ตอนที่ 15 ในที่ลับตา

พชิราขนการบ้านที่คั่งค้างทั้งเทอมมาทำที่โรงพยาบาลด้วย ให้อยู่ห้องคนเดียวน่าเบื่อเกินไป จนกว่าแผลจะหายจึงถือโอกาสนี้ทำหน้าที่ของนักศึกษาตัวน้อยๆผู้ขยันขันแข็งสักหน่อย ส่วนอัครภพถูกเธอสกัดไว้ไม่ให้ไปทำงานต่อจึงเข้าไปพักผ่อนยังห้องด้านใน เขาเงียบไปสักพักใหญ่แล้ว ดูท่าคงจะยอมนอนดีๆ สักที

ในความเงียบท่ามกลางห้องที่มีแต่กลิ่นอายเย็นยะเยือก พลันมีโทรศัพท์โทรเข้ามา พชิรากดรับ ลดระดับเสียงลงแต่ยังคงมีความรักใคร่เจือปนขณะพูด

“พี่วิ คิดถึงจังเลย ที่นู้นอากาศหนาวแล้วมั้งคะ ได้ใส่เสื้อผ้าอุ่น ๆ หรือเปล่า”

“ใส่ค้า เราเถอะ พี่เห็นข่าวว่าเราถูกทำร้าย เป็นยังไงบ้าง เดี๋ยวพี่กลับไปเดือนหน้าจะต้องหาวิธีเอาคืนให้ได้”

รวิภาที่ปลายสายพูดอย่างเคืองแค้น น้องสาวตัวน้อยๆ น่ารักของเธอ พ่อกับแม่ยังตัดใจตีไม่ลงสักครั้ง ส่วนเธอก็ทะนุถนอมน้องอย่างกับไข่ในหิน ย่อมไม่พอใจอยู่แล้วที่คนนอกฉวยโอกาสทำร้ายพชิรา

“หนูโอเคแล้วค่ะ พอแผลตกสะเก็ดทายาอีกหน่อยก็ไม่เป็นไร แล้วก็ยัยคนนั้นได้ชดใช้สิ่งที่ทำไปแล้ว พี่วิสบายใจเถอะค่ะ เดือนหน้าหนูจะไปรับที่สนามบิน”

หลังคุยกันอีกเล็กน้อยสองคนพี่น้องก็วางสาย พชิราส่งรูปรอยแผลให้รวิภาดู ยืนยันว่าไม่เป็นไรก็ทำการบ้านต่อ เธอกับพี่สาวมีอายุห่างกันแปดปี ด้วยช่องว่างระหว่างวัยนี้ คนอื่นมักคิดว่าพวกเราสองคนคงไม่ค่อยสนิทกัน ขณะที่พี่สาวเข้าเรียนประถม เธอพึ่งจะคลานได้ พี่สาวอยู่ชั้นมัธยมตอนต้น ตัวเธอก็พึ่งสะพายกระเป๋าเป้เจ้าหญิงน้อยเตรียมเข้าอนุบาล สังคมเพื่อนฝูงต่างกัน ทว่าพชิราเป็นคนขี้อ้อนเข้าหาผู้ใหญ่เก่งมาแต่ไหนแต่ไร จึงใช้ความน่ารักน่าเอ็นดูตามติดพี่สาวแจ จนทั้งคู่แค่มองตาก็รู้ใจกัน เธอรักรวิภามาก ในชีวิตนี้คนที่จะดีกับเธอเท่าครอบครัวคงหายากแล้ว

เกือบสี่ชั่วโมง ประตูห้องนอนจึงมีคนผลักเปิดออกมา อัครภพพึ่งตื่น สีหน้ายังเจือแววง่วงงุนไม่สดชื่น ครั้นจะดื่มกาแฟสักแก้วก็โดนเด็กสาวลากไปนั่งลงกินมื้อเที่ยง

“ก่อนดื่มกาแฟต้องกินอะไรรองท้องก่อนค่ะ เที่ยงนี้เป็นเมนูเส้นนะคะ พีมลงไปซื้อจากข้างล่างมา”

อัครภพไม่ชอบกระเทียม พชิราจึงสั่งก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กน้ำใสไม่ใส่กระเทียมมาให้ ของเธอเป็นเส้นบะหมี่ต้มยำน้ำข้น สีสันน้ำซุปแตกต่างกัน บ่งบอกถึงรสนิยมการกินเฉพาะตัว

