การรวบรวมขุนพล2

ตอนที่ 13: The Last Bite

การแข่งขันดำเนินไปอย่างดุเดือด ในชามที่สามและสี่ ไคโตะเริ่มรู้สึกถึงขีดจำกัด ใบหน้าของเขาแดงก่ำไปด้วยเหงื่อที่ไหลลงมาไม่หยุดหย่อน เขากำตะเกียบแน่นและใช้กำลังทั้งหมดที่มีเพื่อบังคับตัวเองให้กินต่อไป เขาพึ่งพาวินัยและกำลังกายที่ฝึกฝนมาอย่างหนักเพื่อที่จะชนะ

ตรงกันข้ามกับไคโตะ เคนจิยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย เขากินอย่างช้าๆ แต่สม่ำเสมอ ในทุกๆ คำที่กินเข้าไป เคนจิจะใช้เทคนิคการหายใจที่เข้มข้นขึ้นเพื่อควบคุมประสาทสัมผัสของเขา เขาไม่สนใจความเผ็ดร้อนที่แล่นไปทั่วปาก แต่เลือกที่จะบังคับให้จิตใจของเขาอยู่ในสภาวะที่สงบที่สุด นี่คือเทคนิคการแพทย์โบราณที่เขาเคยใช้ในชาติก่อนเพื่อระงับความเจ็บปวดจากการถูกทรมาน

เมื่อราเม็งชามที่ห้ามาถึง ทั้งสองต่างก็ต้องเผชิญกับความท้าทายที่ยากที่สุด ไคโตะเริ่มสั่นเทาด้วยความเจ็บปวด เขากำลังจะยอมแพ้ แต่แล้วเขาก็มองไปที่ดวงตาของเคนจิที่ยังคงนิ่งสงบ และเขาก็รู้สึกได้ถึงความมุ่งมั่นที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

ในวินาทีสุดท้าย เคนจิใช้พลังทั้งหมดที่มีเพื่อควบคุมร่างกายที่อ่อนแอของมิชูกิให้กินคำสุดท้ายเข้าไป เขาทำได้สำเร็จ!

ไคโตะทิ้งตะเกียบลงบนโต๊ะด้วยความพ่ายแพ้ เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะถูกเอาชนะด้วยวิธีที่ง่ายดายเช่นนี้

"นายชนะ..." ไคโตะพูดด้วยน้ำเสียงที่ยอมรับในความพ่ายแพ้ "แต่ฉันไม่เข้าใจ..."

เคนจิลุกขึ้นยืนและมองไปที่ไคโตะ "การต่อสู้ไม่ได้มีแค่การใช้กำลัง... แต่มันคือการควบคุมทุกอย่างในตัวเรา" เคนจิพูดจบแล้วเดินออกไปจากร้าน ทิ้งให้ไคโตะนั่งอยู่ตามลำพังกับความรู้สึกที่ซับซ้อน

ตอนที่ 14: The New Family

ซาคาอิ ไคโตะกลับมาที่บ้านด้วยความรู้สึกที่สับสน เขามองไปที่เงาสะท้อนของตัวเองในกระจกและไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรดี เขารู้สึกถึงความพ่ายแพ้ที่เจ็บปวด แต่ก็รู้สึกได้ถึงความเคารพอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

ในที่สุด เขาก็ตัดสินใจเดินกลับไปที่โรงเรียนเพื่อไปหาเคนจิ

เมื่อเขามาถึง เคนจิ, ทาเคดะ และฮิโระ กำลังนั่งอยู่ที่ห้องชมรมคอมพิวเตอร์ที่ตอนนี้กลายเป็นฐานบัญชาการชั่วคราวของพวกเขา ทั้งสามคนดูเหมือนจะมีบทบาทที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน: ทาเคดะที่กำลังจัดการเรื่องเล็กๆ น้อยๆ , ฮิโระที่กำลังนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์และทำงานกับข้อมูลบางอย่าง, และเคนจิที่กำลังนั่งอยู่ตรงกลางราวกับเป็น ผู้บัญชาการ ที่มองเห็นทุกอย่าง

ไคโตะเดินเข้าไปและพูดด้วยน้ำเสียงที่ยอมรับในความพ่ายแพ้ "ฉัน... ฉันยอมรับความพ่ายแพ้ของฉัน" เขาพูด "ฉันจะทำตามคำสั่งของนายหนึ่งครั้ง"

เคนจิไม่ได้แสดงอาการแปลกใจ เขาแค่หันไปมองไคโตะและพูดว่า "คำสั่งแรกของฉัน... ก็คือให้นายเข้าร่วมกลุ่มของฉัน"

ไคโตะตกใจ เขาไม่คิดว่าเคนจิจะสั่งแบบนี้ แต่เขาก็มองไปที่ทาเคดะและฮิโระ ที่ต่างก็ดูเหมือนจะยอมรับในตัวเคนจิแล้ว

"ทำไม?" ไคโตะถาม "ทำไมนายถึงต้องการฉัน"

เคนจิลุกขึ้นยืนและเดินไปหาไคโตะ "ฉันต้องการ กำลัง ที่แท้จริง" เคนจิพูด "และฉันต้องการ ศักดิ์ศรี ที่นายยึดมั่น"

