ตอนที่ 1 ผู้จัดการส่วนตัว

“สวัสดีค่ะ หนูชื่อใบแก้วนะคะ ที่สมัครตำแหน่งครีเอทีฟเอาไว้” หลังเดินทางมาถึงบริษัทที่เป็นสถานีโทรทัศน์เบอร์ต้น ๆ ของประเทศแล้ว ใบแก้วก็เดินมายังแผนกที่ระบุเอาไว้ตามอีเมล ก่อนจะแนะนำตัวกับพนักงานที่ล็อบบี้ด้วยท่าทางถ่อมตัวตามประสาเด็กจบใหม่

“อ๋อ พี่ยุทธเขาแจ้งไว้แล้ว ยังไงเดี๋ยวเราเดินเข้าไปนั่งรอพี่เขาที่ห้องแรกฝั่งซ้ายมือเลยนะคะ เพราะตอนนี้พี่เขายังไม่มาทำงาน”

“ได้ค่ะ” ใบแก้วยิ้มรับ จากนั้นหญิงสาวก็เอ่ยขอบคุณพนักงานคนนั้นแล้วค่อยผลักประตูเข้าไปข้างใน ตลอดการเดินหาห้องทำงานที่ว่า ใบแก้วก็ทวนคำพูดที่บอกตำแหน่งของห้องทำงานไปด้วย เธอพยายามเดินตามป้ายลูกศรที่แปะเอาไว้ตามผนัง จนกระทั่งมาถึงห้องทำงานของพี่ยงยุทธซึ่งเป็นว่าที่หัวหน้าของเธอ

“ห้องนี้แหละ ชัวร์” เมื่อมั่นใจแล้วว่าเข้าห้องไม่ผิดแน่ ใบแก้วก็รีบผลักประตูเข้าไปข้างในเพื่อนั่งรอว่าที่หัวหน้าของตัวเองด้วยอาการตื่นเต้น

พี่ยงยุทธเป็นรุ่นพี่ที่จบมาจากสถาบันเดียวกันกับเธอ อีกฝ่ายติดต่อเธอผ่านอาจารย์ที่คณะว่าอยากได้รุ่นน้องเข้ามาทำงานในบริษัทเดียวกันสักคนสองคนเพราะที่บริษัทนี้มีตำแหน่งว่างพอดี อาจารย์ที่ปรึกษาเห็นว่าใบแก้วพอไปวัดไปวาได้จึงแนะนำให้มาสมัครงานที่นี่

ในที่สุดเธอก็ได้เข้ามาเป็นพนักงานในบริษัทนี้จนได้

“อ้าว มาถึงแล้วเหรอ” หลังจากนั่งคิดอะไรเพลิน ๆ ไปได้ไม่นาน เสียงของคนที่เปิดประตูเข้ามาใหม่ก็ทำให้ใบแก้วหลุดจากภวังค์ เธอรีบหันกลับไปมองเจ้าของเสียงด้วยท่าทางยิ้มแย้ม เมื่อเห็นว่าพี่ยงยุทธมาทำงานแล้ว

“สวัสดีค่ะ” พูดจบ ใบแก้วก็ยกมือไหว้ไปหนึ่งหน

“สวัสดีครับ” อีกฝ่ายผงกหัวเป็นเชิงรับไหว้กลับมา จากนั้นเจ้าตัวก็เดินอ้อมมาทางด้านหลังใบแก้ว เพื่อมานั่งตรงเก้าอี้ทำงานพร้อมพูดบางอย่างกับหญิงสาวด้วยท่าทีลำบากใจ “เรามาถึงที่นี่เร็วก็ดีแล้วล่ะ เพราะพี่มีเรื่องบางอย่างที่อยากคุยกับเราพอดี”

“อะไรเหรอคะ” ใบแก้วถามกลับไปด้วยท่าทางเป็นกังวล ในหัวของเธอนึกไปถึงเรื่องที่ตัวเองอาจจะต้องเสียงานนี้ไป เนื่องจากเธอยังไม่ได้เซ็นสัญญาว่าจ้างกับบริษัทนี้

“ช่วงสองสามเดือนหลังจากนี้ แก้วจะไม่ได้ทำงานในตำแหน่ง ครีเอทีฟแล้วนะ เพราะมันมีอีกตำแหน่งหนึ่งที่ต้องการคนมากกว่า”

