“หวังว่าเราจะได้เกี่ยวดองกันนะ ธุรกิจนายก็น่าจะราบรื่นยิ่งขึ้นอีกแน่ ๆ”
ชายมีอายุเอ่ยกับเพื่อนของเขา
“ฮ่า ๆ เรื่องนั้นมันก็แน่นอนอยู่แล้ว เหลือแค่ให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้กันก่อนสักพัก ไม่นานก็น่าจะได้ยินข่าวดี”
ธนาพ่อของเธียร์หัวเราะกับคำพูดของมานพ บิดาของน้ำฟ้านั่นเอง
พวกเขาทั้งสองคนเป็นเพื่อนรักกันมาก่อน มานพยื่นข้อเสนอที่จะเข้าร่วมลงทุนในธุรกิจใหม่กับพ่อของเธียร์ ซึ่งเขาต้องการนักลงทุนรายใหญ่ ๆ ที่จะมาร่วมลงทุนในธุรกิจนี้ และมานพก็ยินดีที่จะร่วมลงทุนโดยมีข้อแลกเปลี่ยน นั่นคือ...เธียร์ต้องแต่งงานกับลูกสาวของเขา
ธนาผู้ซึ่งเป็นพ่อของธีรติก็คิดว่านี่ก็ไม่ใช่ข้อตกลงที่แย่สักเท่าไหร่ อีกอย่างเขาก็รู้สึกเอ็นดูน้ำฟ้าเหมือนลูกเหมือนหลานเพราะเห็นเธอมาตั้งแต่ตัวเล็ก ๆ การจะรับเข้ามาเป็นลูกสะใภ้ก็ไม่เห็นจะเสียหายอะไร เพราะเธอเองก็มีชาติตระกูล
นั่นเป็นการพูดคุยกันของผู้ใหญ่สองคนที่อยากให้มีการแต่งงานของสองตระกูลใหญ่เกิดขึ้นโดยมีเรื่องของผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง
หลังจากที่เธียร์วางสายโทรศัพท์จากผู้เป็นพ่อเขาก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา ตอนนี้ชายหนุ่มร่างสูงเริ่มได้กลิ่นแปลก ๆ จากการกระทำของผู้เป็นพ่อเสียแล้ว
ดวงตาคมจ้องมองไปที่หญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียง เวลาหลับเธอดูไม่มีพิษมีภัยและดูน่าทะนุถนอมเป็นอย่างมาก ต่างจากตอนตื่นเพราะเธอทั้งดื้อและเถียงเก่งจนชวนปวดหัว แต่นั่นก็เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของเธอที่บ่งบอกว่านี่คือนลิน อาจจะดื้อบ้าง ดีบ้าง เอาแต่ใจตัวเองบ้าง แต่เธอก็ยังเป็นคนเดียวที่เธียร์รู้สึกอยากอยู่ด้วยตลอดเวลา พอคลาดสายตาก็รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาทันที
แบบนี้มันเรียกว่าความรักหรือเปล่า ?
เจ้าของมือหนาเอื้อมมือไปลูบใบหน้าเนียนสวยอย่างเผลอตัว แต่เขาก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อตัวเธอร้อนอย่างกับมีเปลวเพลิงเผาไหม้อยู่ภายใน นึกแล้วเชียวว่าเธอจะต้องป่วยแน่ ๆ ร่างสูงส่ายหัวเบา ๆ ก่อนจะไปนำผ้ามาเช็ดตัวให้เธอ
เขาใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กลูบไปตามไรผมบริเวณใบหน้าของนลินอย่างเบามือ และเช็ดลงมาตามบริเวณลำตัว เพื่อให้ร่างกายของหญิงสาวได้ระบายความร้อนออกมา ไข้จะได้ลด
“หนาวว”
หญิงสาวกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือพร้อมจับมือเขาไว้ไม่ให้ชายหนุ่มเช็ดต่อ
“เช็ดตัวก่อน ไข้จะได้ลด”
ร่างสูงแกะมือเธอออกและเช็ดตัวให้เธอต่อ
“ลินหนาวมากเลย”
เสียงออดอ้อนจากหญิงสาวดูน่าสงสารจนทำให้เขาใจอ่อน ร่างสูงเอื้อมไปหยิบรีโมตแอร์มาเพิ่มอุณหภูมิพร้อมกับดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเธอเอาไว้
“อยู่กับลินนะคะ ลินขาดคุณไม่ได้จริง ๆ อย่าทิ้งลินเลยนะ”
ลินลดามีไข้ขึ้นสูงจนเธอเริ่มจะเบลอ ๆ และเพ้ออย่างไม่รู้ตัว
“ฉันอยูู่นี่แล้ว ฉันไม่ทิ้งเธอไปไหนหรอก ขาดเธอไปใครจะช่วยผลาญเงินฉันล่ะ หื้มม”
คนตัวสูงก้มลงไปหอมหัวของหญิงสาวและเอนกายลงไปนอนข้าง ๆ พร้อมโอบกอดลินลดาเอาไว้แน่น
จะว่าไปแม้เขาจะปากร้ายใจร้ายกับคนอื่นแค่ไหน แต่กับผู้หญิงของเขา เขาก็ยังมีมุมอ่อนโยนและน่ารักกับเธออยู่นะ และมุมแบบนี้คาดว่าน่าจะมีแค่นลินคนเดียวที่ได้เห็นมัน
เมื่อใกล้ถึงเวลานัด เธียร์ก็ไปอาบน้ำเตรียมตัวที่จะไปตามนัดของคุณพ่อ แต่อีกใจเขาก็ยังอดเป็นห่วงนลินไม่ได้ เพราะตอนนี้ยังไม่มีวี่แววว่าอาการไข้เธอจะลดลงเลย ดวงตาคมฉายแววเป็นห่วงและกำลังคิดหนักว่าเขาจะทิ้งเธอไว้คนเดียวในสภาพนี้จริง ๆ เหรอ ?
