ตอนที่ 6 อำนาจงั้นเหรอ?

ฮัดชิ้ว! เฟิงเหยาจามสุดแรงเมื่อมาถึงหน้าหอบูรพา

ที่แห่งนี้คือหนึ่งในหอชมวิวเลื่องชื่อของเมืองม่านหมอกซึ่งสุดยอดพ่อครัวที่เป็นร่างแยกของจอมมารจำแลงทำงานอยู่ และเป็นเป้าหมายตลอดชีวิตที่ทำให้เฟิงเหยาตัดสินใจอยู่ในเมืองนี้

“พี่ชายท่านนี้” เฟิงเหยาเดินเข้าไปด้านหน้า ประตูใหญ่ของหอบูรพามียามเฝ้าตลอดเวลาอย่างเคร่งครัด แต่พวกเขาแต่งตัวอย่างเสี่ยวเอ้อร์ และมีหน้าตาที่เป็นมิตร

อย่างไรสถานที่แห่งนี้ก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของเมือง ไม่มีทางที่พวกเขาจะเอาคนท่าทางเหมือนนักเลงมาคุมหน้าประตู ต้องเป็นคนที่มีไมตรีจิตพร้อมต้อนรับคนอยู่แล้ว

“คุณหนู ท่านมาดูทิวทัศน์ของเมืองใช่หรือไม่ ชั้นหนึ่งของหอบูรพาเราจะเป็นเหลาอาหาร ชั้นสองเป็นโรงน้ำชา ส่วนชั้นสามและสี่นั้นมีไว้รับรองแขกบ้านแขกเมือง วันนี้ท่านมาชิมอาหาร หรือดื่มชาขอรับ”

ชายหนุ่มหน้าใสผู้มีกล้ามเนื้อมัดใหญ่อยู่ใต้ชุดเสี่ยวเอ้อร์เดินออกมาต้อนรับ เขาผายมือเชิญนางเข้าไปด้านใน

“วันนี้…ข้าได้ยินว่าในเมืองนี้มีพ่อครัวยอดฝีมืออยู่ผู้หนึ่ง” หลังจากพูดจบ ฝีเท้าของชายหนุ่มด้านหน้าก็ชะงักไปหนึ่งจังหวะ ก่อนจะหันกลับมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“คุณหนูมาเพื่อพ่อครัวคนนั้นหรือขอรับ”

“...” เฟิงเหยาสังเกตท่าทางของชายหนุ่มตั้งแต่ตอนที่นางเอ่ยถึงพ่อครัวคนนั้น สังเกตเห็นลมหายใจของเขาติดขัดขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อหันกลับมายิ้มให้ก็กลับไปสงบอีกครั้ง

“พี่ชาย ข้า…”

“คุณหนูน้อย ข้าได้ยินว่าท่านเป็นหลานสาวร้านสมุนไพรที่หัวมุมถนนสี่หลง ข้าจึงขอแนะนำท่าน” ชายหนุ่มพูดก่อนด้วยรอยยิ้ม

“พี่ชาย ท่านรู้จักข้าได้เช่นไร” เฟิงเหยาแกล้งทำเป็นตกใจ ต้องบอกว่าเมื่ออยู่ในเมืองนี้ชาวบ้านข้างเคียงล้วนคุ้นหน้าคุ้นตากันดีว่าใครเป็นใคร เป็นเรื่องธรรมดาที่คนจะรู้จักกันหมด แม้เมืองนี้จะกว้างใหญ่มากก็ตาม

“ข้าแค่ได้ยินมาเท่านั้น คุณหนูอย่าใส่ใจเลย” ชายหนุ่มเกาข้างแก้ม

“พี่ชายโปรดชี้แนะ ข้าอยากลิ้มลองอาหารฝีมือท่านพ่อครัวมานานแล้ว”

“คุณหนู เช่นนั้นข้าจะบอกท่านตามตรง ท่านพ่อครัวของเรา ให้บริการแค่ที่ชั้นสามและสี่เท่านั้น ซึ่งในเมืองนี้ผู้ที่มีอำนาจมากพอจึงจะเข้าไปได้”

