ตอนที่ 8: The Shadow Trader
หลังจากได้รับข้อมูลจากทาเคดะแล้ว เคนจิก็มีเป้าหมายใหม่ เขารู้ว่าความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอต่อการต่อกรกับ "สภาสี่จตุรเทพ" ที่ใช้อำนาจและเงินในการควบคุมทุกอย่าง เขาต้องการ สมอง ที่สามารถมองเห็นข้อมูลที่คนอื่นมองไม่เห็น
ชื่อของ โอคามิ ฮิโระ ปรากฏขึ้นมา ฮิโระเป็นอัจฉริยะด้านคอมพิวเตอร์ที่เก็บตัวอยู่ใน ชมรมคอมพิวเตอร์ ที่ถูกทิ้งร้าง ไม่มีใครสนใจเขา ไม่มีใครอยากเป็นเพื่อนกับเขา และไม่มีใครรู้ว่าเขาสามารถทำอะไรได้บ้าง
เคนจิเดินไปยังอาคารเก่าๆ ของชมรมคอมพิวเตอร์ที่อยู่มุมหนึ่งของโรงเรียน บรรยากาศของที่นี่เงียบสงบและเต็มไปด้วยฝุ่นผง ราวกับเป็นอาคารที่ถูกทอดทิ้งจากโลกภายนอก
เมื่อเคนจิมาถึง เขายืนอยู่หลังกำแพงที่ห่างออกไปเล็กน้อย และมองเห็นฮิโระที่กำลังนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เก่าๆ แต่ทันใดนั้นเอง กลุ่มนักเรียนก็เดินเข้ามาและเริ่มรังแกฮิโระ พวกเขาไม่ได้ใช้กำลัง แต่ใช้คำพูดที่ดูถูกและทำลายคอมพิวเตอร์ของเขา
"แกอยู่ไปก็รกโลกว่ะไอ้แว่น" เสียงของหัวโจกดังขึ้น "ไปหาที่อื่นเล่นไป๊"
เคนจิเห็นฮิโระสั่นเทาด้วยความกลัว แต่เขากลับ ไม่ได้เข้าช่วยเหลือทันที ในสายตาของเคนจิ เขามองเห็นความจริงบางอย่างที่แตกต่างไปจากที่คนอื่นเห็น เขาเห็นความสิ้นหวังในสายตาของฮิโระ แต่เขาก็เห็นประกายบางอย่างที่แวบขึ้นมาในแววตาของเขาเช่นกัน
ฮิโระไม่ได้โต้ตอบด้วยกำลัง แต่เขากำลังพิมพ์อะไรบางอย่างลงในแป้นพิมพ์ด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง เคนจิผู้เคยเป็นผู้นำของยากูซ่ามาก่อน รู้ทันทีว่านั่นไม่ใช่การพิมพ์ธรรมดา แต่มันคือการ แฮกข้อมูล
ในที่สุด กลุ่มนักเรียนก็จากไป ทิ้งให้ฮิโระนั่งอยู่ตามลำพังกับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เสียหาย เคนจิเดินออกจากที่ซ่อนและเข้าไปหาฮิโระ
"นายกำลังทำอะไรอยู่" เคนจิถามด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสนิท
ฮิโระสะดุ้งและหันมามองเคนจิด้วยความตกใจ เขาไม่คิดว่าจะมีใครมาที่นี่ และไม่คิดว่าจะมีใครเห็นสิ่งที่เขาทำ
"ฉัน... ฉันไม่ได้ทำอะไร" ฮิโระตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
เคนจิยิ้มมุมปาก "ฉันรู้ว่านายไม่ได้ทำอะไร... แต่นายกำลังดูข้อมูลบางอย่างในตลาดหุ้นอยู่ใช่ไหม"
ฮิโระเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เขาไม่คิดว่าจะมีใครรู้เรื่องนี้
"นายทำเพื่อรักษาแม่ของนาย" เคนจิพูดต่อ "แล้วนายก็ใช้เงินทั้งหมดเพื่อซื้อยาราคาแพง"
ฮิโระรู้สึกเหมือนถูกมองทะลุปรุโปร่ง เขากำลังจะหนี แต่เคนจิก็หยุดเขาไว้ด้วยคำพูดบางอย่าง
"นายต้องการเงิน... และฉันต้องการสมองของนาย" เคนจิพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง "เรามาทำข้อตกลงกันไหม"
ตอนที่ 9: The Devil's Offer
โอคามิ ฮิโระรู้สึกเหมือนถูกสายตาของเคนจิมองทะลุปรุโปร่ง เขารู้สึกประหนึ่งว่าอีกฝ่ายกำลังแฮกชีวิตเขาผ่านสายตาคู่นั้น เคนจิไม่ได้แสดงความเห็นอกเห็นใจ แต่ก็ไม่มีความดูถูกในน้ำเสียง
"นายทำเพื่อรักษาแม่ของนาย" เคนจิพูด "ฉันเห็นรอยแผลเป็นที่มือของนาย... นายคงต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินให้ได้มากพอใช่ไหม"
ฮิโระยิ่งตัวแข็งทื่อ เขาไม่คิดว่าจะมีใครสังเกตเห็นเรื่องนี้ "นาย... นายรู้ได้ยังไง?"
