยาตามเทียบที่พี่ใหญ่ให้ ยังไงน้องชายก็ต้องหายแน่นอนเจ้าค่ะ ท่านป้าวางใจได้เลย”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ คุณหนู คุณชาย” ท่านป้าออกจากร้านไป พร้อมกระเป๋าที่ตุงขึ้นเล็กน้อย คงเอาสมุนไพรมาขายไม่น้อยเลย จึงมีคำกล่าวว่าความพยายามไม่เคยทำร้ายใคร สุดท้ายแม้เคยยากจนเพียงใดแต่มีวันนี้ได้เพราะความขยันแท้ ๆ
“พี่ใหญ่” เฟิงเหยาเห็นว่าไม่มีคนก็หันกลับไปหาพี่ชาย รุ่ยหยงเขาเป็นพี่ชายที่ดี ทำตัวเหมือนพี่ชายนางจริง ๆ ราวกับรอน้องสาวคนนี้มานานแล้ว
มองจากดาวอังคารยังเห็นได้ว่า สองปู่หลานสกุลหยางหลงรักร่างเฟิงเหยาตั้งแต่แรกเห็น ทันทีที่พวกเขาเห็นนางในสภาพไม่มีโคลนเปื้อน ก็แทบจะโอ๋นางทุกอย่างจนเฟิงเหยาเกือบใจแตก โชคดีที่นางเป็นผู้ใหญ่มาก่อนแล้ว ไม่งั้นได้เสียคนแน่ ๆ
“เสี่ยวเจียวเม่ยของพี่ เจ้าใจดีจริง ๆ ”
“พี่ใหญ่อย่าเปลี่ยนเรื่อง ท่านปู่ซื้อภูเขา ทำไมใช้ชื่อข้า ข้าไม่ได้ออกเงินสักหยกเดียว”
“เสี่ยวเจียวเจ้าใจเย็น ๆ ก่อน ท่านปู่บอกว่า สิ่งที่เจ้าทำเพื่อผู้อื่นนั้นมากเกินกว่าสกุลหยางของเราทำมาหลายชั่วอายุคน ตอนนี้ชื่อเสียงของร้านเราดีขึ้นอย่างมาก เพราะหนังสือภาพที่เจ้าให้บัณฑิตคัดไว้แจกให้ชาวบ้าน”
“แต่…” เฟิงเหยาก็เพียงแค่อำนวยความสะดวกให้ตัวเองเท่านั้น ในหัวนางมีความรู้พื้นฐานที่เสี่ยวเสี่ยวมอบให้มากมาย กับแค่เรื่องสมุนไพร นางไม่หวงความรู้และพร้อมทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองทำงานง่ายขึ้น
นางยังมีเป้าหมายที่ต้องใช้เงินเยอะ เพราะป้ายผ่านทางเพื่อขึ้นไปกินอาหารฝีมือท่านจอมมารจำแลงนั้น แพงทะลุฟ้าไปแล้ว!
“ไม่มีแต่ ถือว่าเป็นของขวัญแก่เจ้า ผู้อาวุโสให้ก็รับไปเถิด หรือตลอดสองปีมานี้เจ้ายังไม่ยอมรับปู่คนนี้อีกหรือ” ราวกับสัมผัสได้ว่าหลานสาวออกมาจากสวนสมุนไพรแล้ว ปู่หยางรีบลงมาทันเหตุการณ์พอดี
“ท่านปู่ ไม่ใช่อย่างนั้น แต่กำไรที่ท่านมอบให้ข้าก็ถือว่ามากแล้ว ยัง…” เฟิงเหยาอึกอัก โชคดีที่ความลับเรื่องจุดอ่อนที่นางชอบกินยังไม่แตก ท่านปู่และพี่ใหญ่ก็แค่คิดว่านางกินเก่งเท่านั้น
ทุกวันนี้เฟิงเหยาแทบไม่ได้ใช้แต้มความหิว แม้มันจะขึ้นยากมากเมื่อกินอาหารธรรมดาก็ตามที แต่รสชาติความอร่อยของอาหารหลากหลาย ก็ทำให้เฟิงเหยาหลงไหลได้ปลื้มมากพอแล้ว
นางจะใช้ชีวิตประมาทไม่ได้ และต้องอยู่กินอาหารอร่อยบนโลกนี้ไปอีกนานแสนนาน ดังนั้นจะเปิดเผยจุดอ่อนให้คนอื่นรู้ไม่ได้เด็ดขาด นางยังไม่อยากตายเพราะโดนยาพิษ!
