ตอนที่ 3 อิจฉา

นี่สินะ... การทำงานแบบมืออาชีพ ใบแก้วคิดในใจ หลังทั้งคู่ได้เดินทางมาถึงสตูดิโอถ่ายแบบและได้เห็นว่าคุณกวีเป็นมิตรกับทีมงานในกองถ่ายมาก ราวกับอีกฝ่ายไม่ใช่คนเดียวกันกับที่เธอเจอที่คอนโดเมื่อกี้

“ถ้ามีละครเรื่องไหนติดต่อจ้างให้คุณเขาไปเล่นบทฝาแฝด คงจะตีบทแตกน่าดู” ใบแก้วพูดกับตัวเอง พลางเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปหาพระเอกหนุ่ม หลังเธอเดินไปขอน้ำเปล่าจากทีมงาน

“คุณกวีคะ น้ำค่ะ” หญิงสาวเรียกพร้อมยื่นขวดน้ำให้อีกฝ่าย แถมยังทำหน้าซื่อเหมือนกับเมื่อครู่นี้เธอไม่ได้นินทาพระเอกหนุ่มเลยแม้แต่นิด

“เธอมาทำงานวันนี้เป็นวันแรก รู้หรือเปล่าว่าต้องทำอะไรบ้าง” เมื่อคุณกวีดื่มน้ำจนพอใจแล้ว อีกฝ่ายถึงค่อยถามใบแก้ว

“ก็พอรู้บ้างคร่าว ๆ ค่ะ”

“...”

“แก้วต้องคอยดูตารางงาน ฟังบรีฟจากทีมงาน แล้วก็คอยดูแลคุณกวี เผื่อว่าคุณกวีต้องการอะไรระหว่างการทำงาน” ใบแก้วร่ายหน้าที่ของตัวเองตามที่เธอเข้าใจให้คุณกวีฟัง พระเอกหนุ่มพยักหน้ากลับมาเชิงบอกว่าเธอเข้าใจถูกแล้ว แต่ก็ยังไม่วายเพิ่มเติมหน้าที่ให้ใบแก้วอยู่ดี

“นอกจากเธอต้องทำหน้าที่ตามที่พูดมาแล้ว เธอยังต้องคอยตามใจฉันด้วย”

“ถ้ามันเกี่ยวกับงาน แก้วก็พร้อมจะตามใจคุณกวีอยู่แล้วค่ะ” ใบแก้วตอบกลับไป

“ไม่ ต่อให้มันไม่เกี่ยวกับงานเธอก็ต้องตามใจฉัน” อีกฝ่ายแก้คำพูดให้ใหม่ จนใบแก้วต้องขมวดคิ้วเป็นปมอีกครั้ง

“ทำไมล่ะคะ แก้วเป็นพนักงานของช่องนะคะ คุณกวีไม่ได้ให้เงินเดือนแก้วสักหน่อย”

“ฉันคิดไว้อยู่แล้วเชียวว่าเธอต้องพูดแบบนี้”

“...”

“คนที่ยัดเยียดให้เธอมาทำงานนี้ เขาไม่ได้บอกเหรอว่าค่าคอมมิชชั่นที่เธอจะได้เพิ่มเติมในแต่ละเดือนมันมาจากฉันทั้งนั้น” คุณกวี

พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“โอเคค่ะ แก้วเข้าใจแล้วค่ะ” เพราะดูจากท่าทีของพระเอกหนุ่มแล้ว อีกฝ่ายคงต้องการให้ใบแก้วตามใจกันให้ได้ เธอจึงเลือกที่จะยอมอีกฝ่ายอย่างง่ายดาย เพื่อให้เรื่องทุกอย่างจบ แต่ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะได้พูดคุยกันต่อ หนึ่งในทีมงานของกองถ่ายก็เดินเข้ามาทักทายทั้งคู่เสียก่อน

“สวัสดีค่ะคุณกวี นี่...เป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่เหรอคะ?”

