เวลาอัครภพดุขึ้นมาน่ากลัวมากๆ น้ำเสียงทุ้มจะกดต่ำ แววตาเย็นเยียบยิ่งกว่าภูเขาน้ำแข็งกลางมหาสมุทร ดูคุกคามและไม่ได้ล้อเล่น พชิราผู้ซึ่งตกเป็นเป้าโดนเพ่งเล็งพลันหวั่นใจอยู่ลึกๆ ทว่าคนกล้าได้กล้าเสียเช่นเธอมีหรือจะยอมหงอเพียงเพราะเผชิญกับอันตราย ยิ่งเป็นโจทย์ยากท้าทาย เธอยิ่งรู้สึกถูกชายหนุ่มดึงดูดให้อยากเข้าหากว่าเดิม
“ถ้าหนูไม่ฟัง พี่อัคจะทำเหมือนคืนนั้นเหรอคะ” พชิราน้ำเสียงหยอกเย้า ยกแขนขึ้นคล้องลำคอของเขาอย่างท้าทาย
อัครภพถึงกับหมดคำจะพูด คนที่โดนเขาขู่แล้วไม่สะทกสะท้านเห็นทีจะมีแค่เธอ เด็กสาวคนนี้เมื่อก่อนน่ารักรู้จักความ แต่พอโตขึ้นกลับนิสัยแก่แดดแก่ลม ทำให้เขาหมดความอดทนที่จะโต้เถียง
“ไม่กลัว?”
การโน้มลำคอของเขาลงมาเป็นคำตอบที่ชัดเจน เธอไม่กลัว อัครภพจึงจัดการสั่งสอนเด็กสาวตรงหน้า โดยการกระแทกริมฝีปากสีเข้มหยักลงบนริมฝีปากอวบอิ่ม กัดไปคำหนึ่งเต็มๆ รุนแรงจนได้ยินเสียงครางสะดุ้งเจ็บปวดตามมา
พชิรานิ่วหน้า หัวใจพลันเต้นรัวราวกับตีกลอง สัมผัสที่มาจากชายหนุ่มผสมปนเปไปด้วยความรู้สึกเจ็บแสบเคล้าระคนหวานฉ่ำ ต่อให้อัครภพจะข่มขู่ เธอก็ไม่เคยจินตนาการว่าเขาจะทำเรื่องเร้าใจเช่นนี้ รสชาติคาวของโลหิตผสมกับรสไวน์ที่ยังตกค้างในช่องปาก มอมเมาพชิราจนอ่อนยวบไปทั้งร่าง แม้จะเจ็บจนน้ำตาคลอ แต่อัครภพกำลังจูบลงทัณฑ์เธอ ริมฝีปากทั้งคู่แนบสนิทกัน สมองจึงแยกไม่ออกว่าควรสับสนหรือควรตอบสนองยังไงดี
ใบหน้าหล่อเหลาถอยออกช้าๆ บอกว่าเป็นการลงโทษ แต่พอเห็นอีกฝ่ายโดนตนรังแกจนน้ำตาคลอ อัครภพเหมือนพึ่งนึกได้ว่าพชิราเป็นแค่เด็กสาวดื้อรั้นคนหนึ่งเท่านั้นเอง เขารุนแรงกับเธอไม่สมกับหลักการที่เป็นผู้ใหญ่แม้แต่น้อย ถึงขั้นไม่คิดอะไรก็กัดคนจนปากบวมเจ่อ เขาอายุใกล้จะสามสิบแล้ว ทำไมยังมาทำเรื่องเหมือนพึ่งเป็นวัยรุ่นเลือดร้อนอยู่อีก
“เจ็บค่ะ” คนน้ำตาคลออ้อนเสียงแผ่ว
“เจ็บแล้วจำไหม ทีหลังยังคิดจะท้าทายพี่อยู่อีกหรือเปล่า”
หญิงสาวเม้มริมฝีปากไม่ยอมตอบ และไม่อวดดีอีก “พี่อัคไม่ชอบพีมเลยเหรอคะ อย่างน้อยก็หมั้นกันแล้ว เราน่าจะลองคบหาดูใจกัน ถ้าผ่านไปสักพักมันไม่ใช่ค่อยเลิกก็ไม่สายนี่คะ พี่อัคก็ยังไม่มีแฟนสักหน่อย”
“พี่มีคนที่ชอบแล้ว พี่มองเธอเป็นเหมือนน้องสาวมาตลอด อย่าเสียเวลากับพี่เลย ไปหาคนที่เขาพร้อมจะดูแลเธอดีกว่า”
เวลานี้ชีวิตของเขายังไม่ว่างพอจะเปิดใจคบหาใคร คนที่ชอบก็เป็นไปได้ยาก พชิรายังสาวยังมีโอกาสอีกมาก ไม่ควรมาจมปลักรอคอยความรักเช่นนี้ หญิงสาวใต้ร่างขมวดคิ้วมุ่น อารมณ์ที่กักเก็บในดวงตาวาวหวานสั่นไหว