“ยังอะไรอีก เสี่ยวเจียวเม่ย พี่ไม่มีปัญหาอะไรที่ท่านปู่มอบของขวัญให้เจ้าหรอก อย่าคิดมากเลย”
“พี่ใหญ่ แต่ค่าอาหารการกินก็เป็นท่านปู่เลี้ยงดูข้าทั้งหมด เช่นนี้แล้ว… ข้ายิ่งรู้สึกไม่สมควรรับของขวัญชิ้นใหญ่มากขึ้นไปอีก”
“เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว มันเป็นหน้าที่ของปู่ ที่จะต้องดูแลหลานสาวอยู่แล้ว”
“ใช่แล้ว เสี่ยวเจียวเม่ย พี่เป็นพี่ใหญ่ก็ต้องดูแลเจ้าอยู่แล้ว”
เฟิงเหยามองทั้งสองด้วยความซาบซึ้ง นับแต่เสียคุณยายไป ก็มีแค่สองปู่หลานนี้แหละที่ทำให้นางสัมผัสได้ถึงคำว่าครอบครัวอีกครั้ง
“ท่านปู่ พี่ใหญ่ แต่ภูเขาลูกใหญ่ปานนั้น ข้าดูแลสวนไม่หมดหรอกนะเจ้าคะ”
“ฮ่า ๆ ๆ ใครว่าจะให้เจ้าทำคนเดียวกันล่ะ ปู่วางแผนว่าจะขยายโรงสมุนไพรของเราไปยังเมืองอื่น ๆ ด้วย จึงคิดขยายสวนสมุนไพรเท่านั้นเอง เพียงแต่เนื่องจากอาเหยาเป็นคนดูแลสวนสมุนไพร เพราะเจ้าหลานชายมันไม่ได้เรื่อง ดังนั้นให้ภูเขาเป็นชื่อเจ้านั้นดีที่สุดแล้ว”
“พี่ใหญ่เป็นหมอที่เก่งมาก! หลอมโอสถอร่อย…เก่งด้วย” เฟิงเหยารีบยอพี่ชายต่อหน้าท่านปู่ ทั้งคู่เหมือนจะรักกันดี แต่ท่านปู่ก็กดดันรุ่ยหยงมากเกินไป รุ่ยหยงไม่มีพรสวรรค์ในเรื่องสมุนไพร แต่การรักษาโรคและการหลอมโอสถก็ถือว่ามีพรสวรรค์ไม่น้อย
“ปู่เข้าใจแล้วเจ้าตัวน้อย วันพรุ่งอย่าลืมมาดูคนงานกับปู่ด้วยล่ะ จะได้รู้จักกันเอาไว้”
เฟิงเหยาพยักหน้ารับ เมื่อท่านปู่จากไปนางก็เดินเข้าไปเขย่าชายแขนเสื้อรุ่ยหยง
“พี่ใหญ่ อาหลานไปซื้อกุ้งผัดพริกมา ท่านมากินที่เรือนข้าไหมเจ้าคะ”
“ความจริง เจ้าทำอาหารอร่อยกว่าคนพวกนั้นอีก แต่เอาเถอะ เราไม่ได้นั่งเล่นด้วยกันนานแล้ว ช่วงนี้พี่ใหญ่ก็ยุ่งมาก ข้าจะแวะไปแล้วกัน” พี่ใหญ่ทำตัวปากแข็งทั้งที่ใจดี แต่เฟิงเหยาก็ยังชอบนะ
“...” นางยิ้มอย่างอารมณ์ดีกระโดดออกไปเกาะประตูหลังก่อนจะหันกลับมาบอกผู้เป็นพี่ชายอีกครั้ง “ข้าจะรอที่เรือนนะเจ้าคะพี่ใหญ่ รีบ ๆ มา”
รุ่ยหยงเห็นน้องสาวอารมณ์ดีก็ยิ้มกว้าง เขายังรู้สึกหัวใจอ่อนยวบเมื่อคิดว่านางอาจจะรอเขาไปเล่นด้วยหลายวันแล้ว เกิดรู้สึกผิดขึ้นมาที่ช่วงนี้ยุ่งจนละเลยนางไป เขาได้แต่รีบให้คนมาเฝ้าร้านแทนและตามนางไปอย่างรวดเร็ว
โดยไม่รู้เลยว่า ที่เฟิงเหยาอารมณ์ดีขนาดนั้นเพราะนางกำลังจะได้กินกุ้งผัดพริกเจ้าดังแล้ว เจ้าดังเชียวนะ!
