ตอนที่ 13 จุดใต้ตำตอ

โครก~

เสียงท้องร้องดังขึ้น เมื่อนึกดูแล้วดูเหมือนจะไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เมื่อวาน มองสำรับอาหารบนโต๊ะกลางห้องแล้วก็หิวขึ้นมา จึงลุกมาล้างหน้าล้างตาแล้วรีบนั่งกินข้าว กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ขอเพิ่มพลังก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธีต่อไปแล้วกัน

“เอาล่ะ” กินข้าวอิ่ม เก็บสำรับเรียบร้อยก็ถึงเวลาเสียที ร่างบางหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมานำติดตัวไปด้วยเพราะคิดจะนำไปซัก ขณะเดินไปเปิดประตูหน้าของเรือนออก ร่างสาวใช้คนเดิมยืนขวางอยู่ตรงหน้าราวกับรออยู่ตรงนั้นนานแล้ว

“เอ่อ เจ้า…”

“อันเซ่อเจ้าค่ะ ท่านมีอะไรให้ข้ารับใช้หรือเจ้าคะ” สาวใช้อันเซ่อมองเลยเข้าไปด้านหลัง เห็นสำรับอาหารจัดเก็บไว้เรียบร้อยก็ยิ้มน้อย ๆ

“ข้าอยากจะขอถามแม่นางอันเซ่อ ตอนนี้ข้าอยู่ที่ใดหรือ” ในเมื่อเจอคนแล้วก็ต้องถามคนจึงจะรู้ว่าอยู่ที่ไหน ใช่วังมารอย่างที่คิดหรือไม่

‘ถ้าเป็นวังมารล่ะ ข้าควรจะทำอย่างไร ในเมื่อจอมมารนั้นโหดเหี้ยมเอาแต่ใจ หากข้าต้องการออกจากวังมารแล้วแลกด้วยความตายจะทำยังไง ขออย่าให้เป็นวังมารเลย’

“ที่นี่คือเรือนวสันต์เจ้าค่ะ”

“ค่อยยังชั่ว ข้าคิดว่าเราอยู่ในวังมารซะอีก” หนิงอันลูบอกด้วยความโล่งใจ สาวใช้กลับมีสีหน้าแปลก ๆ

“ใช่สิเจ้าคะ เราอยู่ในวังมารเจ้าค่ะ”

“หา!” คิดว่าจะรอด กลับไม่รอดหรือนี่ ใครจะคิดว่าหนีความตายแทบแย่ แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าวิ่งเข้าหาความตายเองเสียแล้ว คิดแล้วก็นึกโทษเหล่าโจรที่จับตัวนางมา จนคนวังมารได้โอกาสกลายเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงาม ชายคนนั้นคงไม่ได้บ้ากามช่วยนางแล้วให้ชดใช้ด้วยร่างกายหรอกนะ

“ที่นี่คือวังมารเจ้าค่ะ เพียงแต่เรือนแห่งนี้อยู่แยกออกไป รอบด้านเป็นป่า หากไม่อยากหลงไปในเขตอันตราย ข้าแนะนำให้ท่านอย่าออกนอกเรือน และอย่าเข้าไปในป่าดีกว่าเจ้าค่ะ”

“...” มีอะไรน่าตกใจกว่านี้หรือไม่ อยู่วังมารไม่พอ ยังได้อยู่ในเรือนที่แยกจากผู้คนอีก แบบนี้ไม่ต่างจากนักโทษเลยนี่นา แต่ทำไมกันล่ะ?

“ท่านอย่าได้เดินหลงเข้าไปในป่าเด็ดขาด ไม่รู้มีสิ่งใดอยู่บ้าง อย่างไรบริเวณสวนนี้ก็ปลอดภัย ท่านสามารถใช้งานได้”

“เอ่อ แม่นาง…อันเซ่อ แล้วข้าจะได้ออกไปเมื่อไหร่ ตอนนี้ข้าหายดีแล้ว ข้าจะออกไปจากที่นี่ได้หรือยัง” หนิงอันได้แต่หวังว่า อย่าให้เป็นอย่างที่คิดเลย

“ขออภัย ข้าก็ตอบท่านไม่ได้ มีเพียงนายท่านที่จะตัดสินใจเรื่องนี้”

‘แย่แล้ว หรือข้าจะไปต้องตานายท่านคนใดคนหนึ่งของวังมารเข้าจริง ๆ แต่ข้าก็ไม่ได้งดงามปานจะล่มเมืองอะไรขนาดนั้นนะ เอาเถอะ แค่ต้องใช้ชีวิตให้ดีและมีอายุยืนก็พอแล้ว เรื่องอื่น…ก็ต้องลองดูก่อน’

“เช่นนั้นข้าขอออกไปที่สวน…”

“ได้เจ้าค่ะ ในเรือนนี้ท่านต้องการทำสิ่งใดย่อมได้ทั้งสิ้น แต่ช่วงนี้น้ำยังเย็น ระวังอย่าเข้าใกล้ลำธารมาก” ว่าแล้วอันเซ่อก็ก้าวขาออกไปยืนอยู่ด้านข้าง เปิดทางให้สามารถเดินลงจากเรือนได้

หนิงอันก้าวขาออกจากเรือนด้วยท่าทางกล้า ๆ กลัว ๆ ‘ข้าจะไม่ตายใช่หรือไม่?’ มองซ้ายมองขวา ไม่มีอันตรายใด ๆ ก็เหยียบลงบนพื้นหญ้าเต็มฝ่าเท้า ย่างเดินเข้าไปใกล้ลำธารซึ่งคั่นระหว่างป่าและสวนสวยเอาไว้