เคนจิยิ้มมุมปาก "เพราะฉันก็เคยอยู่ในสถานการณ์แบบเดียวกับนาย แต่ต่างกันตรงที่ฉันต้องการเงินเพื่ออำนาจ"
ฮิโระไม่เข้าใจสิ่งที่เคนจิพูด แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าคนตรงหน้าไม่ใช่คนธรรมดา เคนจิเดินเข้ามาใกล้และยื่นมือถือเครื่องเก่าๆ ออกมา "ฉันมีข้อมูลวงในที่ไม่มีใครรู้"
"ข้อมูลอะไร?" ฮิโระถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
"ข้อมูลที่มาจากชาติก่อน... ข้อมูลที่ไม่มีใครในโลกนี้รู้" เคนจิพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่มันกลับทำให้ฮิโระรู้สึกเหมือนถูกจู่โจมด้วยข้อมูลที่หนักอึ้ง "ตลาดหุ้นที่นายกำลังเล่นอยู่เป็นเพียงของเล่นสำหรับคนมีเงิน แต่สิ่งที่ฉันจะให้นายมันเป็นเงินก้อนใหญ่ที่จะทำให้นายสามารถปลดหนี้ทั้งหมดได้ภายในวันเดียว"
ฮิโระนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เขากำลังสงสัยในตัวตนของเคนจิและสิ่งที่เคนจิกำลังเสนอให้ "ฉันต้องทำอะไรเพื่อแลกกับข้อมูลนี้?"
"นายไม่ต้องทำอะไร" เคนจิพูด "ฉันไม่ได้กำลังซื้อความสามารถของนาย... แต่ฉันกำลังซื้อ ความภักดี ของนาย"
ฮิโระเบิกตากว้างด้วยความตกใจ นี่ไม่ใช่การซื้อขาย แต่มันคือการทำสัญญาระหว่างนายกับบ่าว เคนจิไม่ได้ต้องการแค่เงิน แต่ต้องการสมองของฮิโระที่จะเป็นเครื่องมือในการบรรลุเป้าหมายของเขาเอง
"ฉันไม่ได้กำลังเสนอแค่เงินให้แก" เคนจิพูดต่อ "แต่ฉันกำลังเสนอ อิสรภาพ ทางการเงินที่แกต้องการ... และถ้าแกยอมรับข้อเสนอนี้... ชีวิตของแกจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป"
ในที่สุด ฮิโระก็พยักหน้าอย่างช้าๆ เขาตระหนักแล้วว่านี่ไม่ใช่แค่การตัดสินใจเพื่อหาเงิน แต่เป็นการตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาไปตลอดกาล เขาเอื้อมมือไปรับมือถือจากเคนจิ
ตอนที่ 10: The Unseen Strings
โอคามิ ฮิโระกลับมาที่ห้องชมรมคอมพิวเตอร์ที่รกร้างอีกครั้งด้วยมือถือเครื่องเก่าที่เคนจิมอบให้ ข้อมูลที่อยู่ในนั้นเรียบง่ายแต่ทรงพลัง ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทเทคโนโลยีเล็กๆ ที่กำลังจะเปิดตัวในตลาดหุ้น ฮิโระใช้ความรู้ทั้งหมดที่มีในการวิเคราะห์ข้อมูลนั้น และพบว่าทุกอย่างสอดคล้องกับสิ่งที่เคนจิบอก
เขานั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์และเริ่มดำเนินการตามแผนการที่เคนจิให้มาอย่างรวดเร็ว เสียงพิมพ์คีย์บอร์ดที่รัวเร็วเป็นเสียงเดียวที่ก้องอยู่ในห้องนั้น ฮิโระไม่สนใจอะไรนอกจากตัวเลขที่ปรากฏบนหน้าจอ
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป...
ฮิโระได้กำไรมหาศาล เขาไม่เคยทำเงินได้มากขนาดนี้ในชีวิต และเงินจำนวนนี้มากพอที่จะจ่ายค่ารักษาพยาบาลของแม่เขาไปได้อีกหลายปี เขาทำได้สำเร็จแล้ว!