“แต่ข้ามีป้ายนัดหมายนะ” ความจริงที่เพิ่งได้ยินทำให้เฟิงเหยาหน้าตาเหรอหรา นางสะสมเงินมาสองปีเพื่อจะได้นำมาซื้อป้ายนัดหมาย และกินอาหารของท่านจอมมารจำแลง แต่ใครจะคิดว่าเพียงแค่มีเงินยังไม่พอ

“ข้าขออภัยจริง ๆ คุณหนู แม้มีป้ายนัดหมาย แต่หากไม่ใช่แขกชั้นสามและสี่ก็ไม่สามารถเข้าไปกินอาหารของท่านพ่อครัวได้ บ้าจริง! ใครกันบังอาจหลอกขายป้ายให้คุณหนูอีกแล้ว” ท่าทางชายหนุ่มจะโมโหขึ้นมาจริง ๆ

“อีกแล้ว…เคยมีคนซื้อป้ายอย่างข้าเหมือนกันเช่นนั้นหรือ” เฟิงเหยานึกถึงท่าทางของชายวัยกลางคนที่ดูเหมือนขุนนางผู้มีชื่อเสียงจากแคว้นต้าเยี่ยน คนผู้นั้นตั้งใจหลอกนางงั้นหรือ ทั้งที่เขารู้ว่าผู้จะขึ้นไปชั้นสามและสี่ได้ต้องเป็นระดับแขกเมืองเท่านั้น

“คุณหนู พวกเราก็จนใจเช่นกัน อย่างไรคนที่มีป้ายนี้ก็เป็นแขกเมือง หรือผู้มีอิทธิพล ปราบปรามกันไม่หวาดไม่ไหว”

“คุณหนูอย่าเศร้าใจไปเลย เพราะมีผู้ถูกหลอกมากเหลือเกิน ท่านพ่อครัวจึงบอกให้ผู้ที่มีป้ายนี้แต่ไม่ใช่แขกชั้นสามและสี่ สามารถกินอาหารที่เหลาและโรงน้ำชาโดยไม่ต้องเสียเงินแม้แต่หยกเดียวนับจากนี้ไป”

“...” ถึงขนาดมีการเตรียมมาตรการรับมือเอาไว้ ดูเหมือนเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นบ่อยกว่าที่คิด

ใบหน้าหวานที่เคยยิ้มแย้มตอนนี้กลับค่อย ๆ หม่นแสงลง จนดูน่าหดหู่ในที่สุด

“คุณหนูน้อย แต่คุณหนูน้อยสามารถกินอาหารที่เหลาและโรงน้ำชาได้ตลอดเท่าที่ต้องการเลยนะขอรับ”

“ไม่นะ…ชีวิตของข้า ทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ ไม่จริง!” เฟิงเหยาตะโกนขึ้นไปบนฟ้า ก่อนจะวิ่งออกจากที่นั่น นางวิ่งออกมาได้ไม่ไกลก็เพิ่งนึกขึ้นได้ ว่าชีวิตในชาตินี้เป้าหมายเดียวที่นางต้องทำให้ได้ คือการลิ้มลองรสชาติอาหารฝีมือท่านจอมมารจำแลงให้ได้!

ไม่ได้การแล้ว ในเมื่อใช้เงินซื้อไม่ได้ บางทีไม่แน่ หากใช้ความหน้าด้าน ร้องไห้จนเขาเห็นใจก็อาจจะได้ขึ้นไปบนชั้นสามและสี่ใช่หรือไม่

คิดแล้วก็วิ่งกลับไปที่หน้าประตู ชายหนุ่มที่คอยต้อนรับเมื่อครู่กำลังเดินออกมายืนหน้าประตูด้วยความมึนงง

เฟิงเหยาหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะวิ่งเข้าไปจับชายแขนเสื้อของเขาเอาไว้

“พี่ชาย ข้าแค่อยากกินอาหารของท่านจอ…ท่านพ่อครัว แค่จานเดียวเท่านั้น ได้โปรดเถอะ ข้าไม่ขึ้นไปบนชั้นสามชั้นสี่ก็ได้ ขอแค่จานเดียว” เมื่อเห็นชายหนุ่มทำหน้าตกใจทำอะไรไม่ถูก เฟิงเหยาก็รีบรุกมากกว่าเดิม