สุดท้ายชายหนุ่มก็ตัดสินใจไปตามนัดของผู้เป็นพ่อ แต่เขาก็ส่งคนมาอยู่เป็นเพื่อนนลิน
“ฝากดูเธอด้วย ฉันไม่อยากปล่อยไว้คนเดียว ถ้าเธอตื่นแล้วก็อุ่นโจ๊กในตู้เย็นให้กินซะ”
ชายหนุ่มเอ่ยกับสิงหาด้วยสีหน้านิ่งเรียบ
“ได้ครับนาย”
ชายร่างสูงตอบรับคำสั่งของธีรติ
สิงหาเป็นอีกคนที่เธียร์ไว้ใจเป็นอย่างมาก เขาและเธียร์มีอายุไล่เลี่ยกัน แม่ของสิงหาเคยเป็นแม่บ้านทำงานอยู่ที่บ้านของชายหนุ่ม ก่อนจะเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต พ่อของเธียร์จึงให้ความช่วยเหลือให้ที่พักอาศัยและให้งานแก่เขา เธียร์จึงขอให้เขามาทำงานเป็นผู้ช่วยและบอดี้การ์ด สิงหาจึงได้มาอยู่ข้างกายของเธียร์นับตั้งแต่นั้นมาเป็นเวลาหลายปี
ณ ร้านอาหาร...
เธียร์เดินทางมายังร้านอาหารแห่งหนึ่งตามที่พ่อของเขานัดหมาย เมื่อเข้าไปข้างในก็พบคุณธนาและคุณหญิงเนตรนภา บิดาและมารดาของตนเอง
“สวัสดีครับป๊า แม่”
คนตัวสูงเดินเข้ามาเอ่ยทักทั้งคู่ทันทีพร้อมมองไปรอบ ๆ ห้องอาหารแต่กลับไม่เห็นพี่ชายของตน
“หวัดดีจ้ะลูก เป็นไงบ้าง กลับมาเหนื่อยไหม”
ผู้เป็นแม่เอ่ยถามลูกชายพร้อมลูบไหล่ของชายหนุ่มที่นั่งลงข้างเธอเบา ๆ
“นิดหน่อยครับ แล้วพี่ธามล่ะครับ”
ธีรติเอ่ยถามด้วยสีหน้าสงสัย
“วันนี้ธุระสำคัญคือเรื่องของแก เจ้าธามยุ่ง ๆ เลยไม่อยากจะรบกวนเวลางานพี่เขา”
ผู้เป็นพ่อเอ่ยตามความจริง
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ ?”
ชายหนุ่มขมวดคิ้วทำสีหน้าครุ่นคิด มีเรื่องอะไรสำคัญถึงขนาดต้องนัดทานข้าวร่วมกับครอบครัวของลุงมานพ
“เดี๋ยวแกก็รู้น่ะ จะถามทำไมให้มากความ”
ผู้เป็นพ่อเอ็ดชายหนุ่มเบา ๆ
ระหว่างรอเธียร์ก็ส่งข้อความไปหาพี่ชายของตนเพื่อถามถึงเหตุผลของการไม่มาในวันนี้
‘งานยุ่งถึงขนาดไม่มีเวลามาทานข้าวกับครอบครัวเลยหรือไง ?’ เขาพิมพ์ข้อความพร้อมถ่ายภาพในร้านอาหารส่งไปให้พี่ชาย
ติ๊ง !