"เป็นไปได้ยังไง..." ฮิโระพึมพำกับตัวเองด้วยความตกตะลึง ข้อมูลที่เคนจิให้ไม่ใช่แค่ "ข้อมูลวงใน" แต่เป็นข้อมูลที่มาจากโลกที่แตกต่างออกไป เป็นข้อมูลที่ไม่มีทางหาได้จากอินเทอร์เน็ตหรือแหล่งข่าวใดๆ
ในวินาทีนั้นเอง ฮิโระก็ตระหนักว่าเคนจิไม่ใช่แค่นักเรียนธรรมดาๆ เขาไม่ได้แค่ฉลาด แต่เขามี "ความรู้" ที่เหนือกว่ามนุษย์ทั่วไป ความรู้ที่ไม่ควรมีอยู่บนโลกนี้
ฮิโระเริ่มสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับเคนจิ มิชูกิ แต่นอกจากประวัติที่ว่างเปล่าของเด็กหนุ่มขี้แพ้คนหนึ่งแล้ว เขาก็ไม่พบอะไรเพิ่มเติม เขาย้อนกลับไปดูคลิปวิดีโอที่เคนจิเผชิญหน้ากับทาเคดะอีกครั้ง และสิ่งที่เขาเห็นในครั้งนี้กลับแตกต่างออกไป
เขาเห็น "เงาสีคราม" ที่ซ้อนทับอยู่บนตัวของเคนจิเป็นครั้งคราว และในแววตาของเคนจิมันไม่ใช่แววตาของเด็กขี้แพ้ แต่เป็นแววตาของ "ผู้มีอำนาจ" ที่อยู่ในจุดสูงสุดของทุกสิ่ง
ความจริงที่น่าตกใจทำให้ฮิโระรู้สึกขนลุก เคนจิ มิชูกิ ไม่ใช่แค่เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เปลี่ยนไป แต่เขาเป็นคนที่มีบางอย่างที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นซ่อนอยู่
ฮิโระตัดสินใจที่จะภักดีต่อเคนจิ ไม่ใช่เพราะเงิน แต่เพราะความอยากรู้ และความเชื่อว่าคนตรงหน้าคือคนเดียวที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาและโลกใบนี้ได้
ตอนที่ 11: The Undefeated King
เมื่อมี ฮิโระ ในฐานะ "สมอง" และ ทาเคดะ ในฐานะ "กำลัง" เคนจิก็รู้สึกว่าทีมของเขายังขาด "พลังต่อสู้" ที่แท้จริง ชื่อของ ซาคาอิ ไคโตะ ปรากฏขึ้นมา ไคโตะเป็นนักเรียนที่ขึ้นชื่อว่าเป็น "นักสู้ไร้พ่าย" ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ด้วยกำลังหรือกีฬาประเภทต่างๆ ไคโตะไม่เคยพ่ายแพ้ใคร และที่สำคัญคือเขาไม่ยอมเข้ากลุ่มกับใครเลย
เคนจิรู้ดีว่าการต่อสู้ด้วยกำลังกับไคโตะเป็นเรื่องโง่เง่า เพราะร่างกายของมิชูกิยังอ่อนแอเกินไป และเคนจิก็รู้ว่าไคโตะไม่ใช่แค่คนที่ชอบใช้กำลัง แต่เขาเป็นคนที่ยึดมั่นในศักดิ์ศรีของตัวเองอย่างสูงส่ง
เคนจิเริ่มสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับไคโตะ และเขาก็ได้รู้ว่าไคโตะมีนิสัยอย่างหนึ่งที่แปลกประหลาด นั่นคือการชอบ "ราเม็งรสเผ็ดนรก" ซึ่งเป็นเมนูขึ้นชื่อของร้านราเม็งแห่งหนึ่งที่ไม่มีใครกล้ากินเกินสองชาม
เคนจิพาทาเคดะและฮิโระไปที่ร้านราเม็งแห่งนั้น และเขาก็ได้พบกับไคโตะที่กำลังนั่งกินราเม็งชามที่สามอย่างสบายๆ เคนจิเดินเข้าไปนั่งตรงหน้าไคโตะและสั่งราเม็งรสเผ็ดนรกเช่นกัน
"นายเป็นใคร" ไคโตะถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ไม่เคยเห็นนายที่นี่มาก่อน"
"ฉันชื่อเคนจิ" เคนจิพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "ฉันมาที่นี่เพื่อท้าสู้กับนาย"
ไคโตะหัวเราะเบาๆ "นายดูเหมือนจะไม่มีกำลังพอที่จะสู้กับฉันนะ"
"ใช่" เคนจิพูด "ฉันไม่ได้จะสู้ด้วยกำลัง"
ไคโตะหรี่ตามองเคนจิด้วยความสงสัย "แล้วนายจะสู้กับฉันด้วยอะไร?"
