การตื่นรู้และลูกน้องคนแรก

The Shadowed Uniform 

โคตรอหังการยากูซ่าในชุดนักเรียน

ตอนที่ 1: Rebirth on the Rooftop

เสียงกระทืบเท้ารุนแรงดังขึ้นพร้อมกับความเจ็บปวดที่แล่นไปทั่วร่าง ดวงตาสีดำสนิทที่เคยว่างเปล่าค่อยๆ เปิดขึ้นรับภาพแสงแดดจ้าที่กระทบกับพื้นดาดฟ้าคอนกรีตที่เย็นเฉียบ เคนจิ มิชูกิรู้สึกเหมือนร่างของเขากำลังแตกสลาย แต่นั่นไม่ใช่ความเจ็บปวดที่เขาคุ้นเคย

จิตใจของเขายังคงจมอยู่ในสมรภูมิสุดท้าย  กลิ่นคาวเลือด, เสียงปะทะของดาบ, และความรู้สึกอ้างว้างที่ถูกหักหลังโดยคนสนิท ความทรงจำสุดท้ายคือคมดาบที่แทงทะลุหัวใจ และแสงที่เลือนหายไปช้าๆ

แต่ตอนนี้...เขายังมีชีวิตอยู่

"เห้ย! มองอะไรวะ!" เสียงของ ทาเคดะ หัวโจกตัวอ้วนดังขึ้น เขาเล็งปลายรองเท้าหนังที่จะกระทืบลงมาอีกครั้ง แต่ในวินาทีนั้นเอง จิตใจที่เคยเป็นของ คุโรดะ ริวอิจิ ก็กลับมาควบคุมร่างที่อ่อนแอของเคนจิโดยสมบูรณ์

เขาไม่ได้ตอบโต้ด้วยกำลัง สิ่งที่เคนจิทำคือการ จ้องตา ชายตรงหน้า ด้วยแววตาที่เย็นชาจนราวกับน้ำแข็งในขุมนรก แววตาที่เคยสั่งการทัพนับพันในชาติก่อน แรงกดดันอันมหาศาลที่เรียกว่า "จิตข่มพสุธา" หรือ Haki ที่หลงเหลือเพียงเศษเสี้ยว มันแผ่ออกไปอย่างเงียบงัน แต่หนักหน่วงจนทาเคดะรู้สึกเหมือนถูกกดทับด้วยภูเขาหิน

"รองเท้าของแกสกปรก" เคนจิพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่มันกลับก้องในหูของทาเคดะอย่างน่าขนลุก "ถ้าแกเหยียบลงมาอีกครั้ง รองเท้าคู่นั้นจะไม่มีวันสะอาดอีกเลย... เช่นเดียวกับประวัติของแก"

ทาเคดะตัวแข็งทื่อ ไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เป็นความสับสน ในสายตาของเขามันเห็นภาพความทรงจำที่น่าอับอายที่สุดของตัวเอง—ตอนที่เคยถูกพ่อทำร้าย ถูกมองเป็นขยะสังคม และความรู้สึกต่ำต้อยที่พยายามจะกลบเกลื่อนด้วยการใช้กำลังกับคนอื่น คำพูดของเคนจิเหมือนมีดที่กรีดลึกลงไปในปมด้อยของเขา ทำให้ความแข็งกร้าวที่สร้างขึ้นมาพังทลายลงในทันที

"อะไร... อะไรของมึง?" ทาเคดะถอยหลังไปอย่างไม่รู้ตัว มือที่กำหมัดแน่นก็เริ่มสั่นเทา

ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าที่สง่างามก็ดังขึ้นจากทางประตู ทาจิบานะ ยูกิ ประธานนักเรียนหญิงที่งดงามราวกับตุ๊กตาแก้ว ก้าวออกมาพร้อมกับสีหน้าเรียบเฉย

"มีเรื่องอะไรกันเหรอคะ ทาเคดะคุง?" ยูกิถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่แววตาของเธอนั้นคมกริบ เธอมองไปที่เคนจิ มิชูกิที่นั่งอยู่บนพื้น และในเสี้ยววินาทีนั้น "เนตรกระจกวารี" ของเธอก็ทำงาน ภาพเงาของ "มังกรสีคราม" ขนาดใหญ่แวบขึ้นมาโอบล้อมร่างที่บอบช้ำของเคนจิ และดวงตาของมันก็จ้องกลับมาที่เธออย่างเยือกเย็น