ประโยคที่ว่า มีคนที่ชอบแล้ว และมองเธอเป็นน้องสาวมาตลอด ราวกับน้ำเย็นสาดเข้ากลางหน้า ทั้งที่พยายามทำใจให้ชิน ทำมานานตั้งแต่ได้เจอเขาครั้งแรก ทว่าอย่างไรก็ไม่เคยทำได้
ทุกครั้งที่ได้ยินยังคงเจ็บแปลบเหมือนมีไฟจี้กลางอกเหมือนเดิม พวกเรายังอยู่ในช่วงเริ่มต้นความสัมพันธ์ เวลานี้เขายังคิดแบบนี้ แต่เมื่อผ่านไปสักพักเธอมั่นใจว่ากำแพงเหล็กที่อัครภพสร้างขึ้นมาจะต้องพังถล่มไม่มีชิ้นดีแน่นอน
สามวันต่อมามีถ่ายละครแถวบ้านเรือนไทยเก่าแถบชานเมือง ขณะนั่งอ่านบทพลางแต่งหน้าทำผมอยู่ในเต็นท์ส่วนตัว ผู้จัดการของพชิราสังเกตเห็นความผิดปกติจึงพลอยคิดมาก ดูเหมือนคนที่พึ่งหมั้นมาหมาดๆ จะอารมณ์ไม่แจ่มใส หลายวันนี้มักโพสต์ในโซเชี่ยลเชิงน้อยอกน้อยใจบางอย่าง ถามไถ่ก็เลี่ยงที่จะตอบ ดูๆ แล้วคงไม่พ้นปัญหาเรื่องความรัก
“ไม่เอานะคะน้องพีม ทำหน้ายู่แบบนี้ทั้งวันเดี๋ยวคนอื่นก็เอาไปนินทาหรอก หูตามีอยู่ทั่ว ต้องระวังเรื่องส่วนตัวไว้”
พี่เหมียวให้คำแนะนำอย่างมืออาชีพ พชิราเป็นเด็กปั้นในมือของเธอ จะยอมให้มีข่าวหลุดจนเกิดกระแสทางลบไม่ได้ ยิ่งพอประกาศหมั้นสายฟ้าแลบกับลูกชายคนโตของมหาเศรษฐีหมื่นล้าน ยิ่งมีสายตาจับจ้องรอดูเรื่องสนุกมากมาย ให้ดีพชิราต้องวางตัวสงบเสงี่ยมไม่ก่อเรื่องเหมือนแต่ก่อน ไม่อย่างนั้นลงเรือลำเดียวกันแล้ว คนหนึ่งจม อีกคนย่อมไม่รอด
“พีมไม่สนหรอกค่ะ” พชิราปิดบทละครแล้วถอนหายใจ
“ไม่สนไม่ได้ น้องพีมมีคู่หมั้นแล้ว ถ้าสื่อเอาข่าวไปประโคมในทางเสื่อมเสียชื่อเสียงไม่เลิก ฝั่งนั้นเขาจะมองเราไม่ดีนะคะ พี่พูดเพราะพี่เป็นห่วง ตระกูลธาดากีรติรวยล้นฟ้า เส้นสายใหญ่โตมีหน้ามีตาในวงสังคม เกิดเรื่องขึ้นมาหากช่วยเราแก้ข่าวก็ดีไป แต่ถ้าแค่จับตามองไม่ยื่นมือมาช่วยเคลียร์อะไรเลย แบบนั้นจะเหนื่อยเอา”
“ค้าๆ พีมจะพยายามทำตัวดีๆ ขอบคุณพี่เหมียวที่เป็นห่วง แต่ถ้าใครมาแกล้งพีมหรือพูดจาไม่ดี พีมไม่ยอมนะคะ”
ถึงเธอจะเป็นคู่หมั้นของอัครภพแล้ว ข่าวออกจะโครมๆ ดังไปทั่วบ้านทั่วเมือง แต่ด้วยฐานะที่แตกต่างกัน เขารวยโคตรๆ ส่วนครอบครัวเธอแค่ทำธุรกิจการลงทุนขนาดกลาง เอามาเทียบกันเหมือนภูเขาตระหง่านกับกองดิน พวกผู้หญิงไฮโซที่คิดว่าตัวเองยังเหมาะสมและเหนือกว่าจึงพุ่งเป้ารวมพลังกันมาเพื่อกำจัดเธอ
ในกองถ่ายนักแสดงที่เบื้องหลังครอบครัวไม่ธรรมดามักแซะเธอว่าหนูตกถังข้าวสาร ตั้งใจพูดจาส่อเสียดยั่วโมโห บางคนเป็นถึงนางเอกเบอร์ต้นๆ เมื่อก่อนตอนยังไม่มีข่าวล้วนไม่สนใจ เดี๋ยวนี้หรือ แค่งานอีเวนท์เล็กๆ ของแบรนด์ดังยังต้องเฉียดกรายมามองกันแบบเหยียดๆ ให้ได้ เส้นทางความรักในครั้งนี้สมบุกสมบัน อุปสรรคขวากหนามเยอะมาก