เคนจิยิ้มมุมปากเล็กน้อย "ฉันจะสู้กับนายด้วย ความอดทน"
แล้วเขาก็ท้าไคโตะแข่งกินราเม็งเผ็ดนรก โดยวางเดิมพันว่าถ้าเขาชนะ ไคโตะจะต้องยอมทำตามคำสั่งของเขาหนึ่งครั้ง
ไคโตะหัวเราะอีกครั้ง "น่าสนใจ" เขาพูด "แต่ฉันไม่เคยแพ้ใครเลยนะ"
"ฉันก็เหมือนกัน" เคนจิพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง "ในชีวิตของฉัน...ไม่เคยแพ้ใครเลย"
ไคโตะเห็นแววตาที่มั่นคงของเคนจิแล้วรู้สึกสนใจ เขาตอบรับคำท้าและสั่งราเม็งมาอีกหนึ่งชามสำหรับเคนจิ
การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่การต่อสู้ด้วยกำลัง แต่มันเป็นการต่อสู้ด้วยสติปัญญาและความอดทน ซึ่งเคนจิรู้ดีว่าเขาสามารถเอาชนะได้ด้วยเทคนิคจากชาติก่อนของเขา
ตอนที่ 12: A Battle of Willpower
กลิ่นฉุนของพริกและเครื่องเทศลอยคละคลุ้งในอากาศ ณ ร้านราเม็งริมถนนที่ขึ้นชื่อเรื่องความเผ็ด ซาคาอิ ไคโตะ กำลังนั่งอยู่หน้าชามราเม็งที่ไอน้ำสีแดงฉานลอยขึ้นมาอย่างน่ากลัว ตรงข้ามเขาคือ เคนจิ ที่นั่งด้วยท่าทีสงบนิ่งราวกับอยู่คนละโลก
ไคโตะรู้สึกถูกดูถูกเล็กน้อยกับการที่เด็กหนุ่มที่ดูผอมบางคนนี้มาท้าสู้ในสิ่งที่เขาคิดว่าตัวเองเชี่ยวชาญที่สุด ไม่ใช่การต่อสู้ด้วยกำลัง แต่เป็นการต่อสู้กับความเจ็บปวดจากการเผ็ดร้อน "ถ้าคิดว่าการแข่งแบบนี้จะทำให้ฉันยอมรับนาย... นายคิดผิดแล้ว" ไคโตะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ฉันไม่เคยแพ้ใคร ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้แบบไหน"
เคนจิไม่ได้ตอบอะไร แต่รอยยิ้มบางๆ ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา "ถ้าอย่างนั้น... ก็แค่กิน"
การแข่งเริ่มต้นขึ้น ไคโตะเริ่มกินราเม็งอย่างรวดเร็ว เขาใช้ความแข็งแกร่งของร่างกายและจิตใจที่ฝึกฝนมาอย่างดีเพื่อทนต่อความเผ็ดร้อนที่แล่นไปทั่วปาก ไคโตะไม่ใช่แค่คนชอบกินเผ็ด แต่เขามองการกินราเม็งชามนี้เหมือนเป็นการฝึกฝนความอดทนอย่างหนึ่ง
ในขณะที่ไคโตะกินด้วยพละกำลัง เคนจิกลับกินอย่างช้าๆ และใช้เทคนิคการหายใจที่ซับซ้อน นี่คือเทคนิคการแพทย์โบราณที่เขาเคยใช้ในชาติก่อนเพื่อระงับความเจ็บปวดจากการถูกทรมาน เคนจิไม่ได้ใช้ร่างกายที่อ่อนแอของมิชูกิสู้กับความเผ็ด แต่ใช้จิตใจที่แข็งแกร่งของริวอิจิควบคุมมัน
"อะไรของนาย... นายไม่ได้รู้สึกเผ็ดเลยเหรอ?" ไคโตะเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติ สีหน้าของเคนจิยังคงเรียบเฉย ในขณะที่ใบหน้าของเขาเองเริ่มมีเหงื่อซึมออกมา
"รู้สึกสิ" เคนจิพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ "แต่ฉันแค่ไม่สนใจมัน"
คำพูดของเคนจิทำให้ไคโตะรู้สึกว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับอะไรบางอย่างที่ยิ่งใหญ่กว่าที่คิด นี่ไม่ใช่แค่การต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรี แต่เป็นการต่อสู้ระหว่าง "ความอดทน" และ "การควบคุม" ไคโตะที่เคยเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดกำลังจะถูกเอาชนะด้วยสิ่งที่เขาไม่เคยคิดถึงมาก่อน
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?