“ได้โปรดพี่ชาย แค่คำเดียวก็ได้ ข้าขอแค่ได้ลิ้มรสชาติอาหารฝีมือท่านพ่อครัวแค่คำเดียวเท่านั้น”

“คุณหนู นี่…ข้าช่วยไม่ได้จริง ๆ ”

เฟิงเหยาเห็นอย่างนั้นก็ทำท่าหมดอาลัย เดินไปนั่งม้านั่งด้านข้าง ซึ่งน่าจะมีไว้ให้เสี่ยวเอ้อร์นั่งพัก นางเริ่มนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นเงียบ ๆ ทั้งเจ็บใจที่โดนหลอก แต่ที่แย่ยิ่งกว่าคือไม่มีโอกาสแม้กระทั่งได้กินฝีมือของท่านพ่อครัวนี่สิ

“คุณหนูน้อย ท่านอย่าทำเช่นนี้เลย กลับไปก่อนเถอะขอรับ” ชายหนุ่มมีสีหน้าลำบากใจ เขาเดินเข้าไปพูดกับเด็กน้อยที่นั่งเอาแต่ใจอยู่หน้าร้าน ดูเหมือนข่าวลือเกี่ยวกับคุณหนูน้อยร้านสมุนไพรสกุลหยางจะเป็นจริงไม่มากก็น้อย

“ฮึ่ก ข้าแค่อยากชิมสักคำเท่านั้นเอง ฮือ ๆ ” เฟิงเหยาเบะปาก ทำท่าก้มหน้าร้องไห้ส่งเสียงฮือ ๆ

“คุณหนูอย่าทำเช่นนี้เลยขอรับ”

“ข้าอยากลองชิมไม่ได้เลยหรือ ให้ท่านพ่อครัวทำให้ข้าสักจานไม่ได้เลยจริง ๆ เช่นนั้นหรือ ฮือ ๆ ” หลังจากพูดไปแล้ว ไม่ได้ยินเสียงตอบรับใดใดอีก ใบหน้าเล็กก็เงยหน้าขึ้น และไม่เห็นชายคนนั้นอยู่ตรงหน้าแล้ว เหลือเพียงชายอีกหลายคนที่ยืนมองอยู่ห่าง ๆ ดูท่าคงไม่กล้าเข้ามายุ่ง

“ฮือ ๆ ” เฟิงเหยาทำทีเป็นร้องไห้ต่อไป และลอบเงยหน้าขึ้นมองเป็นระยะ ผู้คนผ่านไปผ่านมามีการชี้นิ้วพูดคุยกันบ้าง เมื่อเห็นว่ามุกเด็กเอาแต่ใจใช้ไม่ได้ผล หญิงสาวก็เริ่มถอดใจซะแล้ว

“อาเหยา อาเหยาเจ้าเป็นอะไรไป” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นก่อนนางจะทันได้เลิกแสดงละคร เฟิงเหยาเงยหน้าขึ้น ดวงตาเด็กน้อยแดงก่ำใบหน้าแดงเล็กน้อยจากอากาศร้อน แต่มันยิ่งส่งให้นางดูเหมือนกำลังร้องไห้อยู่จริง ๆ

“อาเหยา ใครรังแกเจ้า ใครรังแกน้องสาวข้า”

“พี่ใหญ่ ฮึ่ก ข้า ฮึ่ก ๆ ” อาจเพราะแกล้งร้องไห้มากเกินไป เลยสะอื้นซะเหมือนเชียว แม้จะพยายามพูดแต่ก็พูดไม่ออก

มองเลยไปด้านหลังพี่ใหญ่พบว่าเป็นเจ้าเสี่ยวเอ้อร์คนเฝ้าประตูคนนั้น เขาน่าจะไปตามรุ่ยหยงมาจากร้านขายยาซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก

“อาเหยา เกิดอะไรขึ้น” รุ่ยหยงเข้าไปปลอบน้องสาว แต่เนื่องด้วยชายหญิงแตกต่าง เขาทำได้เพียงยืนอยู่ตรงหน้านางด้วยท่าทางปกป้อง

เฟิงเหยาเห็นอย่างนั้นก็รู้สึกอบอุ่นในใจ ในชาตินี้นางมีพี่ชายคนหนึ่งจริง ๆ เขายังเอ็นดูนางเหมือนน้องสาวที่แท้จริง บางทีแค่นี้ก็อาจจะคุ้มแล้ว

แต่…ยังไงการกินอาหารฝีมือของท่านจอมมารจำแลงก็เป็นเป้าหมายหลักของนางในชีวิตนี้ แค่นั้นก็สามารถไปกินอาหารที่อื่นต่อได้แล้ว

ในโลกนี้ยังมีอีกหลายที่ให้ออกตามล่ารสชาติอร่อยที่ไม่เคยลิ้มลอง แค่คิดน้ำลายก็แทบหกแล้วให้ตายสิ!

“อาเหยา…” รุ่ยหยงคงกลัวว่าน้องสาวยังผวาไม่หาย เขาลดเสียงลงฟังดูเป็นคุณชายอ่อนโยนมากยิ่งขึ้น

“พี่ใหญ่” เฟิงเหยากลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง เมื่อกี้นางเกือบไปดาวอังคารแล้วนะ มัวใจลอยคิดถึงแต่อาหาร ให้ตายเถอะ ดูพี่ใหญ่สิ เขาเป็นห่วงนางมากแค่ไหน พี่ใหญ่ต้องชนะความอยากอาหาร!

“ฮึ่ก ข้าไม่ได้เป็นอะไรเจ้าค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นก็กลับบ้านเรากันเถอะ เสี่ยวเจียวเม่ยของพี่ต้องการอะไร บอกพี่ พี่จะไปหามาให้เจ้าเอง” รุ่ยหยงยื่นมือให้เด็กน้อย นางยื่นมือมาจับชายแขนเสื้อเขาอย่างว่าง่ายเหมือนทุกครั้ง คนเป็นพี่ชายได้แต่หน้าแดงก่ำ เพราะแบบนี้เขาถึงได้ชอบน้องสาวคนนี้นัก แม้นางไม่ใช่น้องสาวในสายเลือดแต่เขาก็หวงแหนนางถึงปานนั้นเชียวล่ะ

“อาเหยา ว่ายังไง เสี่ยวเจียวเม่ยของพี่อยากได้อะไร หืม” รุ่ยหยงเอ่ยถามขณะที่เดินออกมาจากหน้าประตูหอบูรพา โดยทิ้งความวุ่นวายไว้เบื้องหลัง

ชายหนุ่มเสี่ยวเอ้อร์ผู้รับหน้าเฟิงเหยาถึงกับปาดเหงื่อที่ไม่มีจริงบนหน้าผาก เมื่อสองพี่น้องเดินออกไปไกลใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปชั่วขณะหนึ่ง

“พี่ใหญ่ ข้าไม่เป็นอะไรแล้วเจ้าค่ะ เรากลับบ้านกันเถอะ” ว่าแล้วเฟิงเหยาก็วิ่งนำหน้าชายหนุ่มไปสองก้าว หันกลับมายิ้มให้เขาด้วยใบหน้าแดงก่ำแต่เริ่มมีรอยยิ้มผลิบานออกมาราวกับดอกไม้แรกแย้ม

แต่จริง ๆ สายตานางมองย้อนกลับไปที่ประตูแวบหนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาเดินอย่างธรรมดา จูงแขนเสื้อพี่ชายกลับบ้านจริง ๆ

‘ใช่จริง ๆ สินะ มารจำแลงอยู่ในเมืองนี้’ เฟิงเหยาครุ่นคิดในใจ

‘ข้าคงกินไม่ได้ เว้นแต่จะผ่านเงื่อนไขที่เขาตั้งเอาไว้…อำนาจงั้นเหรอ’

***

“พี่ใหญ่ ท่านปู่ล่ะเจ้าค่ะ” หลังจากเหตุการณ์หน้าหอบูรพา เฟิงเหยาก็ตัดสินใจขังตัวเองอยู่ในห้องไม่ออกไปไหน จนท่านปู่มาโวยวายที่หน้าเรือน

แต่เมื่อนางออกมาบอกเหตุผล เขาก็ตัดสินใจถอยทัพกลับมารอวันที่หลานสาวจะออกจากการกักตน

ผิดแล้ว นางไม่ได้กักตนเพื่อฝึกฝน วิถีเซียนคืออะไร สำคัญที่ไหนกัน สำหรับเฟิงเหยาแล้วอาหารเท่านั้นที่สำคัญ!