.
***
“อาหลาน” วันนี้เฟิงเหยาตื่นขึ้นมาแต่งตัวอย่างดีแต่เช้า นางสวมชุดสีฟ้าน้ำทะเลน่ารักทับเสื้อตัวในสีขาวยิ่งส่งให้ดูเหมือนกระพรุนทะเลตัวน้อยที่กำลังร่าเริงเดินไปเดินมาอยู่บนสาหร่ายน้ำ
“เจ้าค่ะ คุณหนู”
“วันนี้ข้าจะไปช่วยท่านปู่ดูคนงาน แล้วจะออกไปข้างนอกต่อ เจ้าไม่ต้องตามข้า และเฝ้าจับตามองคนพวกนั้นเอาไว้ให้ดี รายงานข้าทุกฝีก้าวเข้าใจไหม”
อาหลานเป็นสาวใช้ที่ท่านปู่กับพี่ใหญ่มอบให้นาง ระบบทาสยังไม่หายไปจากที่นี่ แต่อาหลานยินดีที่จะติดตามนางด้วยความเต็มใจ อาจเพราะหวังว่าชีวิตจะดีขึ้น หรือมีโอกาสได้ยิ่งใหญ่ตามเจ้านายไป
แต่เมื่อนึกถึงคำร่ำลือด้านนอกนั่น อาหลานก็รู้สึกว่าหลายคนพลาดไปเสียแล้ว คุณหนูน้อยไม่ใช่คนไร้ความสามารถเหมือนที่ร้านค้าอื่น ๆ ระแวกนี้พูดกัน ทั้งยังรู้จักสมุนไพรดีมากจนเรียกได้ว่าเป็นตำราเดินได้
ดังนั้น อาหลานที่ตอนแรกคิดเพียงแค่ต้องเอาชีวิตรอด ก็เริ่มมีแรงผลักดันจนค่อย ๆ แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อจะได้อยู่เคียงข้างเจ้านายต่อไป เพราะนางมีความรู้สึกว่าเจ้านายอาจกลายเป็นคนยิ่งใหญ่ในสักวัน เฟิงเหยาไม่รู้และไม่สนใจความคิดของคนอื่น นางถูกกดดันมามากพอแล้วในชีวิตก่อนหน้า การลดน้ำหนักที่น่าอึดอัดแต่กลับไม่มีผลอะไรเลย คราวนี้นางจะใช้ชีวิตแบบไม่จำกัดตัวเองเพราะคำพูดของใคร
“คุณหนูจะไปไหนเจ้าคะ ข้าต้องรู้ไว้เพื่อแจ้งนายท่าน หากนายท่านผู้เฒ่าถาม” ถึงอย่างนั้นอาหลานก็ไม่ใช่คนที่คล้อยตามเฟิงเหยาไปทุกเรื่อง
“ข้าจะไปหอบูรพา”
“หอบูรพา แต่ที่นั่นเข้าไปยากมากนะเจ้าคะคุณหนู”
“ข้าไปดูลาดเลาก่อน แจ็บ ๆ เจ้าอย่าสนใจเลย ถ้าท่านปู่ถามก็บอกว่าข้าไปดูหอบูรพาเท่านั้น” เมื่อพูดถึงหอบูรพาน้ำลายนางก็ไหลออกมาซะได้ โชคดีที่หลบมุมทันอาหลานคงไม่เห็นหรอกใช่ไหม
อาหลานที่พอจะรู้ว่าคุณหนูเป็นคนรักการกินทำเป็นมองไม่เห็นท่าทางของคุณหนูตน มองเมินออกไปที่สวน ซึ่งเริ่มมีคนงานมารวมตัวกันแล้ว
