ตอนที่ 8 คู่หมั้น

โดนตำหนิว่าเหลวไหล ยังดีกว่าเขาไม่พูดอะไรสักคำ ใบหน้าน้อยๆ ของพชิรายิ้มระรื่น แววตากระจ่างซุกซนราวกับเด็กน้อยที่ไม่ประสาคนหนึ่ง บ่นสิ บ่นเยอะๆ เขาพูดมากหน่อยจะเป็นไรไป

เสียงออกจะหวานหูทุ้มลึกน่าฟัง ต่อให้ไม่ใช่คำพูดที่ดีแต่เธอก็ชอบ

“สาวน้อย เธอคลั่งรักพี่ชายฉันออกนอกหน้าเกินไปแล้ว ไม่กลัวว่าเขาจะ…” อิทธิพลทำไม้ทำมือหักบางอย่างกลางอากาศออกเป็นสองท่อน สื่อว่า ไม่กลัวพี่ชายเขาจะหักลำคอบอบบางของเธอหรือไง

พชิราส่ายหน้าอมยิ้มก่อนจะกะพริบตาหวานออดอ้อน “พี่อัคทำไม่ลงหรอกค่ะ พีมว่านอนสอนง่ายจะตาย”

อัครภพเหลือบตาเป็นเชิงไม่อยากเสวนากับเธอ จากนั้นที่ด้านหลังก็มีหญิงสาวชุดราตรีแดงกำมะหยี่คนหนึ่งสาวเท้าเข้ามาใกล้ แทรกตัวอย่างถือวิสาสะคั่นกลางระหว่างพชิรากับอัครภพ เจ้าหล่อนฉีกยิ้ม ใบหน้ามีความเกรงใจระคนเขินอาย

พชิราเหลือบมองคนที่แทรกเข้ามา ถึงกับพูดไม่ออกฉับพลัน ยัยคนนี้รกหูรกตาเธอจริงๆ ยังมีหน้ามาใกล้เขาอีก

“คุณอัครภพ คุณอิทธิพล สวัสดีค่ะ วันนี้แขกมากันเยอะเลย คุณหญิงท่านให้พราวช่วยสอดส่องดูแลความเรียบร้อย ไม่ทราบว่าทางนี้มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ” จากนั้นหล่อนก็ทำเหมือนพึ่งมองเห็นพชิรา

“อ้าว นึกว่าใคร น้องพีมนี่เอง สวยจนพี่จำไม่ได้เลยนะคะ ถ้าน้องพีมต้องการอะไรก็บอกพี่ได้นะ พี่จะช่วยจัดการให้ งานใหญ่แบบนี้คุณหญิงท่านไม่อยากให้แขกได้รับการดูแลตกหล่น”

พราวฝันพูดราวกับว่าตัวเองเป็นเจ้าภาพ ส่วนพชิราเป็นแขกที่ต้องดูแล หล่อนแสดงได้เป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง ทำเอาอิทธิพลที่ยืนรอดูเรื่องสนุกเกือบหลุดขำ สาวสวยคนนี้สมกับที่เป็นดาราดาวรุ่งของปีจริงๆ ในงานหล่อนยังแต่งตัวอลังการโดดเด่นกว่าใคร เล่นใหญ่จนกลายเป็นน่าสงสารแล้ว

“ไม่ขาดตกบกพร่องอะไรค่ะ แค่ถูกขัดจังหวะตอนกำลังคุยกันนิดหน่อย พี่อัคขา เดี๋ยวพีมไปหาเพื่อนก่อนนะคะ”

อัครภพไม่สนใจเธอ ทำหน้าตาเหนื่อยหน่ายใส่ยัยเด็กตัวแสบ พราวฝันเห็นดังนั้นก็ลอบลำพองใจ เธอนึกว่าพชิราจะมาพูดจาเลอะเทอะอะไรให้อัครภพฟัง ที่แท้เพียงมาทำให้เขารำคาญแค่นั้น ขณะยิ้มหวานเลี่ยนส่งให้ชายหนุ่มในฝัน ยังไม่ทันจะได้พูดกับเขาอีกสักคำแขกคนอื่นก็แทรกเข้ามาร่วมวง ทำลายโอกาสอันดีที่เธอฉกชิงมาจากพชิราหน้าตาเฉย