“แล้ว...ตำแหน่งอะไรเหรอคะ?” ใบแก้วถามต่อ แม้จะตกใจอยู่บ้าง แต่หญิงสาวก็รู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมากในเวลาเดียวกัน เพราะตอนแรกเธอคิดว่าตัวเองจะไม่ได้ทำงานในองค์กรใหญ่เสียแล้ว

“ตำแหน่งผู้จัดการส่วนตัวน่ะ พี่กับคนในทีมคุยกันว่าอยากให้แก้วไปเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้คุณกวี ดาราในช่องเราไปก่อน ไว้รอให้ฝ่ายบุคคลหาคนมาทำงานตำแหน่งนี้ได้แล้ว เราค่อยกลับมาประจำตำแหน่งครีเอทีฟตามที่คุยกันเอาไว้ ว่าแต่แก้วพอจะเคยได้ยินชื่อของเขาบ้างไหม?” คำถามของพี่ยงยุทธ ทำเอาใบแก้วต้องนั่งนึกอยู่พักหนึ่ง เนื่องจากเธอไม่รู้ว่าใช่คุณกวีคนเดียวกันกับที่เธอรู้จักไหม

“ใช่คุณกวี พิศาลไกรสินธุ์ไหมคะ?” ใบแก้วลองถามกลับไป

“ใช่เลย! คนนั้นแหละ”

“...”

“ไม่อยากจะนินทาดาราในช่องหรอกนะ แต่คุณกวีเขาเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อยมากจนฝ่ายบุคคลหาคนมาสำรองไว้ไม่ทันแล้วน่ะ แถมช่วงนี้มันเป็นช่วงต่อสัญญาระหว่างนักแสดงกับต้นสังกัดด้วย ทางเราเลยต้องพยายามตามใจคุณกวีให้ได้มากที่สุดเพื่อให้เขายอมต่อสัญญาด้วย เพราะเขาเป็นตัวทำเงินให้กับช่องของเราเลย” อีกฝ่ายร่ายยาวด้วยท่าทางลำบากใจ ในขณะที่ใบแก้วก็ได้แต่นิ่งเพื่อฟังเท่านั้น

“ตกลงเราคิดว่ายังไง? แก้วโอเคที่จะต้องมาทำงานในตำแหน่งนี้ก่อนสักสองสามเดือนไหม ไว้รอฝ่ายบุคคลหาคนมาทำงานตำแหน่งนี้ได้แล้ว เราค่อยกลับมาทำครีเอทีฟเหมือนเดิม ซึ่งเวลาสองสามเดือนที่ว่านี้มันก็อาจเร็วกว่านี้หรือช้ากว่านี้ก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าจะมีคนมาสมัครตำแหน่งนี้เมื่อไหร่”

“อ—เอ่อ”

“ส่วนเรื่องเงินเดือน...ตำแหน่งผู้จัดการส่วนตัวนี่เงินเดือนสูงมากเลยนะ สูงกว่าครีเอทีฟตั้งเท่าหนึ่งแน่ะ” คำพูดของอีกฝ่าย ทำเอาใบแก้วที่กำลังนั่งลังเลอยากจะปฏิเสธงานนี้ถึงกับตาลุกวาว

“แล้วตำแหน่งผู้จัดการส่วนตัวที่ว่านี้ มันต้องทำอะไรบ้างเหรอคะ พอดีแก้วไม่เคยศึกษาอาชีพนี้มาก่อนเลย” ใบแก้วลองหยั่งเชิงถามกลับไป เธอเริ่มอยากทำงานนี้มากขึ้นเนื่องจากเห็นว่ารายได้ดี

“หลัก ๆ เลยนะ คือเราจะต้องจัดคิวให้ดาราที่อยู่ในความดูแลของเรา ซึ่งก็อาจมีบ้างที่จะต้องฟังบรีฟจากทีมงานว่าเขาต้องการอะไรแล้วค่อยมาสรุปให้ดาราในความดูแลฟังอีกที มันเป็นงานง่าย ๆ เองแก้ว แถมมันยังทำให้เราได้เจอคนในวงการบันเทิงเยอะด้วยนะ” พี่ยงยุทธพยายามโน้มน้าวอย่างสุดกำลัง เมื่ออีกฝ่ายเห็นว่าใบแก้วมีท่าทีสนใจในงานนี้

“งานง่าย ๆ จริงเหรอคะ” ใบแก้วถามย้ำอีกครั้ง เพราะถ้างานนี้มันง่ายและได้เงินดีอย่างที่พูดจริง ก็น่าจะมีคนอยากมาทำงานในตำแหน่งนี้มากจนไม่มีช่วงให้ตำแหน่งว่างไม่ใช่เหรอ

“ง่ายจริง ๆ แต่ว่า...”