“รับทราบเจ้าค่ะคุณหนู ข้าจะบอกนายท่านเช่นนั้น ตอนนี้คนงานมากันแล้ว คุณหนูจะออกไปเลยไหมเจ้าคะ”
“ใช่ ขนมอร่อย ๆ ไปฝากท่านปู่ด้วยล่ะ เอาเป็น ขนมกุ้ยฮวาแล้วกัน” พูดแล้วก็เดินออกจากห้องด้วยท่าทางอารมณ์ดี ‘จะได้กินขนมกุ้ยฮวาแล้ว อุตส่าห์ใช้ข้ออ้างว่าจะซื้อไว้กินกับท่านปู่ ในที่สุดก็มีโอกาสกินซะที ฮ่า ๆ ๆ ’
ท่าทางร่าเริงของเฟิงเหยาทำให้ปู่หยางรู้สึกเอ็นดูปนขบขัน เขารีบหันไปหยิบขนมหวานขึ้นมาตั้งบนโต๊ะ
“อาเหยามาแล้ว นั่งลง ๆ ดูซิปู่มีอะไรมาฝาก” เมื่อเห็นเด็กหญิงชะงักไป ชายชราก็รีบหยิบเครื่องประดับขึ้นมากล่องหนึ่ง เปิดออกแล้วมอบให้นางทันที ดวงตาเขามองมือเล็กที่เริ่มหยิบขนมกินอย่างเป็นธรรมชาติ ก็เผยรอยยิ้มเอ็นดูขึ้นมาอีกครั้ง
“เด็กน้อย เจ้าชอบของขวัญของท่านปู่ไหม”
“ข้าชอบที่ฝุดเลยเจ้าค่ะท่านปู่” ว่าแล้วก็เคี้ยวตุ้ย ๆ จนแก้มป่อง เหมือนเจ้ากระรอกน้อยที่เก็บตุนอาหารไว้ที่แก้มทั้งสองข้างอย่างตะกละ เห็นอย่างนั้นรุ่ยหยงที่เพิ่งเดินมาก็หัวเราะ
“ฮึ่ก ฮ่า ๆ ”
“พี่ใหญ่หัวเราะอะไร ข้าพูดผิดเพราะของกินเต็มปากเท่านั้นแหละ ฮึ!” เฟิงเหยาสะบัดหน้าไปอีกทางอย่างน่ารัก ไม่ได้ดูเหมือนเด็กเอาแต่ใจร้ายกาจเลย หน้าตานางน่ารักอยู่แล้วยิ่งทำให้ดูน่ารักเข้าไปใหญ่
“เอาล่ะ ๆ มาถึงแล้วอาหยงก็นั่งลงเถอะ เรามาเลือกคนงานกัน ให้คนเข้ามาทีละคนแล้วกันนะ”
“ท่านปู่ ให้เข้ามาทีละสามคนเลยเจ้าค่ะ” เฟิงเหยาเสนอแนะขึ้นมา
“เอาตามที่อาเหยาว่า” ท่านปู่หยางหันไปบอกคนสนิทด้านข้าง เขารีบไปนำตัวคนงานเข้ามาทันที
เฟิงเหยาแนะนำวิธีการทดสอบก่อนเข้างานให้ท่านปู่ เขาก็ใช้งานอย่างดี บ่งบอกถึงความมีอัจฉริยภาพของคนสมัยนี้ เรียนรู้กันได้เร็วจริง ๆ
“คนงานมาแล้วขอรับนายท่านผู้เฒ่า” คนสนิทของท่านปู่เอ่ยขึ้น คนงานเดินเข้ามาสามคนจริง ๆ พวกเขายืนเรียงหน้ากระดานอยู่ข้างโต๊ะน้ำชา
ทั้งบริเวณเงียบสนิท รออยู่นานก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเริ่มทำอะไร คนงานคนหนึ่งก็แสดงท่าทีหัวเสียออกมา