จะว่าไปนางไม่ได้กินข้าวมาหลายวันแล้ว ท้องร้องครืดคราดตลอดเวลา มือเล็กคว้าไปเจอโสมแก้วหัวหนึ่งอยู่ในกระเป๋าเสบียง หยิบขึ้นมาแทะกินอย่างเคยชิน

เพราะการกักตนช่วงที่ผ่านมากินพลังงานไปมากทีเดียว ค่าความหิวลดไปตั้งเกือบพัน!

“ข้าหิวแล้วสิ ข้าแค่หิวเท่านั้นเอง เฮ่อ หิวตลอดเวลาเลย”

เพราะต้องปกปิดว่าชอบกิน ดังนั้นมีแค่ต้องเติมค่าความหิวเข้าไปให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ เฟิงเหยาเลยเลือกที่จะสร้างนิสัยการกินสมุนไพรขึ้นมาบังหน้า จนท่านปู่และพี่ชายต้องคอยหาเมล็ดพันธุ์สมุนไพรรสเลิศมาให้นางปลูกอยู่เสมอ

ปลูกครั้งหนึ่งก็ต้องเป็นพันปีขึ้นไป อาจเพราะกินสมุนไพรเข้าไปมาก ค่าความหิวเยอะไม่รู้จะเอาไปทำอะไร เฟิงเหยาจึงใช้มันเพื่อเลื่อนขั้นไปเรื่อย ๆ เพราะอย่างนั้นนางถึงไม่ได้สนใจเรื่องการฝึกตนมากนักยังไงล่ะ

“อาเหยา ท่านปู่อยู่ชั้นสอง มีแขกมาเยือนน่ะ ว่าแต่เจ้าเป็นยังไงบ้าง แล้วโสมแก้วนี้เจ้าชอบหรือไม่ พี่จะได้จ้างนักฆ่าไปตามหาเพิ่ม”

“พี่ใหญ่ ข้ายังมีโสมวารี รากเกาเถา…” รายชื่อเมล็ดพันธุ์ที่ท่านปู่และพี่ใหญ่สกุลหยางเก็บสะสมมาให้นางยังมีอีกมาก ร่ายยาวออกมาทีทำเอารุ่ยหยงเลิกพูดเรื่องนี้ไปอีกสามเดือน ได้แต่คิดว่า ‘นี่ถึงรอบสามเดือนแล้วหรือ’ วันเวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน

“พอ ๆ ๆ เข้าใจแล้ว ๆ ยังมีอยู่เยอะก็ดีแล้ว พี่แค่กลัวเจ้าจะขาดของกินเล่น เดี๋ยวปากน้อย ๆ ก็จะเริ่มเบะและร้องไห้อีกครั้ง”

“พี่ใหญ่ วันนั้นข้าแค่เสียใจที่โดนโกงเจ้าค่ะ เงินข้า~” เฟิงเหยาแสดงเกินจริง ทำท่าเหมือน ‘เงินหลุดลอยไปแล้ว’ ทำให้รุ่ยหยงปิดปากขำท่าทางของนาง

“อุ้บ ฮ่ะ ๆ เอาเถอะ ๆ เดี๋ยวเจ้าไปรอท่านปู่ที่สวนก็ได้ เมื่อแขกกลับแล้วข้าจะบอกท่านให้ว่าเจ้าออกจากการกักตนแล้ว”