พชิราสูดเส้นอย่างเอร็ดอร่อย เคี้ยวตุ้ย ๆ ไปพลางพยักเพยิดหน้าให้ชายหนุ่มลองชิม อัครภพชำเลืองหางตามองเธอ เด็กคนนี้มักใช้วิธีมัดมือชกกับเขาอยู่เรื่อย ต้องเตรียมการไว้ก่อนเสมอเพื่อไม่ให้เขาปฏิเสธทำลายน้ำใจของเธอ ต้องมายุ่งกับชีวิตประจำวัน ทำให้เขารับประทานอาหารไปแล้วตั้งสองมื้อ ทั้งที่ปกติจะกินแค่มื้อเดียวต่อวัน ยัยเด็กน่ารำคาญ

แต่เขาก็กิน…

ช่วงบ่ายไม่มีเคสผ่าตัดเข้ามา อัครภพจึงนั่งทำงานส่วนอื่นของโรงพยาบาลอยู่ในห้อง โดยมีพชิรานั่งทำการบ้านของตัวเองอยู่บริเวณโซฟารับแขก เด็กสาวเดี๋ยวนอนเดี๋ยวนั่งอ่านเอกสารแผ่นบาง พอเริ่มเบื่อก็จะเดินมาหาเขา พูดจาแทะโลมเขาเหมือนสุนัขตัวน้อยกับกระดูกชิ้นหนึ่ง ถ้ากล้าหน่อยก็ถึงขั้นแตะอั๋ง วันทั้งวันถูกเธอคลอเคลียเย้าหยอกจนแทบจะหมดความอดทน

พริบตาเดียววันหยุดสามวันก็ผ่านไป เช้านี้พชิราแต่งชุดนักศึกษากระโปรงพลีทสั้นไปส่งงานที่มหาวิทยาลัย ทางคณะจัดกิจกรรมแจกคะแนนให้นักศึกษา เธออยู่ในช่วงระหว่างพักจึงจะไปเข้าร่วมเพื่อเก็บคะแนน เมษาเพื่อนรักเองก็มาด้วย พอเห็นว่าใบหน้าสวยๆ ของพชิราได้แผลจนเกือบเสียโฉมก็เดือดปุดๆ ต่อว่ามะนาวยิ่งกว่าเครื่องด่า

“หล่อนออกจากวงการไปแล้ว ช่างเถอะ แค่นี้ฉันก็พอใจแล้วล่ะ” พชิราแทบจะกลายเป็นคนดีขึ้นมา เมษาโกรธจนผมชี้แทนเธอไปหมด ให้สุมไฟเพิ่มคงไม่ใช่เรื่อง จำเป็นจะต้องปลอบคนก่อน

“สาวๆ พี่นั่งด้วยได้ไหม” คิน นักแสดงหนุ่มมาแรงในช่วงนี้ยืนอยู่ด้านหลังพชิรา เขาเป็นนักศึกษาปีสี่มหาวิทยาลัยเดียวกัน วันนี้ก็มาเข้าร่วมกิจกรรมสัมมนาที่คณะจัดเพื่อเอาคะแนนด้วย

นักแสดงดังรวมตัว พชิรากับเมษานั่งอยู่ในมุมอับหลังต้นไม้เพื่อลดการมีตัวตน ไม่คาดว่าเขาจะมาเจอพวกเธอ

“ได้ค่ะ นั่งเลยค่ะ” เป็นเมษาที่ดี๊ด๊าต้อนรับ แม้พวกเขาจะคุ้นเคยกันมาประมาณหนึ่งแล้ว แต่เธอก็ตื่นเต้นทุกครั้งที่ดารายอดนิยมขนาดนี้มาคบค้าสมาคมด้วย

“เป็นยังไงบ้างเรา เจ็บมากไหมมาให้พี่ดูหน่อย” คินจับปลายคางของพชิรา หันใบหน้าเธอมาดูว่าบาดแผลเป็นยังไง

“พี่คิน เดี๋ยวก็มีคนเห็นหรอก พีมเป็นข่าวไม่พอเหรอ พี่กลัวแฟนคลับพี่จะไม่ฉีกกระชากพีมจนแหลกเป็นชิ้นหรือไง”

พชิราบ่นอุบอิบพลางเลื่อนหนีมือของเขา คินตามจีบเธอมาตั้งแต่แสดงละครเรื่องแรกด้วยกัน ตอนนั้นเขาเป็นพระเอกหน้าใหม่ ส่วนเธอเป็นนางร้าย นางเอกของเรื่องสวยสะพรั่งกว่าเธอไม่รู้กี่เท่า แถมหล่อนยังแอบชอบเขา ทั้งสองคนถูกจับเป็นคู่จิ้นมีฐานแฟนคลับสนับสนุนมากมาย แต่คินกลับมาวอแวอยากรู้จักเธอมากกว่าเพื่อนร่วมงาน แม้ถูกปฏิเสธแต่เขาก็ยังมาเตาะมาจีบอยู่เรื่อยๆ