“ชิส์ จะทำอะไรก็ไม่ทำซะที แน่สิ พวกชนชั้นสูงก็ดูถูกพวกเราทั้งนั้น”
ทุกคนในโต๊ะยังคงนิ่งเงียบเหมือนไม่ได้ยิน คนจิบชาก็จิบ คนกินขนมก็กิน ชมนกชมไม้เงียบ ๆ บรรยากาศกลับกดดันขึ้นเรื่อย ๆ
“อึ่ก ร้อนจริง ๆ ไม่ไหวแล้วเว้ย! ไม่ทงไม่ทำมันละงาน” ชายคนนั้นเดินจากไปด้วยท่าทางหงุดหงิดจนกระทั่งหายลับไปจากสายตา รออีกประมาณสิบอึดใจ ท่านปู่หยางถึงได้เงยหน้าขึ้นมองชายทั้งสองที่เหลืออยู่ ก่อนจะหันมองเฟิงเหยา
“เป็นคนใจเย็นแบบที่เจ้าต้องการเลยอาเหยา คงเหลือแค่พูดคุยกันนิดหน่อยก็รับเข้าทำงานเลยแล้วกัน”
“ใช่เจ้าค่ะท่านปู่” เฟิงเหยาพยักหน้า แล้วหันไปมองพี่ชายคนโตที่กำลังดับกำยาน กำยานนี้มีฤทธิ์เป็นยาพิษอ่อน ๆ ทำให้ผู้คนหงุดหงิดและเผยความในใจออกมาได้ง่ายขึ้น
การทำงานกับสมุนไพร ต้นไม้ใบหญ้า ต้องใจเย็นและช่างสังเกต ความใจเย็นนั้นใช้ยาเพื่อช่วยทดสอบได้ แต่ความช่างสังเกตคงต้องดูในระหว่างทำงาน
“เอาล่ะ พวกเจ้ามีนามว่าอย่างไรกันบ้าง” เกือบหนึ่งชั่วยาม ที่ทำการทดสอบความใจเย็น จากผู้สมัครงานกว่าสามสิบคน เหลือเพียงห้าคนเท่านั้นที่ผ่านเข้ารอบ แถมยังมีคนพิเศษมาด้วยอีกหนึ่งคน
เฟิงเหยาเหลือบมองชายคนนั้น ในการทดสอบดูเหมือนความในใจของเขาปะทุออกมามากทีเดียว ดูเป็นคนใจร้อน แต่สามารถควบคุมตัวเองได้ดี เขาสู้กับความในใจจนเหงื่อตก เมื่อเห็นอย่างนั้นพวกนางยังเพิ่มบททดสอบต่อไปอีกนับเค่อ แต่เขาก็ยังอดทนได้
นี่ทำให้ชายหนุ่มคนนี้ผ่านการทดสอบเข้ามาได้
“ข้าเล่ย”
“ข้า…” คนงานทั้งหมดเป็นชาย เพราะพวกผู้หญิงโดนฤทธิ์ยาแล้วเอาแต่หวังว่าจะต้องตาพี่ใหญ่ สุดท้ายเลยไม่มีใครผ่านสักคน
“ในเมื่อทุกคนเข้ามาทำงาน พวกเจ้าทุกคนจะต้องรู้จักผู้ดูแลของตน นี่คืออาเหยา หลานสาวของข้า หยางเฟิงเหยา นางเป็นผู้ดูแลสวนสมุนไพร พวกเจ้าต้องทำงานร่วมกับนางเข้าใจหรือไม่”