ต้องรู้ว่าอัครภพเปรียบเสมือนเจ้าชายราชนิกูลในวงสังคม เป็นหนุ่มหล่อตระกูลมั่งคั่งที่หญิงสาวทุกชนชั้นต่างก็ใฝ่ฝันจะครอบครอง พอมีคนที่ภาพลักษณ์ไม่ค่อยดีเช่นเธอไปทำให้เขาแปดเปื้อน เหล่านางๆ ทั้งหลายมีหรือจะเพิกเฉย พชิราปากแซ่บที่หนึ่ง แต่เถียงกับคนพวกนี้บ่อยครั้งเข้าเธอก็ชักจะเบื่อหน่าย เริ่มรำคาญบ้างแล้ว
ฉากในวันนี้ใช้เวลาถ่ายตั้งแต่ช่วงสายไปถึงช่วงตีห้าของอีกวัน พอเลิกกองท้องฟ้าก็กลายเป็นสีน้ำหมึกแล้ว ถ้าขับรถประมาณหนึ่งชั่วโมงก็น่าจะทันเวลาเขาออกเวร
พชิราไปได้ข้อมูลจากพยาบาลหน้าห้องทำงานส่วนตัวของอัครภพมาแล้ว เขาจะอยู่วอร์ดประมาณสิบสองชั่วโมงต่อวันเสมอ บางวันก็สิบห้าชั่วโมง เพื่อทำการผ่าตัดเคสหนักๆ ที่แพทย์คนอื่นไม่กล้าทำ
หมกมุ่นอยู่กับการใช้มีดเฉือนร่างกายคนไข้รายแล้วรายเล่าจนเกินพอดี ทุกวันนี้ยังเดินเหินเป็นปกติไม่สลบเหมือดไปเสียก่อน นับว่าบุญโข เธอเป็นห่วงจึงตัดสินใจว่าต่อจากนี้จะต้องดูแลเขาให้ดี หาวิธีมาทำให้คุณหมอหนุ่มเลิกเสพติดการทำงานหนักให้ได้
ตอนไปถึงโรงพยาบาลท้องฟ้าสว่างพอดี ผู้จัดการบอกว่าวันนี้ช่วงบ่ายมีถ่ายซ่อมฉากช่วงแรกของละคร เหตุเพราะนักแสดงหลักของเรื่องรู้สึกว่าตัวเองยังเล่นได้ไม่ดีเท่าไหร่เลยจะขอเล่นใหม่อีกครั้ง ฉากนั้นมีเธอรวมอยู่ด้วย จึงช่วยไม่ได้หากจะให้ความร่วมมือกับผู้กำกับไปสะสางให้เรียบร้อยสักหน่อย
“คุณพชิราสวัสดีค่ะ มาหาท่านผู้อำนวยการเหรอคะ ตอนนี้ท่านผู้อำนวยการยังผ่าตัดคนไข้ไม่เสร็จค่ะ น่าจะต้องรออีกประมาณหนึ่งชั่วโมง” พยาบาลกล่าวกับพชิรา
เมื่อก่อนตอนที่อัครภพยังไม่รับตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่อย่างเป็นทางการ บุคลากรในโรงพยาบาลจะเรียกเขาว่าคุณหมออัค หรือไม่ก็คุณอัครภพ เดี๋ยวนี้เปลี่ยนไปเรียกท่านผู้อำนวยการแล้ว
“โอเคค่ะ พีมซื้อโจ๊กมาฝากทุกคนด้วยนะคะ” พชิรายกถุงใส่โจ๊กไข่โปะหมูสับกับปลาท่องโก๋น้ำเต้าหู้ให้นางพยาบาล จากนั้นเดินไปผลักประตูห้องทำงานส่วนตัวของอัครภพ รอเวลาที่เขาจะผ่าตัดจนเสร็จเรียบร้อย
ห้องทำงานห้องนี้ของคุณหมอหนุ่ม ภายในอบอวลไปด้วยกลิ่นน้ำหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของเขา และกลิ่นน้ำยาทำความสะอาดบางอย่าง ที่พอได้ดมทีไรก็มักจะทำให้นึกถึงแอลกอฮอล์ล้างแผล ผนังรอบด้านตกแต่งเรียบง่ายเป็นสีขาว มีโต๊ะเก้าอี้ชุดหนึ่งซึ่งเป็นสีดำสนิทตัดกัน และโซฟาชุดใหญ่พร้อมกับพื้นที่สูดอากาศนอกระเบียง พื้นเดินเงาวับ ไร้สีสันดูหม่นมัวเป็นทางการเหมือนบุคลิกของเจ้าตัว
