มิรา กระชับผ้าพันคอให้แน่นขึ้นขณะเดินผ่านถนนแคบๆ ในย่านชิบูยะ ลมหนาวของฤดูใบไม้ร่วงในโตเกียวทำให้เธอสั่นเล็กน้อย แม้จะใส่เสื้อโค้ทหนาแล้วก็ตาม เธอมองนาฬิกา 21:30 น. ท้องของเธอร้องประท้วงเบาๆ หลังจากทำงานล่วงเวลาที่บริษัทมาตั้งแต่เช้า
"ร้านอาหารที่ไหนจะยังเปิดอยู่ตอนนี้นะ" เธอพึมพำกับตัวเอง พลางมองหาป้ายร้านอาหารไปรอบๆ
แสงไฟสีส้มอบอุ่นจากร้านเล็กๆ ร้านหนึ่งดึงดูดสายตาของเธอ ป้ายไม้เก่าๆ เขียนด้วยอักษรคันจิว่า "つきみ" (สึคิมิ - ชมจันทร์) ประตูไม้บานเลื่อนแบบดั้งเดิมเปิดอ้าไว้เล็กน้อย กลิ่นหอมของอาหารญี่ปุ่นลอยออกมาเย้ายวนจมูกของเธอ
มิราผลักประตูเข้าไปอย่างลังเล ภายในร้านมีโต๊ะนั่งเพียง 6 ตัว บรรยากาศอบอุ่นด้วยแสงไฟสีเหลืองนวล ผนังตกแต่งด้วยไม้ไผ่และกระดาษญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม เคาน์เตอร์บาร์ยาวทอดตัวอยู่ด้านหน้า มีที่นั่งสูงเรียงเป็นแถว
"いらっしゃいませ" (อิรัชไชมาเสะ - ยินดีต้อนรับ) เสียงทุ้มนุ่มทักทายเธอ
มิราเงยหน้าขึ้นมองและรู้สึกหัวใจเต้นผิดจังหวะเล็กน้อย ชายหนุ่มในชุดเชฟสีขาวยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ ผมดำสั้นเรียบร้อย ใบหน้าหล่อเหลาในแบบที่ผสมผสานความนุ่มนวลและความเข้มแข็งได้อย่างลงตัว ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองมาที่เธอด้วยความอบอุ่น
"สวัสดีค่ะ" มิราทักทายเป็นภาษาญี่ปุ่นด้วยสำเนียงที่ยังไม่ค่อยชัดนัก "ยังเปิดอยู่ใช่ไหมคะ?"
ชายหนุ่มยิ้มอ่อนโยน "ใช่ครับ เชิญนั่งตรงไหนก็ได้ครับ"
มิราเลือกนั่งที่เคาน์เตอร์บาร์ ตรงหน้าที่เขายืนทำอาหารอยู่ เธอหยิบเมนูขึ้นมาดู พยายามอ่านตัวอักษรคันจิที่เรียงรายอยู่
"ต้องการให้ผมแนะนำอะไรไหมครับ?" เขาถามเมื่อเห็นว่าเธอดูลำบากในการอ่าน
"ค่ะ ขอบคุณค่ะ" มิรายิ้มขอบคุณ "ฉันยังอ่านคันจิได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่น่ะค่ะ"
"คุณเป็นชาวต่างชาติเหรอครับ? พูดภาษาญี่ปุ่นได้ดีมากเลยนะครับ"
"ฉันมาจากประเทศไทยค่ะ มาทำงานที่โตเกียวได้สองสัปดาห์แล้ว"
"อ้อ ประเทศไทยเหรอครับ" ดวงตาของเขาเป็นประกาย "ผมเคยไปเที่ยวเมื่อสามปีก่อน ผมชอบนะ อาหารไทยอร่อยมากครับ"
มิรารู้สึกผ่อนคลายขึ้นเมื่อเขาพูดถึงประเทศของเธอ "คุณไปที่ไหนบ้างคะ?"