“แต่ว่าอะไรเหรอคะ?” ใบแก้วถามขึ้น เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเงียบไปคล้ายกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง

“คนที่เราจะต้องทำงานด้วย เขาค่อนข้างเป็นคนเอาแต่ใจน่ะ แต่ถ้าเรายอมหลับหูหลับตาทำตามใจเขาได้และท่องไว้เสมอว่าเพื่อเงิน รับรองสบายเลย”

“...”

“ถือว่าช่วย ๆ กันหน่อยนะใบแก้ว เพราะช่องเราต้องการให้คุณกวีต่อสัญญาจริง ๆ” เพราะเห็นว่าใบแก้วกำลังคิดหนัก อีกฝ่ายจึงรีบพูดต่อด้วยน้ำเสียงเว้าวอน

“ถ้าอย่างนั้น... แก้วขอถามได้ไหมว่าตำแหน่งนี้ได้เงินเดือนเท่าไรเหรอคะ”

“เริ่มต้นสองหมื่นห้า”

“ร—เริ่มต้นสองหมื่นห้าเลยเหรอคะ” ใบแก้วถามทั้งตาลุกวาว เนื่องจากเงินเดือนนี้ค่อนข้างสูงมากสำหรับเด็กจบใหม่ที่ไม่มีทักษะเฉพาะด้านอย่างเธอ

“ใช่ นี่แค่เงินเดือนเริ่มต้นเท่านั้นนะ ยังไม่รวมอะไร ๆ ที่จะบวกเพิ่มให้อีกในช่วงปลายเดือน รวม ๆ แล้วอาจจะได้ถึงสามหมื่นเลยก็ได้” พี่ยงยุทธยังคงพยายามซื้อใจกันอย่างสุดกำลัง ทั้งที่อีกฝ่ายซื้อใจใบแก้วได้ตั้งแต่ที่บอกเงินเดือนเริ่มต้นแล้ว

“...”

“ตกลงเราจะเอายังไง อยากทำไหม?”

“ได้ค่ะ แก้วจะทำ” เพราะเห็นว่านี่เป็นโอกาสทองประกอบกับที่เธอต้องทำตำแหน่งนี้แค่สองสามเดือนเท่านั้น ใบแก้วจึงตัดสินใจตอบรับกลับไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่น โดยมีเงินเป็นแรงจูงใจหลักของเธอ

“ดีมาก! งั้นเริ่มงานตอนนี้เลย วันนี้คุณกวีเขามีถ่ายงานตอนสิบเอ็ดโมงเช้า แก้วไปหาเขาที่คอนโดเลยนะ พี่จะส่งพิกัดสถานที่ถ่ายงานให้ในแช็ต”

“ตอนนี้เลยเหรอคะ” ใบแก้วถามย้ำอีกครั้ง เพราะทุกอย่างมันดูกะทันหันไปเสียหมดจนเธอตามไม่ทันแล้ว

“ใช่ ตอนนี้แหละ ส่วนอันนี้เป็นคีย์การ์ดขึ้นคอนโด คอนโดเขาอยู่ใกล้ ๆ นี่เอง โบกแท็กซี่ไปได้เลย” พูดจบ อีกฝ่ายก็ยื่นคีย์การ์ดมาให้ใบแก้วทันที เหมือนเจ้าตัวรู้อยู่แล้วว่าเธอจะตอบรับข้อเสนอนี้

ทุกอย่างมันรวดเร็วไปหมด จนใบแก้วต้องถามตัวเองซ้ำ ๆ ว่าเธอมาทำอะไรที่นี่กันแน่

“คอนโดนี้เหรอคะ” ใบแก้วเอ่ยถามคนขับด้วยสีหน้างุนงง เมื่อ รถแท็กซี่้มาจอดที่หน้าคอนโดหรูใจกลางเมืองซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานีโทรทัศน์