“คุณหนูน้อย…เป็นผู้ดูแลสวนแห่งนี้หรือขอรับนายท่านผู้เฒ่า” ชายที่เอ่ยปากขึ้นมา อาจเพราะเคยได้ยินข่าวลือเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ร้านค้าอื่น ๆ ระแวกนี้แพร่ออกไป
ว่ากันว่าหลานสาวบุญธรรมของร้านสมุนไพรสกุลหยางถูกตามใจจนเสียคน ทำงานทำการไม่เป็น กลายเป็นคนไร้ค่าไม่มีความสามารถ
ดูเหมือนว่าจะไม่จริงแล้วกระมัง
“สวนแห่งนี้มีอาเหยาดูแลทั้งหมด ข้ากับหลานชายไม่สามารถทำออกมาดีได้ขนาดนี้หรอก”
หากเป็นเช่นที่ผู้เฒ่าพูดจริง ๆ แสดงว่าคนที่เป็นบ่อเงินบ่อทองให้ร้านสกุลหยางก็คือคุณหนูน้อยผู้นี้ คนงานหลายคนมองหน้ากัน แต่ก็รู้ดีว่าคนปากมากอยู่ได้ไม่นาน พวกเขาจึงเลือกที่จะปิดปากเงียบ
คนเหล่านี้ล้วนผ่านการทดสอบทางจิตใจมาแล้ว ย่อมมีไหวพริบอยู่ไม่น้อย การที่บ้านสกุลหยางไม่ตอบโต้เรื่องข่าวลือที่แพร่ออกไป แสดงว่าพวกเขามีความตั้งใจปล่อยให้เป็นเช่นนั้นนั่นเอง
“ท่านปู่ ให้พวกเขาเริ่มเรียนรู้งานจากอาหลานได้เลยนะเจ้าคะ หลานมีธุระต้องรีบไปแล้ว ขอตัวก่อนนะเจ้าคะท่านปู่~” ว่าแล้วเฟิงเหยาก็รีบใช้วิชาตัวเบาหนีออกไปทันที
“อาเหยา…ไม่ทันซะแล้ว เด็กคนนี้ไปไหนไม่เคยบอกปู่”
“ท่านปู่ก็รู้จากอาหลานอยู่ดี บางทีอาเหยาอาจจะไม่ชอบที่ท่านปู่วุ่นวายเกินไปก็ได้”
“ข้าทำเช่นนี้ก็เพราะเป็นห่วงนาง เอาเถอะ คงหนีไม่พ้นร้านอาหารเจ้าดังในเมือง ร้านขนมเปิดใหม่ หรือไม่ก็โรงน้ำชา…”
“เอ๊ะ แล้วน้องสาวจะไปสถานที่เหล่านั้นทำไมกันขอรับท่านปู่”
ปู่หยางมองหลานชายผู้แสนซื่อบื้อของตนเองแล้วทอดถอนใจ ทำไมเจ้าหลานคนนี้ฉลาดไม่ได้เท่าครึ่งของเขาเลยนะ
เห็น ๆ กันอยู่ว่าเจ้าลูกแมวน้อยอาเหยาชอบอาหารขนาดนั้น นางคงปิดบังไว้เพราะเกรงใจสิท่า ไม่รู้ว่าเงินส่วนแบ่งของนางหมดไปกับอาหารมากเท่าไหร่ เขาคงต้องเร่งเปิดสาขาในเมืองอื่นเร็ว ๆ แล้ว จะได้มีเงินไว้ให้เจ้าตัวน้อยผลาญได้เต็มที่
ฮัดชิ้ว! เฟิงเหยาจามออกมา ใช้มือลูบท่อนแขนตัวเองเบา ๆ ทำไมนางรู้สึกขนลุกแปลก ๆ นะ เหมือนมีคนกำลังนินทาอยู่เลย
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?