“ฝากด้วยนะเจ้าคะพี่ใหญ่” เฟิงเหยาเดินกลับไปที่สวน นางไม่ได้ตรวจงานสามวันไม่รู้สวนสมุนไพรสุดรักเป็นยังไงบ้าง ได้ยินแต่จากรายงานของอาหลานเท่านั้น

เมื่อเห็นด้วยตาตัวเองก็พบว่าสวนของนางไม่ได้แย่ลง แต่ก็ไม่ได้ดีขึ้นแต่อย่างใด ไม่แปลกเท่าไหร่ ที่ผ่านมาสมุนไพรในสวนดูดซับพลังธาตุไม้ที่นางปล่อยออกมาขณะฝึกพลังระหว่างดูแลพวกมัน ทำให้ดูดี๊ด๊าโตเร็วกว่าปกติ

ดีเท่าไหร่ที่มันไม่เหี่ยวเฉาเมื่อนางไม่ได้มาดูแลด้วยตัวเองนับสัปดาห์

“อาหลาน ๆ ” เด็กหญิงกวักมือไว ๆ เรียกอาหลานที่กำลังทำตัวเป็นมอนิเตอร์ จับตามองเหล่าคนงานทั้งห้าที่กำลังแยกย้ายกันทำงานตามหน้าที่ ส่วนใหญ่นอกจากดูแลสมุนไพรแล้วพวกเขามักจะไปบุกเบิกพื้นที่ป่า ตามจุดที่เฟิงเหยากาหัวเอาไว้แต่แรก

“เจ้าคะคุณหนู”

“อาหลาน วันนี้เจ้าคนนั้นทำงานอยู่ที่ใด” เจ้าคนนั้นที่เฟิงเหยากล่าวถึง คือคนที่ดูเหมือนมีบางอย่างในใจ แต่มีความสามารถมากพอที่จะกดเก็บมันเอาไว้และผ่านการทดสอบมาได้

“คนผู้นั้น เล่ยหรือเจ้าคะ เขาอยู่ด้านหลังนู้น กำลังบุกเบิกพื้นที่ปลูกอย่างแข็งขันเชียวเจ้าค่ะ ดูเหมือนจะเป็นเพียงพวกบ้ากล้ามทั่วไป”

“...” เฟิงเหยายิ้มแห้งเมื่ออาหลานที่อยู่กับนางบ่อย ๆ ติดคำศัพท์ยุคปัจจุบันบางอย่างไป นี่นางทำคนโบราณเสียคนรึเปล่าเนี่ย

“เอาล่ะ ไปทำงานของเจ้าต่อเถอะ” งานของอาหลานก็คือกลายเป็นกล้องวงจรปิดในสวนน่ะสิ แล้วเจ้าตัวก็ทำได้ดีซะด้วยนะ

“ข้าจะทำงานที่คุณหนูมอบหมายอย่างเต็มที่เจ้าค่ะ” คนอื่นอาจไม่รู้ว่าคุณหนูของนางถึงขั้นใดแล้ว อาจเพราะคุณหนูใช้ของวิเศษปกปิดระดับที่แท้จริงเอาไว้ แต่มีหรือสาวใช้ที่อยู่เฝ้าคุณหนูตลอดอย่างอาหลานจะไม่รู้ แต่เมื่อเป็นสิ่งที่คุณหนูกำชับอย่างเด็ดขาดว่าให้เก็บไว้เป็นความลับ อาหลานย่อมไม่มีวันนำไปบอกใครกระทั่งนายท่านผู้เฒ่า

นี่ยิ่งทำให้หญิงสาวทำงานด้วยความเต็มใจมากขึ้น

“เล่ยสินะ” เฟิงเหยาเดินลึกเข้าไปในภูเขา แต่เดิมมีกำแพงหินเตี้ย ๆ ขวางเอาไว้ แต่ตอนนี้ทุบออกจุดหนึ่งให้พอได้ผ่านไปง่าย ๆ คิดว่าต่อไปคงติดประตูเข้าไปด้วย

เดินขึ้นไปบนภูเขาด้านหลัง ช่วงต้น ๆ ยังมีหญ้าขึ้นประปราย ต้นไม้กระจัดกระจายไม่หนามาก ส่วนใหญ่ยังเป็นไม้ที่อายุไม่เยอะ เมื่อเดินขึ้นเนินไปจะเป็นที่ราบเล็ก ๆ อีกจำนวนหนึ่ง แล้วจึงกลายเป็นพื้นที่ภูเขาสูงชัน

