“...” หากความผิดพลาดที่สุดในชีวิต คือลืมไปว่าพรรคมารนั้นแตกต่างจากคนทั่วไปที่นางเคยพบ ไม่ใช่เพียงอาภรณ์ที่มักจะสวมใส่แต่สีดำ ยังมีความสามารถเหนือกว่าคนธรรมดา ไปมาไร้เสียงดั่งจอมยุทธ์ทั่วไป ฝีเท้าเบาเสมือนตีนแมว ลงมือว่องไวไร้ร่องรอย
‘แย่แล้ว! เขาได้ยินอะไรไปบ้าง’ หนิงอันก้มหน้างุด พยายามมองหาอันเซ่อ แต่สาวเจ้าตัวต้นเรื่องที่ไม่รู้จักเตือนว่ามีคนมา กลับหายออกไปจากห้องพร้อมสำรับเมื่อเช้าแล้ว คาดว่าคงนำไปเก็บ จะไปจะมาไม่บอกเช่นนี้ทำให้หนิงอันรู้สึกเหมือนเห็นผีจริง ๆ
โดยเฉพาะผีตัวโตตรงหน้า หน้าตาถมึงทึง ใบหน้าเย็นชา บรรยากาศเย็นเยียบ แค่อยู่ใกล้ก็เกือบจะกลั้นหายใจจนตาย ซ้ำเขายังเดินเนิบ ๆ เข้ามานั่งบนโต๊ะอย่างคุ้นเคย บ่งบอกว่าตนเป็นเจ้าของเรือน
ชายที่ช่วยชีวิตนางจากโจร แต่…ออกจะโหดเหี้ยมสมกับเป็นคนพรรคมารไปเสียหน่อย ภาพสยองของหมู่โจรยังติดตา นี่คือวิถีของคนพรรคมารที่กระทั่งชีวิตที่สองนางยังไม่เคยได้เห็นจัง ๆ แบบนี้
“เจ้ามีอะไรจะคุยกับข้า” ชายหนุ่มตัวโตนั่งลง มีเงาดำปรากฎขึ้นก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็มีชุดน้ำชาปรากฎบนโต๊ะแล้ว บ่งบอกว่านั่นอาจเป็นจอมยุทธ์ที่เป็นข้ารับใช้ของชายหนุ่มนำมาเตรียมไว้
“ข้า…ข้าไม่มีเจ้าค่ะ” กลยุทธ์ที่หนึ่งในการเอาตัวรอดจากคนพรรคมาร คือสงบเสงี่ยมเจียมตัวและไม่ทำให้พวกเขาขัดหูขัดตาหรือรำคาญใจ หนิงอันเคยทำงานอยู่ภายใต้พรรคมารมาห้าปีเชียวนะ ย่อมรู้ดีไม่มากก็น้อย
“ข้าได้ยินว่าเจ้าอยากคุยกับข้า” เสียงเข้มเอ่ยย้ำ บ่งบอกว่าเขาได้ยินจริง ๆ
‘บ้าจริง เขาจะไปฟ้องจอมมารจนข้าต้องตายเร็วอีกแล้วรึเปล่า’ ร่างบางสั่นเทาราวกับลูกหมาตกน้ำ ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกหนักใจ
แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ต้องการทำให้นางกลัว พอคิดว่าหญิงสาวอาจจะยังหวาดกลัวจากเหตุการณ์ที่ได้เห็นเมื่อวาน จึงตัดสินใจที่จะล่าถอยกลับไปก่อนในวันนี้
“ถ้ามีสิ่งใดที่ต้องการ ขอให้บอกกับอันเซ่อ นางจะดูแลเจ้าอย่างดีและหาทุกสิ่งที่เจ้าต้องการมาให้” ชายหนุ่มจิบชาหมดจอกก็วางลงบนโต๊ะ เงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวที่ยังก้มหน้างุด ตัวแข็งทื่ออยู่ริมหน้าต่างไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว ก่อนจะลุกเดินออกจากเรือนไปเงียบ ๆ
ร่างสูงหายไปจากสายตาแล้ว หนิงอันรู้สึกเหมือนความหวาดผวาในใจบรรเทาลงอย่างรวดเร็ว ที่แท้ก็ยังหวาดกลัวเขาอยู่ อาจเพราะภาพที่ได้เห็นหลังฟื้นขึ้นมาพบว่าตนเองอยู่ในโลงศพ รอบด้านมีแต่ศพคนตาย ใครไม่กลัวก็บ้าแล้ว
“เฮ้อ” สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรสักอย่าง ทั้งที่อยากจะถามว่านางจะออกจากที่นี่ได้เมื่อไหร่แท้ ๆ