“ใช่แล้วน้อง คอนโดนี้แหละ” คนขับรถพยักหน้ายืนยันกลับมาก่อนที่อีกฝ่ายจะทวงค่ารถที่ใบแก้วยังไม่ได้จ่าย “ค่าโดยสารสี่สิบแปดบาทครับ”

“อ้อ! นี่ค่ะ” พอนึกได้ว่าตัวเองยังไม่ได้ให้เงินจริง ๆ ใบแก้วก็รีบควักเงินให้เลยทันที หลังจากนั้นอีกฝ่ายก็รีบขับรถออกไปทันที เหมือนต้องการไปรับผู้โดยสารคนอื่นต่อ ทิ้งให้ใบแก้วได้แต่ยืนกะพริบตาปริบ ๆ อยู่ที่หน้าคอนโด

“ให้ตายเถอะ...” หญิงสาวพูดกับตัวเองเสียงแผ่ว ใจจริงเธออยากหนีกลับไปตั้งหลักที่ห้องพักก่อนด้วยซ้ำ แต่เพราะอยากทำงานกับสถานีใหญ่ เธอจึงต้องจำใจทำหน้าที่ของตัวเอง ทั้งที่มันไม่ใช่ตำแหน่งที่เธอต้องการเลยสักนิด

“ตึกนี้สินะ” ใบแก้วพูดพร้อมมองกระดาษที่พี่ยงยุทธเขียนมาให้ ในกระดาษระบุชื่อตึก ชั้นที่พัก รวมไปถึงหมายเลขห้องของคุณกวีด้วย

“รีบ ๆ ขึ้นไปหาเขาเถอะใบแก้ว ขืนชักช้ากว่านี้ วันนี้คงไปถ่ายงานสายแน่” ขณะที่กำลังเดินไปยังตึกที่คุณกวีพักอยู่ คำพูดของพี่ยงยุทธก็ผุดขึ้นมาในความคิดพอดี ใบแก้วจึงต้องรีบเร่งฝีเท้าวิ่งไปแตะคีย์การ์ดเพื่อขึ้นไปตามคุณกวีให้ไปทำงาน

ระหว่างที่รอให้ลิฟต์พาตัวเธอขึ้นไปยังชั้นที่คุณกวีพักอยู่ ในหัวของใบแก้วก็นึกบ่นคุณกวีไปด้วย เพราะดูแล้วอีกฝ่ายคงเป็นคนไร้ความรับผิดชอบน่าดู ถึงต้องคอยให้ผู้จัดการมาลากให้ไปทำงานเช่นนี้

“ห้อง 804...” ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก ใบแก้วก็รีบก้าวออกมาพร้อมคลี่กระดาษแผ่นเล็กขึ้นมาดูอีกครั้ง ก่อนที่เธอจะหันมองซ้ายขวา เพื่อหาหมายเลขที่ระบุไว้ในกระดาษแผ่นนั้น หญิงสาวเดินหาห้องที่ว่าร่วมนาทีก่อนที่เธอจะมาหยุดยืนอยู่หน้าห้อง 804

“ห้องนี้แหละ” ใบแก้วเอ่ยขึ้นก่อนจะกดกริ่งที่หน้าห้องอย่างไม่รีรอ อันที่จริงพี่ยงยุทธให้รหัสห้องมาด้วย เผื่อว่าคุณกวีอาจจะไม่ได้ยินเสียงกริ่ง แต่เพราะใบแก้วเกรงว่าหากเธอใส่รหัสเข้าไปเลย จะเป็นการเสียมารยาทมากเกินไป เธอจึงเลือกที่จะลองกดกริ่งเสียก่อน หากไม่มีวี่แววว่าคุณกวีจะเดินออกมาเปิดประตูให้กันจริง ๆ เธอถึงจะกดรหัสเข้าไปเอง

“นี่เขายังไม่ตื่นจริง ๆ เหรอ หรือว่าไม่ได้ยินเสียงกริ่ง” ใบแก้วพูดขึ้นหลังจากยืนกอดอกรออยู่หน้าห้องนานหลายนาที แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าอีกคนจะเปิดประตูออกมาต้อนรับกันเสียที เธอจึงตัดสินใจกดรหัสห้องเพื่อเข้าไปข้างใน เพราะไม่มีเวลาแล้ว

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