“เรากลัวแฟนคลับพี่ แล้วพี่ไม่ควรกลัวคู่หมั้นคนนั้นของเราเหรอ เสน่ห์แรงจริงนะ แม้แต่คุณอัครภพก็ยังไม่เว้น”

“เว้นทำไม พีมชอบเขานี่ อย่าพูดเหมือนพีมเป็นตัวอะไรสักอย่างที่กินผู้ชายได้ไหม คนนี้พีมจริงจัง”

คินหัวเราะกลบเกลื่อนความผิดหวังในใจ ยกมือขึ้นมายีเส้นผมหญิงสาวจนยุ่ง “ถ้าเขาทำให้เหงาก็ทักมาหาพี่นะ”

“แค่ก ๆ ” พชิรากับเมษาไอแห้งสำลักน้ำลายพร้อมกัน พี่คินพระเอกคนดังถึงกับเสนอตัวแก้เหงาให้ฟรีๆ เลยเหรอ เขาไม่กลัวว่าถ้าอัครภพรู้จะเชือดคอเขาทิ้งหรือไง

หลังแยกย้ายกันที่มหาวิทยาลัย พชิราซื้ออาหารไปรอกินข้าวพร้อมกับอัครภพที่ห้องทำงานเขาเช่นเคย ตอนชายหนุ่มเข้ามาเห็นเด็กสาวในชุดนักศึกษาก้มๆ เงยๆ โชว์ขาอ่อน ม่านตาดำขลับพลันหดตัวเสียการควบคุมไปครู่หนึ่ง

“มาทำไมอีก” ชายหนุ่มถามคำถามเดิมทุกครั้งที่เจอหน้ากัน

พชิราจึงเข้าไปเกาะแขนของเขาอย่างสนิทสนมแล้วพามานั่งกินข้าว “มาหาพี่อัคไงคะ พีมไปมหาวิทยาลัยมา เมื่อเช้าส่งข้อความบอกพี่อัคก่อนแล้ว คงไม่ได้งอนกันใช่ไหม”

“งอนทำไม เธอไปไหนก็เรื่องของเธอ”

“ดีแล้วค่ะที่ไม่งอน พี่อัคเข้าใจพีมที่สุด น่ารักที่สุด มากินข้าวด้วยกันดีกว่า พีมถามพี่พยาบาลหน้าห้องแล้ว เย็นนี้พี่อัคไม่มีงาน เดี๋ยวพอเลิกเราไปดูหนังด้วยกันนะคะ” พชิราพูดพร้อมกับโชว์ตั๋วหนังที่เธอพึ่งซื้อให้เขาดู เป็นภาพยนตร์ต่างประเทศเข้าใหม่สองที่นั่ง

ยังคงทำอะไรตามใจตัวเองไม่ถามเขาสักคำ แต่ตอนเย็นว่างพอดีจึงถูกเธอลากให้ไปกินข้าวดูหนังด้วยกัน เรื่องพวกนี้สมัยเป็นวัยรุ่นหรือวัยเรียนเขาไม่เคยสนใจ กลับจากโรงเรียนก็ไปเข้าสถาบันสอนเสริมจนมืดค่ำ เพื่อนรอบตัวมีน้อยจนนับคนได้ รวิภาเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียว และนิสัยของเธอก็ไม่เหมือนพชิรา เป็นคนประเภทปลีกวิเวกเช่นเดียวกันกับเขา และอาจเพราะอยู่ในเฉดสีเดียวกัน เขาจึงสะดวกใจคบหามากกว่า

“มองอะไร” อัครภพไม่ชอบสุงสิงกับผู้คน ในโรงหนังไม่ได้มีแค่พชิรา แต่มีคนอื่นๆ นั่งรวมอยู่ด้วย พอถูกจ้องจึงอึดอัด

“มองไม่ได้เหรอคะ ก็หนูมีแฟนหล่อขนาดนี้”

“พี่ไม่ใช่แฟนของเธอ อย่าลามปาม”

เด็กสาวเบ้ปากน้อยใจ แต่ก็ไม่หยุดที่จะแทะโลมเขา ยังคงใช้ดวงตาพริบพราวแวววาวราวจะกลืนกินเขาทุกขณะ ภาพยนตร์ฉายไปได้ครึ่งเรื่องแล้ว แต่เธอกลับไม่ดูสักนิด เอาแต่สนใจชายหนุ่มที่นั่งด้านข้างอย่างเดียว จนหมดเวลาสองชั่วโมงครึ่ง ทั้งคู่จึงได้ออกมาข้างนอก สี่ทุ่มกว่าๆ ท้องถนนค่อนข้างปลอดโปร่งขับรถสะดวก