ซึ่งเฟิงเหยาได้วาดแบบแปลนสวนสมุนไพรใหม่และส่งให้ท่านปู่เรียบร้อยแล้ว โดยใช้ค่าความหิวช่วยออกแบบให้ ตอนนี้เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาบ้างแล้ว

เพราะสมุนไพรเกิดขึ้นอิงธรรมชาติจะเติบโตได้เร็วที่สุด ส่วนใหญ่สวนสมุนไพรจึงอยู่บนภูเขา เช่นเดียวกับสวนของสกุลหยาง

“อยู่นั่นสินะ เล่ย” ทันทีที่สายตานางตกอยู่บนร่าง อีกฝ่ายก็หันขวับมาทันทีก่อนจะทำทีเป็นทำงานต่อไปราวกับไม่ได้สังเกตเห็นการมาถึงของนาง

เฟิงเหยายกยิ้มที่มุมปาก นางเพียงอยากรู้อยากเห็นเท่านั้น ดูเหมือนเพราะรวมสามแดนเข้าด้วยกัน เลยมีพวกระดับสูงในเล่มหลัง ๆ มาเพ่นพ่านอยู่เยอะเลยทีเดียว โดยเฉพาะในเมืองที่มีฉากเด็ดของนิยายแบบนี้

แต่ปัญหาคือช่วงเวลานี้ แม้ผ่านไปสองปีแล้ว ตัวละครหลักยังฝึกตนอยู่ในสำนักไม่ได้ออกเดินทางหาประสบการณ์ ทำไมพวกเขาถึงปรากฎตัวเร็วจัง?

“อาเล่ย”

คนถูกเรียกว่า ‘อาเล่ย’ หันขวับไปตามเสียง เขาขมวดคิ้วน้อย ๆ เมื่อเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ เรียกตนด้วยชื่อสนิทสนมเช่นนั้น

“คุณหนู ข้ามีนามว่าเล่ย แต่ท่านเรียกข้าเฉย ๆ ก็ได้ขอรับ”

“อาเล่ยอายุมากกว่า ข้าย่อมต้องให้ความเคารพ ข้าได้ยินว่าตลอดช่วงวันที่ผ่านมา ท่านมักจะบุกเบิกสวนสมุนไพรใหม่ แต่ไม่ค่อยได้เข้าไปดูแลสวนเก่า ท่านมีปัญหาในการดูแลสมุนไพรหรือไม่”

ตอนนี้อาจเรียกได้ว่าเฟิงเหยากำลังหาเรื่องไล่คนออก แต่นางเป็นเจ้านายที่มีศีลธรรมมากกว่านั้นย่อมต้องคิดถึงใจเขาใจเรา ต้องให้โอกาสปรับปรุงตัวซะหน่อย

“ข้าไม่กล้าแตะต้องสวนที่คุณหนูดูแลมาอย่างดี เกรงว่าไปยุ่มย่ามแล้วบรรยากาศจะแย่ลง”

“บรรยากาศ?” เฟิงเหยาเลิกคิ้วไม่เข้าใจ แต่ก่อนที่นางจะได้ถามต่อ เสียงท่านปู่ก็ดังขึ้น

“อาเหยาปู่มาแล้ว~” เสียงคนชราลอยมาตามลม ทำให้เฟิงเหยาลืมความสงสัยที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เพียงชั่ววูบนั้นไป

“อาเล่ย ท่านทำงานต่อไปเถอะ ทำดีมาก ข้าไม่รบกวนท่านแล้ว” ว่าแล้วร่างเล็กก็สะบัดตูดใช้วิชาตัวเบากลับไปที่ส่วนด้านหลังร้านในทันที

‘เทียนเล่ย’ ผู้ถูกตีสนิทอย่างงง ๆ โดยเด็กหญิง นางยังตำหนิเขาด้วยความเป็นกันเอง ซ้ำยังพร้อมรับฟังเหตุผลของผู้คน ทำให้มุมปากของเขากระตุกขึ้นมา

มันเป็นการกระตุกที่ทำให้รู้สึกไม่ดีเสียด้วย ราวกับว่าเด็กคนนี้จะทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนอะไรบางอย่าง เขารู้สึกไม่ค่อยดีเอาเสียเลย

.