“ใช่ครับ” คุณกวีพยักหน้ารับ พร้อมกับที่ใบแก้วยกมือไหว้ทีมงานที่เดินเข้ามาทักทายโดยที่พระเอกหนุ่มไม่ต้องบอก

“สวัสดีค่ะ ชื่อแก้วนะคะ” หญิงสาวแนะนำตัวเองกับทีมงานเสร็จสรรพ

“สวัสดีค่ะ พี่ชื่อภัคนะคะ” เธอทักทายกลับมาด้วยท่าทางเป็นมิตร ก่อนจะหันกลับไปคุยกับคุณกวีต่อ ดูจากท่าทางของพี่ภัคแล้ว อีกฝ่ายน่าจะเคยร่วมงานและมีความสนิทสนมกับคุณกวีอยู่พอสมควร

ใบแก้วเคยเห็นการทำงานในกองถ่ายมาบ้างตอนที่อาจารย์ส่งตัวไปศึกษางาน ถึงจะเคยเห็นบรรยากาศเหล่านี้มาแล้ว แต่พอได้มาอยู่ในกองถ่ายจริง ๆ แม้จะเป็นการถ่ายแบบนิตยสารแฟชั่น ไม่ใช่การถ่ายละคร ใบแก้วก็ยังรู้สึกตื่นเต้นอยู่ดี ยิ่งวันนี้คุณกวีต้องถ่ายแบบกับ คุณริษาที่กำลังจะมีผลงานร่วมกันด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้ใบแก้วรู้สึกตื่นเต้น

เข้าไปใหญ่

“ตัวจริงสวยกว่าในทีวีอีก” ขณะที่หญิงสาวยืนอยู่หลังกล้อง เพื่อมองดูการถ่ายแบบของดาราเบอร์ต้นอย่างตั้งใจอยู่นั้น ใบแก้วก็พูดกับตัวเองไปด้วย คุณริษาที่กำลังยืนโพสท่าแบบมืออาชีพอยู่ข้างคุณกวีนั้นสวยมากจนเธอไม่สามารถละสายตาไปไหนได้เลย

ยิ่งตอนนี้ชายหญิงหน้าตาดีสองคนยืนอยู่ข้างกัน ก็ยิ่งทำให้ทั้งคู่ดูโดดเด่นมากขึ้นแบบไม่มีใครยอมใคร ทำเอาใบแก้วอดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากสองคนนี้แต่งงานกันจริง ๆ ลูกของทั้งคู่คงได้หน้าตาพ่อกับแม่มาอย่างไม่ต้องสงสัย

“เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ ขอบคุณมากสำหรับวันนี้” เมื่อการถ่ายแบบเซ็ตสุดท้ายสิ้นสุดลง เสียงของช่างภาพก็ดังขึ้น ใบแก้วที่ได้ยินดังนั้นรีบเดินเข้าไปหาคุณกวีทันที เนื่องจากเธอต้องคอยปรนนิบัติอีกฝ่ายเหมือนเป็นเจ้านายตัวเอง

“หิวน้ำ” คุณกวีบอกใบแก้วเพียงสั้น ๆ

“นี่ค่ะ น้ำ” ใบแก้วเอ่ยขึ้นพร้อมยื่นขวดน้ำเปล่าที่เปิดฝาใส่หลอดไว้เรียบร้อยส่งให้คุณกวี เท่าที่เธอสังเกตพฤติกรรมของพระเอกหนุ่มตลอดทั้งวันมานี้ ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่ดื่มน้ำเยอะอยู่พอสมควร

“แฟนเหรอคะ? ทำไมหนูไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย” คุณริษาที่ยังอยู่หน้าฉากเอ่ยถามคุณกวีด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนที่เธอจะผงกศีรษะ

เล็กน้อยเป็นเชิงทักทายใบแก้ว

“เปล่า เธอเป็นผู้จัดการส่วนตัวของพี่น่ะ” คุณกวีบอกกลับไป

“ผู้จัดการส่วนตัวของพี่นี่หน้าตาเหมือนตุ๊กตาบลายธ์เลยแฮะ ทำไมพี่ถึงไม่แนะนำให้เธอไปเป็นดาราบ้างล่ะคะ ให้เธอมาคอยรับใช้พี่ทำไม” พูดจบ คุณริษาก็กลั้วหัวเราะเบา ๆ คล้ายต้องการแหย่คุณกวีเล่น ก่อนที่ผู้จัดการส่วนตัวของคุณริษาจะเดินเข้ามาแล้วพากันเดินออกจากหน้าฉากไป ทิ้งให้ใบแก้วได้แต่มองตามแผ่นหลังเล็กราวกับต้องมนตร์สะกด

“จะมองตามเขาทำไม” ทันใดนั้นเสียงคุณกวีก็ดังขึ้น จนทำให้ใบแก้วหลุดออกจากภวังค์

“ก็เธอสวยนี่คะ”

“แต่ตอนนี้เธอกำลังทำงานนะ ไม่ใช่มาตามดารา”

“...”