งานเลี้ยงดำเนินไปได้อีกสักครู่ใหญ่ เสียงสรวลเสเฮฮาก็ค่อยๆ เบาลง ท่านวรงค์วุฒิเจ้าของวันเกิดขึ้นไปกล่าวทักทายแขกทุกคนบนเวทีที่จัดเตรียมไว้ แม้อายุเยอะแล้วแต่ยังคงเป็นเสือเขี้ยวเล็บแหลมคม ท่านวรงค์วุฒิจึงมีสง่าราศีและบารมีของผู้ใหญ่ ทำให้ทุกคนต่างก็ยำเกรง ต่างก็ตั้งใจฟังว่าคนบนเวทีกล่าวเรื่องอะไรบ้าง เผื่อช่วงเวลาหลังจากนี้จะได้นำมาเป็นประเด็นพูดคุยได้อย่างเหมาะสม

“ผมแก่แล้ว พูดเยอะไปก็เหนื่อย” ท่านวรงค์วุฒิถอนหายใจปลงๆ จากนั้นก็มีเสียงหัวเราะเล็กน้อยของแขกตามมา

“คุณไม่แก่สักนิด” ภรรยายิ้มระรื่นส่งให้ผู้เป็นสามี นี่พึ่งผ่านมาแค่ไม่กี่สิบปีเอง จะรีบแก่ไปไหน

ท่านวรงค์วุฒิพูดต่อ “ขอบคุณที่มาร่วมยินดีฉลองงานวันเกิดของผม วันนี้ผมมีอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องการประกาศให้ทุกท่านทราบ”

ประโยคสำคัญทำเอาคนในงานชำเลืองมองไปยังพราวฝัน หลังจากข่าวลือมีมานาน หรือว่าทางครอบครัวฝ่ายชายจะให้สถานะเธอแล้ว ต้องบอกว่าวันนี้พราวฝันทำหน้าที่ต้อนรับขับสู้ทุกคน แขกไม่ว่าจะเป็นไฮโซชนชั้นสูงหรือว่าคนมีหน้ามีตาในวงการต่างๆ ล้วนแล้วแต่ถูกเธอเข้าไปพูดคุยชวนสนทนาด้วย ราวกับเป็นลูกสะใภ้คนโปรดแล้วอย่างไรอย่างนั้น พอท่านวรงค์วุฒิพูดเป็นนัยจึงมีทั้งสายตาอิจฉาและชื่นชมมองไปยังเธอ

พราวฝันยืนวอแวอยู่ไม่ไกลจากอัครภพ หล่อนแสร้งยิ้มให้เขาและชวนพูดคุยเหมือนว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน ทว่าอัครภพไม่ได้มีปฏิกิริยาสนใจเสวนากับเธอ เขาเลือกคุยเฉพาะกับผู้ใหญ่ที่อุตส่าห์เดินมาทักทายถึงที่เท่านั้น

แม้จะเป็นการบากหน้า แต่เมื่ออยู่ในแสงก็เหมือนกับเวทีการแสดงเวทีหนึ่ง ต้องไม่หลุดคาแรคเตอร์เด็ดขาด

พราวฝันจึงยืนหยัดต่อไป จวบจนได้ยินท่านวรงค์วุฒิเกริ่นว่าจะประกาศเรื่องสำคัญ สีหน้ายิ้มแย้มที่แทบจะประคองไม่ไหวจึงเจิดจ้าขึ้น ขอบคุณแขกในงานพูดไปแล้ว เรื่องเล่าเล็กๆ น้อยๆ สมัยวัยหนุ่มก็พูดแล้ว ต่อไปจะประกาศเรื่องสำคัญ นอกจากเกี่ยวกับลูกชายยังจะมีอะไรอีก หญิงสาวตื่นเต้นแทบเก็บอาการไม่อยู่

ตั้งแต่ครอบครัวของคุณอัครภพเรียกเธอไปพบ พวกสปอร์นเซอร์ก็ติดต่อเข้ามาประเคนงานให้เธอรัวๆ ลองได้ประกาศความสัมพันธ์กับเขาอย่างเป็นทางการสิ เส้นทางในวงการบันเทิงของเธอขึ้นสู่จุดสูงสุดแน่นอน พราวฝันเหลือบมองไปทางพชิราที่ยืนอยู่กับครอบครัวไม่ไกลกันเล็กน้อย ยิ้มอ่อนๆ แบบคนโรคจิตส่งให้รุ่นน้องสาว

พชิราแล้วยังไง คืนนั้นใส่หน้ากากอำพรางตัวตนกันหมด ต่อให้เล่าแทบตายก็ไม่มีใครเชื่อ สุดท้ายเธอก็เป็นฝ่ายชนะ

“ขอประกาศว่าลูกชายคนโตของผม อัครภพ กับ หนูพชิรา ได้หมั้นหมายกันแล้ว ต่อไปพวกเราสองครอบครัวจะเป็นทองแผ่นเดียวกัน”

“ห๊ะ!”