"ไปกรุงเทพ เชียงใหม่ และภูเก็ตครับ" เขาวางเมนูใหม่ที่มีภาพประกอบตรงหน้าเธอ "ผมชื่อเรียวตะครับ เป็นเจ้าของร้านนี้"
"ฉันชื่อมิราค่ะ" เธอยิ้มตอบ
เรียวตะแนะนำอาหารหลายอย่าง อธิบายส่วนผสมและวิธีทำอย่างละเอียด มิราตัดสินใจสั่งชุดปลาย่างกับข้าวสวย ซุปมิโสะ และผักดองหลากหลายชนิด
ขณะที่เรียวตะทำอาหาร มิราแอบมองการเคลื่อนไหวของเขา มือที่คล่องแคล่วในการหั่นผัก การย่างปลาอย่างพิถีพิถัน และการจัดจานอย่างประณีตราวกับงานศิลปะ
"ทำไมร้านถึงชื่อว่าสึคิมิคะ?" มิราถามด้วยความอยากรู้
เรียวตะยิ้มขณะวางจานอาหารตรงหน้าเธอ "สึคิมิแปลว่าการชมจันทร์ครับ ผมชอบพระจันทร์ โดยเฉพาะคืนพระจันทร์เต็มดวง มันทำให้ผมรู้สึกสงบ"
มิรามองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวลอยอยู่บนท้องฟ้า "สวยจังเลยค่ะ"
"อีกสองสัปดาห์จะเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวงพอดีครับ" เรียวตะบอก "ถ้าคุณมิระว่าง เชิญมาทานอาหารที่นี่นะครับ ผมจะทำเมนูพิเศษสำหรับคืนนั้น"
มิรารู้สึกแก้มร้อนวูบ "ขอบคุณค่ะ ฉันจะพยายามมาให้ได้"
อาหารอร่อยเกินคาด ปลาย่างได้ที่พอดี ผิวกรอบแต่เนื้อข้างในนุ่มชุ่มฉ่ำ ซุปมิโสะอุ่นร้อนช่วยคลายความหนาว มิรากินอย่างเอร็ดอร่อย
"อร่อยมากค่ะ" เธอชมจากใจ
"ดีใจที่คุณชอบครับ" เรียวตะดูภูมิใจ
ขณะที่มิรากินอาหาร เรียวตะทำความสะอาดเคาน์เตอร์และเตรียมของสำหรับวันพรุ่งนี้ บางครั้งเขาก็หยุดมาคุยกับเธอ ถามเกี่ยวกับงานของเธอ ชีวิตในประเทศไทย และความประทับใจที่มีต่อโตเกียว
"คุณทำงานอะไรครับ?" เรียวตะถาม
"ฉันเป็นนักวิเคราะห์ข้อมูลค่ะ บริษัทส่งมาทำโปรเจคที่สาขาโตเกียวสามเดือน"
"แล้วชอบโตเกียวไหมครับ?"
มิราคิดอยู่ครู่หนึ่ง "เมืองใหญ่มาก ผู้คนเยอะ บางทีก็รู้สึกโดดเดี่ยวนิดหน่อย แต่ก็มีอะไรน่าสนใจเยอะค่ะ"
"ผมเข้าใจครับ" เรียวตะพยักหน้า "ผมเกิดที่นี่ แต่บางครั้งก็ยังรู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน"
เมื่อมิรากินเสร็จ เธอขอบิล เรียวตะยื่นใบเสร็จให้พร้อมกับการ์ดนามบัตรของร้าน
"ถ้าต้องการจองโต๊ะหรือสั่งอาหารพิเศษ โทรมาได้นะครับ" เขาบอก
มิรารับการ์ดมาอย่างระมัดระวัง "ขอบคุณค่ะ ฉันจะกลับมาอีกแน่นอน"
เมื่อเธอเดินออกจากร้าน เรียวตะตะโบกมือลาด้วยรอยยิ้มอบอุ่น มิราเดินกลับอพาร์ตเมนต์ด้วยความรู้สึกที่แปลกใหม่ หัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ และรอยยิ้มที่ไม่ยอมหายไปจากริมฝีปาก
คืนนั้น เธอนอนมองการ์ดนามบัตรของร้านสึคิมิ นึกถึงรอยยิ้มของเรียวตะและมืออันอบอุ่นที่ยื่นการ์ดให้เธอ บางทีการมาทำงานที่โตเกียวอาจจะไม่ได้โดดเดี่ยวอย่างที่คิดก็ได้