ในสายตาของเธอ เด็กหนุ่มขี้แพ้คนนี้ไม่ใช่แค่มนุษย์ธรรมดา

เคนจิลุกขึ้นอย่างช้าๆ เขาปัดฝุ่นออกจากชุดนักเรียนที่ขาดวิ่น แล้วเดินผ่านกลุ่มนักเลงที่ยืนตัวแข็งทื่อไปอย่างไม่สนใจ เขาไม่ได้เหลือบตามองยูกิแม้แต่น้อย แต่เสียงของเขากลับก้องอยู่ในหัวของเธอ "ถ้าไม่มีธุระอะไร ก็อย่ามายุ่ง"

ยูกิยืนนิ่งมองตามแผ่นหลังของเคนจิที่เดินจากไป เธอยังคงเห็นภาพเงาของมังกรสีครามที่ลอยวนรอบตัวเขา ไม่ว่าจะมองอย่างไร เธอก็ไม่สามารถอธิบายสิ่งที่เห็นได้ด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ใดๆ เลย

ตอนที่ 2: The Haunted Past

ชุดนักเรียนที่ขาดวิ่นและใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำเป็นเพียงเศษเสี้ยวของความเจ็บปวดที่เคนจิ มิชูกิรู้สึกได้ในตอนนี้ แต่สิ่งที่น่ารำคาญกว่ารอยแผลภายนอก คือภาพความทรงจำที่วิ่งเข้ามาไม่หยุดหย่อน ภาพความทรงจำของ มิชูกิคนเดิม

ความหวาดกลัวยามถูกแกล้ง ความอับอายยามถูกเยาะเย้ย และความโดดเดี่ยวที่ไม่มีใครสนใจ ทุกภาพความทรงจำเหล่านั้นซ้อนทับกับความทรงจำอันยิ่งใหญ่ของ คุโรดะ ริวอิจิ ราวกับปรสิตที่พยายามจะกัดกินตัวตนของเขาจากภายใน ริวอิจิที่เคยเป็นผู้นำของโลกใต้ดิน ไม่เคยต้องสัมผัสกับความรู้สึกสิ้นหวังเช่นนี้มาก่อน

บ้านของมิชูกิไม่ได้น่าอยู่กว่าที่โรงเรียนเท่าไหร่ ห้องเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยกองหนังสือการ์ตูนและซองบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ถูกทิ้งไว้เกลื่อนพื้น มันสะท้อนให้เห็นถึงชีวิตของเด็กหนุ่มที่ไร้จุดมุ่งหมาย และไร้ผู้ดูแล

เคนจิทรุดตัวลงนั่งบนเตียงที่ยุบตัว "โลกแบบนี้... เป็นโลกที่ฉันเคยสาบานว่าจะไม่มีวันหวนคืน" เขารำพึงกับตัวเอง

ในโลกของคุโรดะ ริวอิจิ มีแต่ความแข็งแกร่งและความเด็ดขาด คนที่อ่อนแอคือคนที่ต้องตาย แต่ในโลกของเคนจิ มิชูกิ ความอ่อนแอคือตัวตนที่แท้จริง

เขาลองนั่งสมาธิและพยายามรวบรวมเศษเสี้ยวของ จิตข่มพสุธา ที่ยังหลงเหลืออยู่ แต่สิ่งที่เขารับรู้ได้กลับเป็นเพียงความว่างเปล่าที่หนักอึ้งและเศร้าสร้อย นี่คือความรู้สึกของมิชูกิที่ปรารถนาในอำนาจ แต่ไม่มีวันไขว่คว้ามันมาได้ ความปรารถนาอันเจ็บปวดนั้นเข้าพันธนาการจิตใจของเขา ทำให้พลังอันยิ่งใหญ่ที่เคยมีถูกกดทับจนแทบไม่เหลือ เขาเหมือนกับราชสีห์ที่ติดอยู่ในกรงขังของกระต่าย

"ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป... ฉันก็จะกลายเป็นแค่มิชูกิคนเดิม" เขาพึมพำด้วยเสียงที่เย็นชา ร่างกายของมิชูกิยังคงอ่อนแอ แต่จิตใจของคุโรดะ ริวอิจิไม่ยอมจำนน