“นายท่านกลับไปแล้วหรือเจ้าคะ” อันเซ่อโผล่มาพร้อมถาดของว่าง ใบหน้าซีดเผือดดูเหมือนดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อไม่เห็นร่างสูงสีดำ ดูเหมือนไม่ใช่แค่ตัวเองที่กลัว อันเซ่อก็คงจะกลัวเช่นกัน คิดแบบนั้นหนิงอันก็รู้สึกเหมือนได้รับสหายที่มีความคิดเหมือนกัน รู้สึกใกล้ชิดกับสาวใช้อันเซ่อมากยิ่งขึ้น
“กลับไปแล้ว ข้ากลัวเกือบตาย!” หนิงอันถอนหายใจพรู รีบเดินไปนั่งลงจิบชา ดวงตาเบิกกว้าง
“ชาดี!” ชานี่ดีพอ ๆ กับที่ท่านยมนำมาดื่มเลย นางนึกว่าจะมีชาดีแบบนี้อยู่แค่ในสวรรค์หรือนรกเท่านั้นซะอีก
“ชานี้…นายท่านไม่ได้นำกลับ เช่นนั้นแปลว่าท่านสามารถดื่มได้ตามใจ”
“จริงด้วย ชาของ…นายท่านเจ้า” หนิงอันรีบวางมือลง นางถอนหายใจอีกครั้ง ไม่รู้ว่าจะได้คุยตกลงกับอีกฝ่ายเมื่อใดหากยังเป็นแบบนี้ ร่างกายแข็งทื่อไปเองโดยไม่อาจควบคุมได้ แล้วจะคุยกันรู้เรื่องได้อย่างไร
“ท่านสามารถดื่มได้ หากไม่พอก็สามารถสั่งข้าได้ อย่างไรเรือนนี้ก็…” สาวใช้ตัวน้อยจู่ ๆ ก็เงียบไป หนิงอันหันไปมองก็เห็นอีกฝ่ายเอามือปิดปากเอาไว้
“เจ้าพูดต่อเถอะ”
“ไม่ ๆ ข้าพูดมากเกินไปแล้ว ข้าจะออกไปเฝ้าอยู่ด้านนอก” ว่าแล้วก็หันหลังเดินออกไปยืนหน้าประตูเหมือนเดิม ยืนนิ่งราวกับรูปสลัก บ่งบอกว่าไม่ยอมพูดคุยกับนางอีกต่อไปแล้ว
‘ยิ่งเครียดก็ยิ่งกินไม่ได้ นอนไม่หลับ’ ตอนนี้หนิงอันกดดันในระดับนั้นทีเดียว แต่สายตามองชารสชาติดีและของว่างน่าทานที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วก็เสียดาย
‘กองทัพต้องเดินด้วยท้อง งั้นข้าเติมพลังก่อนแล้วกัน’ มือบางหยิบของกินเล่นมา จิบชา ฟังเสียงนกร้อง มองสวนสวยจากหน้าต่างที่เปิดกว้าง ที่นี่สงบและร่มรื่นเสียยิ่งกว่าในหมู่บ้านดงหลิวเสียอีก
หนิงอันที่ยึดคติ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง กินอาหารครบสามมื้อก็ล้มตัวลงนอนเมื่อความมืดเริ่มมาเยือน อาจเพราะความเพลียจากอาการตกใจ ร่างกายจึงเข้าสู่นิทราอย่างรวดเร็ว
นั่งหย่อนขาอยู่บนชานระเบียงในตอนเช้า ในมือมีของกินเล่นอย่างบ๊วยหวาน นางค่อย ๆ กินขนมในมือด้วยติดนิสัยมาจากชีวิตที่สอง ซึ่งถูกควบคุมอาหาร ทำให้กินอะไรได้น้อยเป็นเรื่องธรรมดา โดยปกติแล้วมักจะกินขนมหรือของหวานเล็ก ๆ น้อย ๆ ระหว่างวันเสมอ เพราะอย่างนั้นของว่างจึงเป็นสิ่งที่นางโปรดปรานเป็นพิเศษ และดูเหมือนอันเซ่อจะรู้ใจดีเหลือเกิน
“ท่านต้องการสิ่งใดหรือไม่เจ้าคะ” เสียงสาวใช้คอยถามจนน่ารำคาญ ถึงจะรู้ว่าเป็นหน้าที่ แต่ตอนนี้หนิงอันคิดว่าตัวเองก็เริ่มมีปัญหาแล้วเหมือนกัน
“ข้าไม่มีชุดเปลี่ยน”