นี่เป็นเรื่องสำคัญไม่ผิด ถึงกับประกาศหมั้นหมายในงานครบรอบวันเกิดที่มีแขกมาร่วมมากที่สุด ทว่าคำพูดของท่านวรงค์วุฒิกลับทำให้ทุกคนอึ้ง รวมถึงตัวอัครภพด้วย เขาไม่คาดว่าพ่อแม่จะทำอะไรไม่บอกกล่าวล่วงหน้า คิดว่าการหมั้นหมายนี้ หากตัวเองคัดค้านหัวชนฝาก็จะไม่เกิดขึ้น แต่ทั้งสองท่านกลับมามัดมือชกกันต่อหน้าสาธารณะชน

“แกรู้เรื่องนี้หรือเปล่า” อัครภพหันไปมองน้องชาย

อิทธิพลที่โดนเพ่งเล็งทำตัวเจี๋ยมเจี้ยม ส่ายหน้าน้อยๆ แต่ก็โกหกไม่ได้ “แม่ขู่ว่าถ้าผมบอกพี่ก่อน จะจัดการผม”

“แต่แกไม่กลัวโดนฉันจัดการ”

“โธ่พี่! ผมขอโทษ คือผม…” เขาเลือกทางไหนได้บ้างเนี่ย! เกิดมาอยู่ตรงกลางลำบากใจจะตายอยู่แล้ว

พชิราเดินมาหาอัครภพ ถือวิสาสะคล้องไปที่แขนของเขาอย่างสนิทสนม ต่อหน้าต่อตาพราวฝัน รอยยิ้มอ่อนๆ จากริมฝีปากสีสวยเจิดจ้าจนลายตา “ขึ้นไปบนเวทีกันเถอะค่ะ คุณลุงรอเราไปแนะนำตัวอยู่”

อัครภพไม่ไป ยังคงประท้วงเงียบยืนทื่ออยู่ที่เดิม พชิราจึงเอนเข้าไปใกล้ใบหูของเขา พูดเสียงเย้าแหย่ว่า “ถ้าวันนี้พี่ดื้อกับหนู หนูจะฟ้องพี่วิว่าคืนนั้นพี่ทำอะไรกับหนูบ้าง จะเล่าให้ฟังทั้งหมดเลย พี่อัคคงไม่อยากโดนพี่วิบ่นใช่ไหม”

ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาเปลี่ยนเป็นมีเมฆหมอกปกคลุม เขาไม่อยากให้รวิภารู้รายละเอียดเกี่ยวกับคืนนั้น

“ยิ้มหน่อยค่ะ”

เห็นว่าเขายอมเดินแล้ว พชิราก็ยังหยอกไม่เลิก เธอมีความสุขมากแต่อีกคนกลับทำหน้าเหมือนกำลังเดินขึ้นสู่แท่นประหาร ยังดีที่อัครภพไม่ใช่คนร่าเริงเหมือนกับอิทธิพล การแสดงออกเช่นนี้ของเขาคนอื่นๆ จึงเดาอารมณ์กันไม่ออก ทั้งคู่ก้าวไปข้างหน้า ขึ้นไปยืนเคียงกันอยู่บนเวที ผู้หญิงสวยสง่าน่ามอง ผู้ชายหล่อเหลาทุกกระเบียดนิ้วหัวจรดเท้า

เป็นคู่สร้างคู่สมที่ต่อให้หาเหตุผลมาลบล้างยังไง ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าพวกเขาทั้งคู่ดูดีและเหมาะกันมาก

“นี่มันอะไรกัน!...คนที่คุณอัครภพจะหมั้นหมายด้วยคือฉันต่างหาก!” ประโยคหลังกล่าวขึ้นมาแทบจะเหมือนตะโกน

หลังเสียงปรบมือจางลง ผู้คนต่างก็มองไปที่พราวฝันด้วยสายตาแปลกประหลาด

ท่านวรงค์วุฒิเป็นใคร จะเอ่ยชื่อคู่หมั้นของลูกชายผิดเชียวหรือ แล้วหล่อนเอาความกล้าจากไหนตะโกนขัดแบบนั้น