เคนจิเดินไปที่กระจกบานเก่าที่เต็มไปด้วยฝุ่น เขาเห็นภาพใบหน้าที่ช้ำและดวงตาที่อ่อนล้าของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง แต่ในแววตานั้นกลับมีประกายความมุ่งมั่นที่แข็งแกร่งกว่าภูเขาหิน "ไม่... ฉันจะไม่ยอมแพ้" เขาพูดกับเงาสะท้อนในกระจก

เขาหยิบขวดน้ำเปล่าในตู้เย็นออกมา และเริ่มใช้ร่างกายที่อ่อนแอของมิชูกิฝึกซ้อมการต่อสู้ตามที่คุ้นเคยจากชาติก่อน แม้จะทุลักทุเลและเจ็บปวด แต่เขาก็ไม่หยุด สิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่แค่การฟื้นคืนพลัง แต่เป็นการทำลายพันธนาการของความอ่อนแอภายในตัวเอง และพิสูจน์ว่าร่างนี้สามารถเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมได้

การต่อสู้ภายในของเขาเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น

ตอนที่ 3: The First Connection

รอยแผลภายนอกเริ่มจางลง แต่รอยแผลภายในยังคงกัดกินจิตใจของเคนจิ เขากลับมาโรงเรียนและใช้เวลาว่างทั้งหมดในห้องยิมเก่าที่ถูกทิ้งร้าง ที่นี่ไม่มีใครมาวุ่นวาย มีเพียงเสียงรองเท้าที่เสียดสีกับพื้นและเสียงหายใจที่หนักหน่วงของเขาเอง

เคนจิพยายามฝึกฝนการต่อสู้ตามแบบที่คุ้นเคย แต่ร่างกายของมิชูกิอ่อนแอเกินกว่าจะตามจิตใจของเขาได้ เขาเหมือนกับมังกรที่ถูกบังคับให้บินด้วยปีกของนกกระจอก ทุกการเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความผิดหวัง แต่เขาก็ยังคงมุ่งมั่น

"แค่นี้ก็เหนื่อยแล้วเหรอ?" เสียงภายในของคุโรดะ ริวอิจิที่เคยเป็นผู้นำของยากูซ่าดังขึ้น "ในเมื่อก่อนเราเคยวิ่งท่ามกลางกระสุนนับร้อยกระสุน"

เขาไม่สนใจเสียงนั้น เขาเดินไปที่มุมห้องและทรุดตัวลงนั่งในท่าสมาธิ เคนจิหลับตาลง พยายามจะเชื่อมต่อกับ "พลังมังกร" ที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของเขา เขาเคยเป็นมังกรที่อยู่เหนือทุกสิ่ง แต่ตอนนี้เขารับรู้ได้เพียงความว่างเปล่าที่หนักอึ้งและเย็นชา

มันไม่ใช่พลังที่หายไป แต่เป็นเหมือนพลังที่ไม่เคยมีอยู่เลยตั้งแต่ต้น

ความรู้สึกผิดหวังและสิ้นหวังเข้าครอบงำเคนจิอีกครั้ง เขาเหมือนถูกขังอยู่ในห้องที่ไร้ประตูไร้หน้าต่าง เขายอมแพ้ไม่ได้ แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหน

เสียงฝีเท้าที่สง่างามดังขึ้นอีกครั้ง เคนจิปรือตาขึ้นและพบว่า ทาจิบานะ ยูกิ ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ เธอไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่จ้องมองเขาด้วยดวงตาที่สงสัย เคนจิรู้สึกอึดอัดกับสายตานั้นจนต้องเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาก่อน

"เธอมีธุระอะไร" เขาถามด้วยน้ำเสียงห้วนๆ

"ไม่ค่ะ" ยูกิพูดอย่างเรียบเฉย "ฉันแค่สงสัยว่าคุณกำลังฝึกอะไรอยู่" เธอถามไปที่ถุงทรายและรอยร้าวบนกำแพงที่เกิดจากการฝึกฝนของเคนจิ เคนจิไม่ตอบอะไร

ยูกิเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถามคำถามที่ทำให้เคนจิตกใจ

"ทำไมคนที่คุณเคยเป็นถึงได้ถูกลบเลือนไปคะ?" เธอไม่ได้ถามว่าเขาเป็นใคร หรือทำไมเขาถึงเปลี่ยนไป แต่เธอถามว่าทำไมตัวตนที่แข็งแกร่งและน่าเกรงขามที่เธอเห็นในวันนั้นถึงได้ถูก "ลบเลือน" ไป