เสียงการแจ้งเตือนที่ดังขึ้นจากโทรศัพท์ของธาม
ชายหนุ่มละสายตาจากกองเอกสารแล้วหันไปดูการแจ้งเตือนที่โทรศัพท์ เขาเปิดอ่านด้วยสีหน้าที่ดูงุนงงก่อนที่ความรู้สึกบางอย่างผุดขึ้นมาในใจของเขา
ความรู้สึกของการที่ถูกลืม การไม่ได้รับคำชวน หรือแม้กระทั่งการไม่ได้รับความสำคัญมันทำให้อีกคนรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก ดวงตาคมฉายแววเศร้าเคล้าคลอไปด้วยหยาดน้ำสีใส
‘ฉันติดประชุมสำคัญน่ะ ไว้โอกาสหน้าแล้วกัน ทานให้อร่อยล่ะ’ ชายหนุ่มกดส่งข้อความนี้กลับไปให้น้องชาย
แม้จะรู้สึกเจ็บปวดสักแค่ไหนเขาก็ทำได้เพียงเก็บมันไว้แล้วกลืนลงท้องไป ทำเหมือนว่าเขาไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ทว่าความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจมันกลับเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่ออีกครอบครัวมาถึงก็ได้เริ่มพูดคุยและอาหารก็เริ่มทยอยมาเสิร์ฟ
“ไปดูงานกับพี่เขาเป็นไงบ้างล่ะลูก”
ธนาเอ่ยถามหยาดพิรุณออกไป
ใบหน้าเล็กยิ้มแย้มสดใสก่อนจะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน
“สนุกมากเลยค่ะคุณลุง เหมือนไปเที่ยวมากกว่าไปดูงานนะคะ ฮ่า ๆ โรงแรมของคุณลุงสวยมากเลยค่ะ”
ใบหน้าเล็กฉีกยิ้มปนหัวเราะพร้อมหันไปมองหน้าชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างเธออย่างธีรติ
“ที่ออกมาสวยงามแบบนั้นส่วนหนึ่งก็ได้เจ้าเธียร์นี่แหละช่วยคิดและออกแบบ”
ผู้เป็นพ่อกล่าวชมลูกชาย
“ได้เชื้อพ่อมาเต็ม ๆ เลยสินะ ขนาดไม่ได้จบทางด้านนี้นะเนี่ย ใช่ไหมเธียร์”
มานพหันไปกล่าวกับชายร่างสูงด้วยสีหน้าอารมณ์ดี
“คุณลุงชมผมเกินไปแล้วครับ ผมไม่ได้มีฝีมือขนาดนั้นหรอกครับ ส่วนมากก็เป็นผลงานของสถาปนิกซะส่วนใหญ่ครับ”
ร่างสูงที่ยิ้มเจื่อน ๆ เพราะเขารู้สึกอึดอัดในการมาร่วมทานอาหารในวันนี้เป็นอย่างมาก
“ถ่อมตนดีนะเราเนี่ย ดี ๆ ฉันชอบ”
มานพเอ่ยกับธามด้วยสีหน้าที่ถูกใจ
ระหว่างกำลังนั่งรับประทานอาหารกันอยู่นั้นผู้เป็นพ่อก็ไม่รีรอที่จะกล่าวถึงธุระสำคัญของวันนี้
“ป๊าอยากให้แกคอยดูแลน้องนะ เดี๋ยวอีกหน่อยก็จะแต่งงานกันแล้ว”
ผู้เป็นพ่อเข้าประเด็น ทันทีที่ธีรติได้ยินประโยคดังกล่าว เขาก็หันขวับไปมองหน้าผู้เป็นพ่อด้วยสีหน้าที่เกิดคำถาม
“ครับ ? แต่งงานอะไรกันครับ ?”