“คนที่นอนกับคุณอัครภพคืนนั้นคือฉัน ถ้าเขาจะรับผิดชอบก็คือรับผิดชอบฉัน พชิราเธอโกหก เธอไปพูดอะไรถึงหลอกเขาได้ ท่านคะ คุณหญิง เธอโกหกค่ะ อย่าไปฟังเธอนะคะ”

พชิราแสร้งทำหน้างง แสดงเป็นหญิงสาวบอบบางผู้ถูกกล่าวหาอย่างใสซื่อ ดวงตาวาวหวานมองไปทางอัครภพอย่างขอคำตอบ สีหน้าท่าทางราวกับลูกแมวน้อยไม่ได้รับความเป็นธรรม พราวฝันที่ลาภลอยหายไปต่อหน้าต่อตา แถมยังมาโดนพชิรายั่วยุเล่นสงครามประสาท สติที่อุตส่าห์รวบรวมไว้พลันขาดผึ่ง หล่อนโมโหจนหน้าแดง

พอนึกได้ว่าไปรับปากคนนั้นคนนี้ไว้ วันใดได้เป็นสะใภ้ใหญ่ตระกูลธาดากีรติแล้วจะช่วยพวกเขาทำอะไรบ้าง งานสัญญางานโฆษณาก็รับมาหมดแล้ว ถ้าไม่ได้อัครภพทุกอย่างคงจบเห่

มีคนรอดูเรื่องสนุกรอบด้าน เกิดเสียงซุบซิบนินทา ต่างก็อยากรู้กันเต็มแก่ว่าต้นสายปลายเหตุเป็นมายังไง มีบางคนอยากให้พราวฝันแฉพชิราจนถูกยกเลิกการหมั้น แต่นายท่านใหญ่ของงานไม่มอบโอกาสให้พวกเขา ท่านวรงค์วุฒิโบกมืออย่างรำคาญทีเดียว ก็มีบอดี้การ์ดชุดดำสองคนมาเชิญแกมไล่พราวฝันออกไป ไม่นานงานเลี้ยงก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม

“งั้นเราก็เป็นคู่หมั้นกันแล้วนะคะ”

พชิรามองใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม กระเซ้าเย้าแหย่เขาต่อหน้าผู้คนอย่างไม่อาย

อัครภพหลุบตาต่ำมองเธอ ไม่พูดอะไรแต่รู้สึกเหมือนโดนเด็กสาวที่อ่อนกว่าตัวเองแปดปีท้าทาย เธอคิดว่าเธอเก่ง

แล้วจะได้รู้กัน เขามีสารพัดวิธีที่จะทำให้เธอกระเด็นออกไปจากชีวิตเขา

หลังงานเลี้ยงเลิกรา อัครภพถูกผู้เป็นแม่สั่งให้ไปส่งยัยเด็กตัวแสบกลับคอนโดฯ พอรถยนต์จอดสนิทใต้ตึกสูงระฟ้า พชิราก็เริ่มงัดกลเม็ดมารยาหญิงมาอ่อยเขา

“ใส่รองเท้าส้นสูงยืนตั้งหลายชั่วโมง ปวดขาไปหมดแล้วค่ะ”

อัครภพมองเอือมๆ “ลงไปได้แล้ว ตอนเดินออกจากงานก็เดินได้”

“พี่อัคไม่ขึ้นไปส่งหนูจริงๆ เหรอคะ วันนี้หนูเห็นพี่จิบแต่ไวน์ยังไม่ได้กินอะไรเลย หนูหาอะไรให้กินก่อนกลับดีไหม อืม หรือว่าพี่อยากให้หนูฟ้องพี่วิเรื่องคืนนั้น” เห็นว่าใช้วิธีนี้ขู่ชายหนุ่มได้ผลมาแล้วครั้งหนึ่ง พชิราก็ไม่กลัวหากว่าจะลองใช้อีก

แต่เธอคิดผิด เวลานี้ไม่ได้มีสายตามากมายจับจ้อง ไม่จำเป็นต้องรักษาหน้าให้พ่อแม่แล้ว เขาจึงหมดความอดทน

“ว้าย!”

เบาะนั่งหงายหลังฉับพลัน นิ้วมือเย็นเฉียบออกแรงบีบไปที่ปลายคางของพชิรา พร้อมกับร่างกายสูงใหญ่ของผู้ชายที่โน้มลงมากดเธอไว้

“ถ้าไม่อยากโดนหนักแบบคืนนั้นอีกก็ถอนหมั้นซะ เป็นเด็กว่าง่ายตอนที่พี่ยังใจดีด้วย ไม่งั้นอย่าหาว่าพี่ไม่เตือน”

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