***

“ท่านปู่~” เฟิงเหยาวิ่งมาคารวะให้ผู้เฒ่าปลก ๆ เมื่อได้รับสัญญาณก็นั่งลงฝั่งตรงข้าม บนโต๊ะมีขนมอร่อย ๆ เต็มไปหมด เพราะแบบนี้นางถึงชอบหาเวลาจิบชากับท่านปู่บ่อย ๆ ยังไงล่ะ

“อาเหยาอยากเจอปู่ หรือว่าสิ่งที่เจ้าเก็บตัวเงียบเพราะเจ้าทำแผนเสร็จสมบูรณ์แล้ว” ดวงตาของปู่หยางเต็มไปด้วยประกาย แต่เป็นประกายแห่งความเอ็นดูเด็กน้อย หาได้โลภในสิ่งที่นางคิดหรือทำออกมาไม่

“ใช่เลยเจ้าค่ะท่านปู่” ว่าแล้วเฟิงเหยาก็วางกระดาษที่มีร่างโครงสร้างบางอย่างพร้อมคำอธิบายไว้ด้านใน

“นี่คือ…สิ่งนั้นเจ้าค่ะ”

“เจ้าเอาจริงใช่ไหมอาเหยา ความจริงที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ดีแล้วนะ ปู่กำลังขยายร้านไปยังเมืองอื่น ๆ ด้วย”

“ท่านปู่ นี่จะเป็นรากฐานและงานใหญ่ ที่จะทำให้เรามีอำนาจมากขึ้นแน่นอนเจ้าค่ะ ถึงตอนนั้น…” ‘อำนาจ=ข้าสามารถกินอาหารของท่านจอมมารพ่อครัวได้’ แค่คิดน้ำลายนางก็แทบไหลลงมาแล้ว แต่เมื่อเห็นท่านปู่เหมือนสงสัยนางก็รีบเก็บสีหน้าอย่างรวดเร็ว

‘หรือว่าเจ้าเด็กนี่ อยากมีอำนาจเช่นนั้นหรือ’ ปู่หยางไม่เข้าใจเฟิงเหยานัก นางเป็นเด็กที่เข้าใจยาก เขายังรู้แค่ว่านางชอบที่จะกิน ชอบที่จะลิ้มรสชาติใหม่ ๆ แต่เรื่องอื่นภายในจิตใจของเด็กน้อยเขาแทบไม่เข้าใจเลย ซึ่งแค่ที่ท่านปู่หยางเข้าใจก็ถือว่าเป็นทั้งหมดในแรงขับเคลื่อนของนางแล้ว แต่คนทั่วไปคงคิดไม่ถึงว่าในสมองเล็กจ้อยของเด็กหญิงที่ได้ชื่อว่าห้องตำราเดินได้นั้น มีเพียงเรื่องกินอย่างเดียวจริง ๆ

“เจ้าอยากมีอำนาจเช่นนั้นหรืออาเหยา”

“เจ้าค่ะท่านปู่ ข้าอยากมีอำนาจมากขึ้น” เด็กหญิงยืนยันหนักแน่น

“เอาล่ะ ปู่จะทำตามที่เจ้าต้องการ เด็กดี เจ้าแค่ใช้ชีวิตให้มีความสุขเท่านั้นก็พอ”

“แค่มีท่านปู่กับพี่ใหญ่ ข้าก็มีความสุขแล้วเจ้าค่ะ” เพราะเคยเสียคนสำคัญในชีวิต คนสุดท้ายที่เรียกว่าครอบครัวไป เฟิงเหยาจึงหวงแหนครอบครัวมากขึ้นเป็นเท่าตัว

“เด็กดี”

แต่ว่าเรื่องกินก็ยังสำคัญ…รองลงมาก็ได้…

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