ยังมีประตูเปิดไปสู่ห้องอีกทางด้านหนึ่ง เนื่องจากพชิราไม่เคยเข้ามาในนี้ตามลำพัง หลังได้รับสถานะคู่หมั้นจึงถือวิสาสะ เลยไม่ทราบว่าห้องหลังประตูนั้นเป็นห้องอะไร อาจเป็นครัวหรือไม่ก็ห้องนอนพักผ่อนล่ะมั้ง
“ห้องท่านผู้อำนวยการจืดชืดไร้สีสันเกินไปแล้ว รสนิยมผู้ใหญ่นี่เข้าถึงยากจัง”
พชิราเดินวนไปรอบๆ จากนั้นก็บ่นอีก “พวกหมอเขาไม่ชอบอะไรที่เป็นสีสันเหรอ พี่วิก็ชอบแต่อะไรแบบนี้”
จะบอกว่าเป็นสไตล์มินิมอลก็ไม่ใช่ สำหรับเธอสไตล์มินิมอลคืออย่างน้อยภาพรวมต้องออกมาสบายตาและน่าอยู่หน่อย นี่เขาเรียกว่ารสนิยมส่วนตัว เน้นของไม่เยอะแต่บรรยากาศอึมครึมมาก ไม่ทราบว่าอัครภพทำได้ยังไง
เธอลอบคิดเงียบๆ ว่าครั้งต่อไปต้องซื้อแจกันกับดอกไม้มาตั้งไว้สักหน่อย ห้องกว้างจะได้ไม่ดูเงียบเหงาวังเวง
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป
ในที่สุดประตูก็เปิดเข้ามา พชิราเมื่อเงยหน้ามองเห็นอัครภพพลันทิ้งการบ้านที่กำลังทำอยู่ลุกเดินไปหาเขา
“พี่อัคผ่าตัดเสร็จแล้วเหรอคะ หนูซื้อโจ๊กไข่ย่อยง่ายมาให้ค่ะ กินสักหน่อยนะคะ” เธอจูงมือเขามานั่งที่โซฟา
อัครภพซึ่งไม่คาดว่าจะมีคนอยู่ ทั้งพึ่งทำงานหนักมาจึงประมวลผลช้าไปชั่วขณะ กว่าจะตอบสนองก็ตอนที่ถูกเด็กสาวพาไปนั่งแล้วกวนโจ๊กอุ่นมาป้อนจ่อปาก
“มาได้ยังไง” เขาถามเสียงเย็นชาเหมือนเดิม เพียงแต่คราวนี้มีความเหน็ดเหนื่อยฉายอยู่บนใบหน้าด้วย
“พึ่งถ่ายละครเสร็จค่ะก็เลยมาหา เหนื่อยไหมคะ มากินโจ๊กตอนที่ยังอุ่นๆ กันดีกว่าค่ะ อ้ำ…”
พชิราทำเหมือนเขาเป็นเด็กน้อยที่ต้องล่อหลอกให้กินข้าว ดวงตาเป็นประกายราวกับแสงอาทิตย์ที่ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามา แสดงออกชัดเจนว่าอยากเอาใจเขา
“พี่ยังมีงานต้องทำ เธอกินเถอะ”
“พี่ทำงานมาสิบห้าชั่วโมงแล้วนะคะ ถ้าไม่พักสักหน่อย วันนี้ไม่เป็นอะไรแต่วันหน้าล่ะคะ เกิดล้มป่วยขึ้นมาไม่คุ้มกันนะ เวิร์คไลฟ์บาลานซ์ค่ะ”
“เธอมากวนเวลาพักของพี่อยู่”
“หนูจะกลับไปค่ะถ้าพี่อัคกินโจ๊กนี้หมด”
“จู้จี้ พี่เป็นหมอไม่จำเป็นต้องให้เธอมาเตือนว่าควรทำยังไง” มื้อเช้าของเขากาแฟดำสักแก้วก็พอแล้ว ของอย่างอื่นล้วนไม่อยากกิน
“ไม่กินไม่กลับนะคะ อยากให้หนูอยู่ด้วยล่ะสิเลยหาเรื่องมาพูด”
แล้วอัครภพก็รับโจ๊กมา เขาไม่อยากให้ยัยเด็กตัวแสบนี่มาป้วนเปี้ยน เธอชอบยั่วโมโหทำให้เขาหมดความอดทน ทางที่ดีคือเธอไม่ต้องโผล่หน้ามาเลย
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?