ตัวเริ่มส่งกลิ่นเหม็นแล้ว คราแรกคิดว่าจะได้ออกจากที่นี่เร็ว ๆ นี้ แต่เห็นทีหากนางยังหวาดกลัวต่อชายชุดดำก็คงนานกว่าจะได้ออกไป เพราะเขาไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยนางไปเสียที ผ่านมาก็สองสามวันแล้ว แต่เจ้าตัวเพียงเข้ามานั่งในเรือน จิบชาสักพักแล้วก็จากไป
ถึงอย่างนั้นความหวาดกลัวยังไม่ยอมหมดไป จะเอ่ยปากแต่ละคำแสนยากเย็น จะมีแก่ใจถามได้อย่างไร
“ท่านต้องการชุดแบบใด สีใด สามารถบอกข้าได้เลยเจ้าค่ะ”
“ก็คือข้าไม่สามารถออกไปซื้อเองได้ใช่หรือไม่” หนิงอันไม่ได้มีเงินเยอะ แม้จะยังมีเงินในมือแต่นี่ต้องใช้จ่ายค่าช่าง ซึ่งไม่รู้ว่าช่างคิดว่านางหนีไปแล้วรึเปล่า
แต่อย่างไรก็ต้องเก็บไว้สร้างบ้าน
ส่วนเสื้อผ้าก็ใช้แต่ของธรรมดา กระทั่งชุดสาวใช้ในวังมารยังดูดีกว่าชุดที่นางสวมใส่ในตอนนี้
“ในเรื่องนี้ท่านต้องถามจากนายท่านด้วยตนเองเจ้าค่ะ”
‘นายท่าน นายท่าน อะไรก็นายท่าน ถ้าข้ากล้าก็คงถามไปแล้วหรือไม่ล่ะ’ หนิงอันส่งสายตาค้อนให้สาวใช้ อันเซ่อดูเหมือนจะเริ่มรู้แล้วว่านางกลัวนายท่านของตัวเอง เวลาไม่อยากตอบอะไรก็โยนไปนั่นหมดเลย คอยดูเถอะ วันหนึ่งนางจะเอาชนะความกลัวและคุยกับเขาให้รู้เรื่อง!
“นายท่านของเจ้าช่วยข้าเอาไว้ นั่นถือเป็นบุญคุณมากพอแล้ว” ว่าแล้วก็หันไปมองทางลำธาร สายน้ำที่ไหลเอื่อย ๆ ทำให้คนรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย
“...” เสียงสาวใช้เงียบไป แต่หนิงอันชินเสียแล้ว อันเซ่อมักจะพูดเท่าที่จำเป็น ราวกับกลัวที่จะพูดมากเกินไป โดยปกติเป็นตัวนางมากกว่าที่มักจะสรรหาเรื่องมาพูด ก็ใครใช้ให้อยู่คนเดียวในเรือนเช่นนี้ จะบอกว่าเบื่อก็คงไม่ได้เกินไป
“ข้าเองก็เป็นหญิงสาวชาวนาธรรมดา จะรบกวนมากไปกว่านี้ได้อย่างไร”
“...”
“อีกทั้งยังมีเสื้อผ้าที่ท่านลุงมอบให้ เพียงแต่ข้าออกไปเอามาใส่ไม่ได้เท่านั้นเอง”
“...”
“ช่างเถอะ ถ้ามีชุดสาวใช้เก่า ๆ เจ้าก็สามารถเอามาให้ข้าสวมใส่ก่อนได้ เอ๊ะ คนหายไปไหนแล้ว” หันมาก็ไม่เจอคนอีกแล้ว ไปมาไม่เคยบอกกล่าวเหมือนเจ้านายของนางไม่มีผิด คิดแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าระอากับนิสัยของคนวังมาร
หนิงอันนั่งเล่นอยู่ระเบียงจนเบื่อก็กลับเข้าไป ย้ายเก้าอี้ไปนั่งริมหน้าต่าง ยังดีที่อันเซ่อคงกลัวว่านางจะเบื่อ จึงใส่ตำราไว้บนชั้นมากมาย อย่างเช่น ‘ตำราวรยุทธ์สำหรับผู้เริ่มต้น’ นี่ก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่หนิงอันหยิบมาอ่านแก้เบื่อ
ใครใช้ให้ในชั้นหนังสือมีแต่ตำราพิชัยยุทธ์ หรือไม่ก็การฝึกวรยุทธ์ต่าง ๆ นา ๆ อ่านไปก็ไม่เข้าใจ สุดท้ายเลยต้องเริ่มจากตอนต้น แต่อ่านไปก็ไม่เข้าใจอยู่ดี แต่อย่างน้อยก็ยังสามารถเข้าใจได้ไม่ใช่ภาษาเทพที่อ่านไม่รู้เรื่องเลย
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?