‘ที่นี่อยู่ในวังมาร แต่อยู่ที่ไหนกันล่ะ ทำไมถึงมีเรือนแยก หรือจะเป็นของผู้อาวุโสคนใดคนหนึ่ง’ หนิงอันคิดไม่ตกเสียที ชายหนุ่มคนนั้นหน้าตาดีแต่ติดเย็นชา จะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะตกหลุมรักนางตั้งแต่แรกพบ เรื่องเพ้อฝันเช่นนั้นไม่กล้าคิดจริง ๆ

มือบางยื่นลงไปในลำธารซักผ้าเช็ดหน้าอย่างเร็ว ๆ ทันเห็นจากหางตาว่าอันเซ่อเดินปรี่เข้ามา เมื่อมาถึงก็จับข้อมือหนิงอันไว้

หมับ!

“ท่านทำอะไร” มองผ้าเช็ดหน้าในมือหนิงอันแล้วก็ถอนหายใจโล่งอก

“นำผ้ามาให้ข้าเถิด ข้าจะซักให้ มือท่านแดงหมดแล้ว”

“แล้วมือเจ้าจะไม่แดงหรือ ข้าซักจะเสร็จแล้ว เจ้าไม่ต้องให้มือโดนน้ำอีกคนหรอก” ว่าแล้วก็แย่งผ้ากลับมาซักจนเสร็จ

“แต่…”

“เสร็จแล้ว เจ้าไม่ต้องให้มือเจ็บด้วยหรอก” ว่าแล้วหนิงอันก็บิดผ้าเช็ดหน้า สะบัดเบา ๆ คิดว่าจะนำไปตากไว้ริมหน้าต่างตอนกลับขึ้นเรือน

“แต่ข้าเป็นสาวใช้ส่วนตัวของท่าน” อันเซ่อมีใบหน้าซีดเผือด

“เข้าใจแล้ว เจ้าเป็นสาวใช้ ส่วนข้าเป็นหญิงสาวชาวนาธรรมดา ๆ ดังนั้นก็ไม่ต้องแนะนำตนเองบ่อยนัก” กล่าวยิ้ม ๆ ก่อนลุกขึ้นยืนเต็มความสูง

“ข้าอยู่ในวังมารจริง ๆ ใช่หรือไม่อันเซ่อ”

“ใช่เจ้าค่ะ ที่นี่คือวังมาร”

‘จริง ๆ สินะ’ คิดแล้วก็เดินกลับเข้าเรือน ถึงในสวนจะสวยงามราวกับอยู่บนสวรรค์ แต่หนิงอันก็ไม่วางใจ รู้สึกไม่ปลอดภัยเมื่อคิดว่าที่นี่คือวังมาร สถานที่ซึ่งจอมมารผู้โหดร้ายอาศัยอยู่ หากนางทำให้เขาระคายตาก็อาจจะหัวหลุดออกจากบ่าได้เลย ดังนั้นยิ่งเก็บเนื้อเก็บตัวเท่าไหร่ก็ยิ่งดี

“ท่านจะกลับแล้วหรือ” อันเซ่อเดินเร็ว ๆ ตามมา เห็นท่าทางเหมือนหนีตายของหญิงสาวแล้วก็ไม่เข้าใจนัก

“ใช่ ที่นี่อันตรายเกินไป ไม่ปลอดภัย”

“วังมารปลอดภัยที่สุดในสามโลกแล้ว ท่านอยู่ที่นี่อย่างสบายใจเถอะเจ้าค่ะ”

“เจ้าไม่เข้าใจอันเซ่อ” เดินมาถึงก็ดึงสาวใช้เข้ามาในห้อง ปิดประตูให้เรียบร้อย ก่อนจะกลับมานั่งสงบเสงี่ยมอยู่บนโต๊ะกลางห้องอีกครั้ง

“...” สาวใช้ตัวน้อยรู้สึกไม่เข้าใจจริง ๆ แต่ที่ไม่เข้าใจก็คือความคิดของหญิงสาวตรงหน้าต่างหาก

“ที่นี่คือวังมาร ข้าได้ยินมาว่าจอมมารนั้นโหดเหี้ยมอำมหิต อันเซ่อเจ้าโชคดีมากที่มีชีวิตรอดมาจนถึงตอนนี้”

“ท่านเข้าใจผิดแล้ว…ข้า…” อันเซ่อรู้สึกพูดไม่ออกเล็กน้อยราวกับคนน้ำท่วมปาก จะพูดก็ไม่กล้าพูด

“เจ้าอย่าพูดเลย ข้ารู้ดีว่าจอมมารนั้นโหดเหี้ยม เอาแต่ใจยิ่งนัก เพียงขัดหูขัดตาก็ทำให้คนตายได้ ข้ายังไม่อยากตายตอนนี้ดังนั้นขอเก็บเนื้อเก็บตัวอยู่แต่ในเรือนนี้จนกว่าจะได้ออกจากที่นี่จะดีกว่า” ว่าแล้วหนิงอันก็เดินเอาผ้าเช็ดหน้าไปพาดไว้ขอบหน้าต่าง

“เจ้าอยู่ที่นี่มีชีวิตที่ยืนยาวได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้ อันเซ่อ ข้าแค่กลัวว่าตนเองจะต้องตายเพียงเพราะแกว่งเท้าหาเสี้ยน หากเป็นไปได้ ข้าก็อยากจะสนทนากับนายท่านของเจ้าให้รู้แล้วรู้รอด ว่าจับข้ามาขังไว้ที่นี่ทำไม”

“เจ้ามีอะไรจะคุยกับข้า?”

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