ธนานั่งเงียบไม่ได้ตอบอะไรลูกชาย ร่างสูงจึงหันไปจ้องหน้าผู้เป็นแม่เพื่อหาคำตอบ คุณหญิงได้แต่พยักหน้าเบา ๆ ให้ลูกชายไป
ธีรติหันไปมองทางด้านครอบครัวของน้ำฟ้า ทุกคนต่างมีสีหน้าที่ดูเป็นปกติไม่ได้ตกใจอะไร ราวกับว่ารู้เรื่องนี้กันมาก่อนแล้ว หญิงสาวอย่างน้ำฟ้าเองก็เช่นกัน ใบหน้าจิ้มลิ้มก้มลงเล็กน้อยเพื่อหลบสายตาเขา
“ทำไมผมไม่เห็นรู้เรื่องนี้เลยครับ”
ร่างสูงเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่เริ่มไม่พอใจ
“ฉันถึงได้เรียกแกมาคุยในวันนี้ไง”
ผู้เป็นพ่อเอ่ยเสียงแข็งกับชายหนุ่ม
“ผมไม่แต่งครับ ยังไงผมก็ไม่มีทางแต่งงานกับคนที่ผมไม่ได้รัก”
ร่างสูงตอบกลับเขาไปอย่างหนักแน่นจนทำให้อีกฝ่ายที่ได้ฟังคำตอบถึงกับทำหน้าเหวอ
“แกไม่มีสิทธิ์พูดอะไรทั้งนั้น ฉันสั่งให้แกแต่งแกก็ต้องแต่งกับหนูน้ำฟ้า”
ผู้เป็นพ่อเริ่มขึ้นเสียงใส่เขาเสียงดัง
น้ำฟ้าได้แต่นั่งเงียบและก้มหน้าไม่กล้าสบตากับเธียร์
“คุณใจเย็น ๆ ก่อนได้ไหมคะ ค่อย ๆ คุยกับลูกสิอย่าพึ่งใช้อารมณ์”
เนตรนภาหันไปเอ่ยกับสามีด้วยสีหน้าและน้ำเสียงจริงจัง
ธีรติยืนขึ้นเถียงผู้เป็นพ่อแทบขาดใจ
“ผมบอกแล้วไงครับว่าผมไม่แต่ง อยากแต่งก็แต่งไปคนเดียวเถอะครับ”
ชายหนุ่มหันไปมองหน้าหญิงสาวอย่างน้ำฟ้าที่ตอนนี้เธอนั่งน้ำตาคลออยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นแม่อย่าง คุณหญิงรับขวัญ เกียรติสิริกุล
บรรยากาศภายในโต๊ะอาหารเริ่มตึงเครียด สีหน้าของมานพเริ่มเปลี่ยนแปลงไปเมื่อเห็นการกระทำของเธียร์ที่ไม่ไว้หน้าเขาเลยสักนิด
ในขณะเดียวกันเสียงโทรศัพท์ของชายหนุ่มก็ดังขึ้น เขาหยิบออกมาจากกระเป๋ากางเกง เมื่อเห็นว่าเป็นสายเรียกเข้าจากสิงหาเขาก็รีบกดรับเลยทันที โดยไม่สนว่าตอนนี้กำลังทะเลาะกับผู้เป็นพ่ออยู่
“นายครับเกิดเรื่องแล้วครับ คุณนลินไข้สูงจนเกิดอาการชักจนหมดสติตอนนี้ผมกำลังจะขับรถพาเธอไปที่โรงพยาบาลแค่นี้ก่อนนะครับ” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงกระวนกระวาย
“ว่าไงนะ ! นลินหมดสติงั้นเหรอ ?”
เจ้าของร่างสูงตกใจจนหน้าถอดสี เขาได้ยินว่าเธอหมดสติ ชายหนุ่มนึกเป็นห่วงกลัวว่าเธอจะเป็นอะไรไป เขาคงจะรู้สึกผิดไปจนวันตายที่ปล่อยเธอไว้แบบนั้น
ตู๊ด ๆ ปลายสายได้วางสายเขาไปแล้ว
ชายหนุ่มร่างสูงมีท่าทีที่กระวนกระวานใจตั้งท่าจะรีบเร่งไปหาหญิงสาวในทันที
“แกจะไปไหน กลับมาเดี๋ยวนี้นะ ฉันบอกให้กลับมาเดี๋ยวนี้ !”
ผู้เป็นพ่อตะโกนตามหลังเขาไปแต่ไม่เป็นผล เพราะวินาทีนี้สำหรับเธียร์แล้ว...นลินสำคัญที่สุด ต่อให้ต้องทะเลาะกับผู้เป็นพ่อยังไงเขาก็จะไปหาเธอให้ได้ !
แค่ได้ยินชื่อนลิน น้ำฟ้าก็กำหมัดพร้อมกับขบกรามแน่น
…ผู้หญิงคนนี้อีกแล้วเหรอ ? ฉันจะแพ้ให้ผู้หญิงอย่างนังนั่นจริงๆ เหรอ ? เหอะ ! ฉันไม่ยอมหรอกนะ...
หยาดพิรุณเงยหน้าขึ้นไปสบตาผู้เป็นแม่พร้อมทำสีหน้าแววตาที่เอาแต่ใจ ผู้เป็นแม่ก็ลูบหัวปลอบลูกสาวตัวเอง
“ฉันหวังว่านายจะจัดการกับลูกชายของนายให้ได้โดยเร็วนะ อย่าให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งที่เราคุยกันไว้... กลับ !”
มานพเอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดกับผู้เป็นเพื่อน สีหน้าไม่พอใจแสดงออกมาอย่างชัดเจน ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปอีกคน
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?