“ตามฉันมาได้แล้ว เราจะได้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกลับกันสักที” พูดจบ คุณกวีก็เป็นฝ่ายเดินนำใบแก้วออกไปจากหน้าฉากก่อน ทิ้งให้หญิงสาวแอบทำหน้าทำตาตามหลังอีกฝ่าย เพราะเบื่อหน่ายในความขี้จุกจิกของพระเอกหนุ่มเหลือเกิน

แต่ก็เอาเถอะ...เธอต้องทำงานกับคุณกวีแค่สองสามเดือนเอง เพราะงั้นอดทนได้สบาย ๆ อยู่แล้ว

หลังใบแก้วเดินตามคุณกวีเข้ามาในห้องแต่งตัวแล้ว หน้าที่ต่อไปที่เธอจะต้องทำก็คือการช่วยคุณกวีเปลี่ยนเสื้อผ้า ซึ่งหญิงสาวก็เพิ่งรู้จากพระเอกหนุ่มนี่แหละว่าเธอต้องทำหน้าที่นี้ด้วย

“เหนื่อยชะมัด” ขณะที่ใบแก้วกำลังปลดกระดุมเสื้อให้คุณกวี เสียงบ่นของพระเอกหนุ่มก็ดังขึ้นเบา ๆ อีกฝ่ายมักจะแสดงท่าทีเหนื่อยล้าให้ใบแก้วเห็นคนเดียวเท่านั้น แต่พออยู่ต่อหน้าทีมงาน พระเอกหนุ่มก็มักจะทำตัวกระปรี้กระเปร่าเหมือนไม่มีความเหนื่อยล้าเลยสักนิด

“พรุ่งนี้ฉันจะเข้าไปที่ช่องนะ ถ้าจำไม่ผิด... ตอนบ่ายฉันมีไปงานอีเวนต์ใช่ไหม”

“ใช่แล้วค่ะ พรุ่งนี้คุณกวีมีงานอิีเวนต์ที่สยาม” ใบแก้วตอบกลับไปทันที เพราะเธอเพิ่งเปิดดูตารางงานที่พี่ยงยุทธส่งมาให้ ก่อนที่ช่างภาพจะประกาศว่าการถ่ายแบบเสร็จสิ้นเมื่อไม่นานนี่เอง

“ถ้างั้นพรุ่งนี้เธอไม่ต้องมาหาฉันที่คอนโดนะ เจอกันที่ช่องเลย”

“ได้ค่ะ” ใบแก้วพยักหน้ารับ พร้อมกับที่หญิงสาวปลดกระดุมเสื้อให้คุณกวีเสร็จพอดี

หลังทำหน้าที่ที่คุณกวีสั่งเรียบร้อยแล้ว พระเอกหนุ่มก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำ เพื่อจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าท่อนล่างของตัวเองออก ระหว่างนั้นใบแก้วก็นั่งรอคุณกวีอยู่ในห้องแต่งตัวไปพลาง ๆ พร้อมนึกไป

ด้วยว่าถ้าเธอขอให้พระเอกหนุ่มช่วยอะไรสักอย่าง คุณกวีจะยอมตามใจกันหรือเปล่า

เพราะใบแก้วอยากถ่ายรูปกับคุณริษาไปอวดเพื่อนตัวเอง

“เราไปลาคุณภัคแล้วกลับกันเถอะ” คุณกวีพูดกับใบแก้วทันที หลังเจ้าตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมที่จะเดินทางกลับคอนโดของตัวเองแล้ว

ตลอดทางใบแก้วเดินตามหลังคุณกวีไปโดยไม่พูดอะไรอีก ในหัวของใบแก้วเอาแต่พะวงเรื่องที่เธออยากถ่ายรูปกับคุณริษา จนทำให้คุณกวีที่เดินนำไปก่อนถึงกับต้องหันมาถาม เนื่องจากเห็นท่าทีเหม่อลอยของหญิงสาว

“เป็นอะไรหรือเปล่า?” อีกฝ่ายถามขึ้น

“เปล่าค่ะ ไม่ได้เป็นอะไร” ใบแก้วส่ายหน้าปฏิเสธ เธอยังไม่กล้าพูดความต้องการที่อยู่ในใจออกไป แม้ว่าตอนนี้คุณกวีจะเปิดโอกาสให้หญิงสาวได้พูดสิ่งที่อยู่ในใจแล้วก็ตาม

“ตามใจแล้วกัน”

“...”