ไคโตะรู้สึกได้ถึงความจริงใจในน้ำเสียงของเคนจิ และเขาก็ตัดสินใจที่จะเข้าร่วมกลุ่มของเคนจิ

หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งทาเคดะ, ฮิโระ, และไคโตะ ก็เริ่มทำงานร่วมกันเป็นทีม และบทบาทของแต่ละคนก็ชัดเจนขึ้น: ฮิโระ ในฐานะ "สมอง" ที่สามารถมองเห็นข้อมูลที่คนอื่นมองไม่เห็น, ทาเคดะ ในฐานะ "กำลัง" ที่คอยจัดการเรื่องเล็กๆ น้อยๆ และนำกลุ่ม, และ ไคโตะ ในฐานะ "พลังต่อสู้" ที่พร้อมจะเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง

กลุ่มของเคนจิได้ก่อตั้งขึ้นแล้ว และนี่คือจุดเริ่มต้นของสงครามในเงามืด

ตอนที่ 15: The Invitation

ห้องชมรมคอมพิวเตอร์ที่เคยรกร้างว่างเปล่า ตอนนี้เต็มไปด้วยชีวิตชีวาและความตึงเครียดที่มองไม่เห็น ฮิโระกำลังทำงานอยู่หน้าจอ, ทาเคดะกำลังปรึกษาแผนการกับไคโตะ, และเคนจิกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเก่าๆ ราวกับเป็นผู้บัญชาการที่รอคอยการเคลื่อนไหวของศัตรู

ในขณะที่ทุกคนกำลังยุ่งอยู่กับงานของตัวเอง ประตูห้องชมรมก็ถูกเปิดออกอย่างช้าๆ เผยให้เห็นกลุ่มนักเรียนสี่คนที่ยืนอยู่ด้วยท่าทีสง่างามราวกับกำลังเดินอยู่บนพรมแดง พวกเขาทั้งสี่คือ สภาสี่จตุรเทพ ผู้ปกครองในเงามืดของสถาบันจินกู

มิยาโมโตะ ซึบาสะ ทายาทบริษัทการเงินยักษ์ใหญ่, ยามาซากิ โคจิ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเจ้าของสมาคมศิลปะการต่อสู้, ไซโต้ มายุ ทายาทบริษัทด้านไอที, และ ฟูจิโมริ เคนตะ นักเรียนที่เก่งที่สุดในทุกด้าน ทั้งสี่คนยิ้มอย่างดูถูกและมองมาที่กลุ่มของเคนจิราวกับเป็นมดตัวเล็กๆ

"ได้ยินมาว่ามีกลุ่มนักเรียนก่อเรื่องขึ้น" ซึบาสะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "แต่ดูแล้วก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ"

"พวกเรากำลังจะเล่นเกมสนุกๆ กัน" มายุพูดพร้อมกับรอยยิ้มเย็นๆ "พวกเรากำลังจะเล่น เกมล่าราชา และเราจะเชิญพวกนายเข้าร่วม"

ซึบาสะยื่นบัตรเชิญที่ทำจากกระดาษชั้นดีให้กับเคนจิ "มันเป็นประเพณีเก่าแก่ของโรงเรียนนี้ เป็นเกมสำหรับผู้ที่มีอิทธิพลสูงสุด"

เคนจิไม่ได้แสดงอาการแปลกใจหรือหวาดกลัว เขารับบัตรเชิญด้วยสีหน้าเรียบเฉยราวกับว่าเขาได้คาดเดาเรื่องนี้เอาไว้แล้ว

"พวกแกคิดว่าตัวเองเป็นใคร?" ทาเคดะถามด้วยน้ำเสียงโมโห

"พวกเราคือราชาของโรงเรียนนี้" โคจิพูดด้วยน้ำเสียงดูถูก "และพวกแก...ก็เป็นแค่เบี้ยที่รอให้พวกเรากำจัด"

เคนจิไม่สนใจคำพูดของพวกเขา เขาแค่จ้องมองไปที่บัตรเชิญและยิ้มมุมปากเล็กน้อย รอยยิ้มนั้นไม่ใช่รอยยิ้มของคนดีใจ แต่เป็นรอยยิ้มของคนที่กำลังสนุกกับแผนการที่ซับซ้อน

หลังจากที่สภาสี่จตุรเทพจากไป ฮิโระก็หันไปมองเคนจิด้วยความสงสัย "นาย... ทำไมถึงยิ้มแบบนั้น?"

เคนจิไม่ตอบอะไร แต่ในแววตาของเขา ฮิโระเห็นประกายบางอย่างที่แวบขึ้นมา ประกายของความแค้นที่ฝังลึก ฮิโระรู้ได้ทันทีว่าเคนจิไม่ได้สนใจเกมนี้เพื่ออำนาจ แต่เคนจิกำลังสนใจเกมนี้เพื่อแก้แค้นใครบางคนในอดีต

"เกมล่าราชา..." เคนจิพึมพำกับตัวเอง "ในเมื่อพวกแกอยากเล่น... ก็อย่าหวังว่าจะได้ออกไปง่ายๆ"

 

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