เคนจิรู้สึกเหมือนถูกมองเห็นทะลุปรุโปร่ง เขาไม่ได้ตอบคำถาม แต่เขารู้ว่ายูกิกำลังพูดถึง เงาสีคราม ที่เธอเห็นและตัวตนของคุโรดะ ริวอิจิที่กำลังต่อสู้กับความอ่อนแอของเคนจิ มิชูกิ

เขาจ้องตาเธอกลับไป และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "บางครั้งการถูกลบเลือนก็เป็นเรื่องดี"

"จริงเหรอคะ" ยูกิถาม "สำหรับฉัน...การถูกลบเลือนคือการถูกลืมและถูกแทนที่" เธอพูดจบแล้วก็เดินจากไป ทิ้งให้เคนจินั่งอยู่ตามลำพังกับคำถามที่ยากจะหาคำตอบ

คำพูดของยูกิกระแทกเข้ากลางใจของเคนจิอย่างจัง เธออาจไม่รู้ว่าเขาคือใคร แต่เธอมองเห็นความจริงบางอย่างที่แม้แต่ตัวเขาเองยังพยายามจะหลีกหนี การถูกลบเลือนคือการถูกลืมและถูกแทนที่ นี่คือชะตากรรมที่เขาจะต้องเผชิญหากเขายังคงจมอยู่กับความอ่อนแอของมิชูกิ

ตอนที่ 4: The Provocation

การฝึกฝนของเคนจิไม่ได้ทำให้เขาสามารถกลับมาแข็งแกร่งได้ในพริบตา เขายังคงรู้สึกเหมือนอยู่ในกรงขังของร่างกายมิชูกิที่อ่อนแอ และการเชื่อมต่อกับพลังมังกรก็ยังคงเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้

ในขณะที่เขากำลังเดินกลับบ้าน ทาเคดะและพรรคพวกอีกสามคนก็ปรากฏตัวขึ้นขวางทาง ทาเคดะไม่ได้มาคนเดียวเหมือนครั้งก่อน และในสายตาของเคนจิ เขาสังเกตเห็นความสั่นเทาเล็กๆ ในแววตาของหัวโจกคนนี้ มันไม่ใช่ความกล้าหาญ แต่เป็นความพยายามที่จะกลบเกลื่อนความกลัวที่ฝังลึกจากเหตุการณ์ครั้งก่อน

"ไอ้ขี้แพ้!" ทาเคดะตะโกนเสียงดัง "คิดว่าเก่งแล้วเหรอ แค่ใช้ลูกไม้หลอกกันวันเดียวก็ดีใจจนลืมตัว?"

เคนจิยืนนิ่งและมองไปที่ทาเคดะและพรรคพวกของเขาอย่างประเมินค่า พรรคพวกที่มาด้วยแต่ละคนดูแข็งแกร่งกว่าทาเคดะเสียอีก คนหนึ่งมีรอยสักรูปงูที่บ่งบอกว่าเป็นลูกน้องของแก๊งยากูซ่า คนหนึ่งดูเหมือนนักสู้ที่ฝึกฝนมาอย่างดี และอีกคนมีแววตาที่เต็มไปด้วยความแค้น

"แกกำลังกลัว" เคนจิพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสนิท "แกพยายามเอาคนอื่นมาล้อมรอบเพื่อปกปิดความจริงที่ว่าแกกลัวจนตัวสั่น"

คำพูดของเคนจีเหมือนกับเข็มที่ทิ่มแทงเข้ากลางใจของทาเคดะ เขาโมโหจนเลือดขึ้นหน้า แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากกำหมัดแน่น

"หุบปาก!" ทาเคดะคำราม "แก... แกกำลังจะเจอดีแน่!" เขาหันไปหาพรรคพวกที่แข็งแกร่งกว่าเขาและให้สัญญาณให้จัดการเคนจิ

แต่ในวินาทีนั้นเอง เคนจิไม่ได้สู้ เขาเพียงแค่ปรายตามองไปที่รอยสักรูปงูบนแขนของชายคนหนึ่ง เขาจำได้ว่ารอยสักแบบนี้เป็นของแก๊งยากูซ่า "เฮียวคุมะ" แก๊งที่ขึ้นชื่อเรื่องความอำมหิต และเป็นศัตรูกับ "พยัคฆ์ขาว" แก๊งที่ใหญ่กว่าที่เขาเคยได้ยินมาในชาติก่อน และรอยสักนี้ไม่ได้มาจากนักเลงระดับธรรมดา