“ถือว่าฉันถามเธอแล้วนะ แต่เธอไม่บอกเอง” พูดจบ อีกฝ่ายก

เดินนำไปหาคุณภัคเพื่อบอกลาเธอก่อนกลับตามมารยาท ทว่าเวลาเดียวกันคุณริษาพร้อมด้วยผู้จัดการส่วนตัวของเธอก็กำลังยืนพูดกับคุณภัคพอดี นั่นจึงทำให้อาการพะวงที่ใบแก้วมีในตอนแรกหายไป และเอาแต่จ้องมองนางเอกสาวราวกับต้องมนตร์แทน

“เจอกันอีกแล้วนะคะ” คุณริษาเอ่ยทักคุณกวี

“ทำงานด้วยกันก็ต้องเจอกันสิ” คุณกวีตอบ ก่อนจะหันไปคุยกับคุณภัคเพื่อบอกลาอีกฝ่ายตามความตั้งใจ

“เราชื่ออะไรเหรอคะ เมื่อกี้ก็ลืมถามเลย”

“ช—ชื่อแก้วค่ะ คุณริษา” ใบแก้วตอบนางเอกสาวเสียงสั่น รู้สึกตกใจมากที่คุณริษาหันมาพูดคุยกับเธอ ระหว่างนั้นคุณกวีเองก็ยืนพูดคุยกับคุณภัคอยู่ใกล้ ๆ กัน

“ริษา” คุณกวีหันมาเรียกอีกฝ่ายทันที เมื่อเห็นว่านางเอกสาวหันมาคุยกับใบแก้ว

“พี่กวีจะเรียกชื่อทำไมล่ะคะ ลืมชื่อหนูกะทันหันหรือไง” คุณริษาหันไปถามพระเอกหนุ่ม ในขณะที่ใบแก้วก็แอบระบายยิ้มออกมาจาง ๆ เพราะไม่นึกว่าจะมีคนกล้าต่อปากต่อคำกับพระเอกหนุ่ม

“เธอยิ้มทำไม” คราวนี้คุณกวีหันมาถามใบแก้วแทน

“เปล่านะคะ แก้วไม่ได้ยิ้ม” หญิงสาวรีบปฏิเสธกลับไปทั้งหน้าซื่อ ทำเอาคุณกวีได้แต่ขมวดคิ้วเป็นปม คล้ายเจ้าตัวต้องการพูดอะไรบางอย่างกับใบแก้ว แต่เพราะตรงนี้มีหลายคนยืนอยู่ พระเอกหนุ่มจึงไม่

กล้าพูดอะไรออกมา นอกจากทำหน้าไม่พอใจ

“นี่แก้วมาทำงานกับพี่กวีได้กี่วันแล้ว” คุณริษาถามใบแก้วต่อ

“แก้วเพิ่งมาทำงานกับคุณกวีวันนี้เป็นวันแรกค่ะ” ใบแก้วตอบกลับไป ตอนนี้เธอ็สามารถควบคุมเสียงของตัวเองไม่ให้สั่นยามที่คุยกับนางเอกสาวได้แล้ว

“โห เพิ่งมาทำงานวันแรกเอง งั้นสู้ ๆ นะแก้ว ทำงานกับพี่กวีคงเหนื่อยน่าดูเลยเนอะ...พี่เข้าใจจ้ะ” คำพูดของคุณริษา ทำเอาใบแก้วหลุดขำออกมาอย่างห้ามไม่ได้

“คุณริษาคะ”

“ว่าไงจ๊ะ?”

“ถ้าแก้วอยากถ่ายรูปกับคุณริษา ไม่ทราบว่าคุณริษาจะว่าอะไรไหมคะ?” พอนึกได้ว่าตัวเองมีความปรารถนาหนึ่งที่ยังไม่ได้ทำ ใบแก้วจึงรีบพูดทันที ระหว่างที่เอ่ยขอออกไปใบแก้วก็เตรียมใจไว้แล้วว่าเธออาจถูกนางเอกสาวปฏิเสธได้

“ด้วยความยินดีเลยจ้ะ” คุณริษาตอบกลับมาโดยไม่เสียเวลาคิด ก่อนจะจัดแจงให้คุณกวีที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุดมาถ่ายรูปให้เธอกับใบแก้ว

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