พชิรายังไม่อยากกลับห้องจึงขอให้อัครภพพาเธอไปที่ที่หนึ่งก่อน ทีแรกอัครภพจะไม่ตามใจ แต่เห็นว่าเป็นทางผ่านกลับคอนโดฯ ของเด็กสาวพอดีจึงจำใจจอดแวะให้ พชิราวิ่งเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ พอกลับออกมาก็คว้ามือชายหนุ่มตัวสูงให้เดินตามเธอไป

“จะทำอะไร ดึกแล้วพี่จะไปส่ง อย่าเถลไถล”

“แถวนี้เปลี่ยวนะคะ ถ้าพี่อัคไม่ไปเป็นเพื่อนพีมแล้วเกิดอะไรขึ้นมา ไม่กลัวพี่สาวพีมจะมาเอาเรื่องเหรอคะ พี่วิฝากพีมไว้ให้พี่ดูแลแล้วนะ”

อัครภพมองเด็กสาวด้วยสายตาแหนงหน่าย ก่อนจะตามเธอไปอย่างช่วยไม่ได้ พวกเขาเดินไปบนถนนที่มีแสงไฟสลัว ประมาณหนึ่งก็ลอดผ่านประตูหลังเข้าไปยังสวนสาธารณะ ซึ่งขณะนี้ปิดไม่ให้คนเข้าไปใช้แล้ว

เขาดึงแขนเรียวเล็กไว้ทันที “เข้าไปทำไม”

“เบาๆ ค่ะ เดี๋ยวเข้าไปแล้วก็จะรู้เอง” พชิราจับจูงมือของอัครภพเดินนำไปข้างหน้าอย่างชำนาญเส้นทาง ไฟสว่างเป็นจุดๆ เสี่ยงที่รปภ.จะมาเจอพวกเขา แต่หญิงสาวราวกับเคยมาบ่อยจนรู้เวลาจึงไม่มีใครเห็น

ทั้งคู่เดินไปเรื่อยจนขึ้นบันไดหินมาหยุดอยู่บนหอคอยสูงสไตล์ยุโรปหอหนึ่ง พอมองผ่านหน้าต่างออกไปก็จะเห็นวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนของเมือง เป็นภาพที่สลัวราง ทว่าสวยงามอย่างเหลือเชื่อ พชิรานั่งลงบนขอบหน้าต่างหิน ล้วงเอาขวดเหล้าจากถุงออกมากระดกดื่ม นี่ก็คือสิ่งที่เธอเข้าไปร้านค้าเพื่อซื้อมา ยังหยิบให้อัครภพหนึ่งขวด

“ที่นี่เป็นสถานที่โปรดของพีมค่ะ เวลากลุ้มใจก็มักจะมานั่งมองวิว พาพี่อัคมาด้วยคนแรกเลยนะคะ”

เธอเคยถ่ายละครที่สวนสาธารณะแห่งนี้ครั้งหนึ่ง บริเวณสวนออกกำลังกายมีหอคอยหินสูงสร้างเอาไว้จึงลองขึ้นมาชมวิว ปรากฏว่าถูกใจเลยยึดเป็นสถานที่โปรดเสียเลย มาช่วงกลางวันไม่มีเวลา ตกกลางคืนเจอช่องทางลับจึงแอบเข้าด้านหลังตลอด

อัครภพคล้ายเหนื่อยหน่ายกับความไร้สาระของเธอ แต่ก็ยังมองวิวนอกหน้าต่างอย่างสนใจ เขาไม่ดื่มเหล้าแน่นอน ไม่อย่างนั้นคงไม่ปลอดภัยหากขับรถกลับ

พชิราจึงดื่มโซจูคนเดียวสองขวด พอเริ่มเมาก็หักห้ามใจไม่ไหว มือไม้ยื่นไปเกาะแกะชายหนุ่ม จากนั้นเยื้องใบหน้าพริ้มปรือขึ้นไปประกบริมฝีปากของเขา ขบเม้มไล้เลียอ้อยอิ่ง เบียดเข้าไปในอ้อมอกแข็งแกร่งจนร่างกายแนบชิดกัน

คนตัวสูงนิ่งไป จากนั้นภายใต้รสชาติเย้ายวนก็ตวัดเอวเธอเข้ามา จูบกับริมฝีปากอิ่มอย่างดิบเถื่อน เคล้าคลึงลิ้นหยาบกับเรียวลิ้นอ่อนนุ่มของเธอจนได้ยินเสียงหอบน่าอาย

“พี่อัค…อือ!”

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