"แกไปยุ่งอะไรกับพวกเฮียวคุมะ?" เคนจิถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่มันกลับทำให้ชายคนนั้นตัวแข็งทื่อ คำพูดของเคนจิเหมือนกับเวทมนตร์ที่ทำให้เขาเห็นภาพความจริงที่น่ากลัว ทาเคดะไม่ได้มาเพื่อหาเรื่องธรรมดาๆ แต่มันกำลังพยายามที่จะแสดงอำนาจที่เขาไม่มี

ทาเคดะได้แต่ยืนมองด้วยความสับสน นี่ไม่ใช่การต่อสู้ด้วยกำลัง แต่มันเป็นการต่อสู้ด้วยสติปัญญา เคนจิกำลังทำให้เขารู้สึกเหมือนเป็นแค่ตัวหมากในเกมที่ใหญ่กว่าที่เขาจะเข้าใจ

ในที่สุด เคนจิก็เดินจากไปอย่างเงียบๆ ทิ้งให้ทาเคดะและพรรคพวกยืนตัวแข็งทื่ออยู่ตามลำพัง ทาเคดะยังไม่รู้ว่าเคนจิได้วางแผนบางอย่างไว้แล้ว

ตอนที่ 5: A New Kind of Battle

ทาเคดะรู้สึกเหมือนถูกเยาะเย้ย การที่เคนจิเดินจากไปทำให้เขาแทบคลั่ง วันรุ่งขึ้น ทาเคดะตามไปหาเคนจิที่โรงเรียนและท้าสู้ตรงๆ "ไอ้ขี้ขลาด! มาสู้กันตัวต่อตัว!"

เคนจิรับคำท้าของทาเคดะด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่มันไม่ใช่การต่อสู้ด้วยกำลัง สิ่งที่เขาทำคือยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้ทาเคดะ "ถ้าอยากสู้กับฉัน... ไปที่นี่คนเดียว" บนกระดาษมีเพียงที่อยู่ของโกดังเก่าๆ แห่งหนึ่งซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของแก๊งยากูซ่า "เฮียวคุมะ" ที่เคนจิเห็นรอยสักของลูกน้องทาเคดะ

ทาเคดะไม่ทันคิดอะไร เขามัวแต่หัวเสียกับการที่เคนจิไม่ยอมสู้ด้วย เขาคิดว่าเคนจิคงวางแผนจะซุ่มโจมตีเขา แต่ในใจลึกๆ เขากลับรู้สึกดีที่ได้สู้กับเคนจิอย่าง "เท่าเทียม" และที่สำคัญคือเขาจะได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าเขาไม่ได้กลัวเด็กขี้แพ้คนนี้ ทาเคดะเดินทางไปที่โกดังเก่าเพียงลำพัง

ขณะที่เขาก้าวเข้าไปในโกดัง เขาก็ได้พบกับกลุ่มนักเลงที่ดูเหมือนพวกสัตว์กินเนื้อ พวกเขาทั้งหมดมีรอยสักรูปงูและมีท่าทีดุดันราวกับรอคอยบางอย่างอยู่

"ไอ้เด็กเวรนี่มันมาคนเดียวเหรอ?" หัวหน้าแก๊งของเฮียวคุมะพูดด้วยน้ำเสียงดูถูก "แกเป็นใคร ถึงกล้ามาบุกรุกที่นี่คนเดียว?"

ทาเคดะรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ แต่ก่อนที่เขาจะได้อธิบายอะไร เสียงของเคนจิก็ดังขึ้นมาจากลำโพงที่ซ่อนอยู่ภายในโกดัง "แกกล้าดียังไง ถึงได้เอาของของฉันไป?"

เสียงของเคนจิทำให้หัวหน้าแก๊งของเฮียวคุมะสับสน เขามองไปที่ทาเคดะด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความแค้นทันที "แก! ไอ้เด็กเวรนี่! แกขโมยอะไรไปจากเรา?"

ทาเคดะตกใจและสับสน "ไม่ใช่... ฉันไม่ได้เอาอะไรไป!" เขากำลังจะถูกซ้อมอย่างหนัก เขาตระหนักได้แล้วว่าตัวเองตกหลุมพรางของเคนจิเข้าให้แล้ว เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเคนจิ แต่เป็นเพียงตัวหมากในเกมที่ใหญ่กว่า

 

 

 

 

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