แม้วันแรกของการทำงานเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้กับพระเอกหนุ่ม ใบแก้วจะยังไม่มีโอกาสได้เตรียมตัวมากนัก เพราะทุกอย่างดูกะทันหันไปเสียหมด แต่พอรู้ว่าจะต้องมารับหน้าที่ดูแลคุณกวีชั่วคราวและมีเวลากลับมาตั้งหลักที่ห้องของตัวเอง เช้าวันต่อมาใบแก้วจึงเตรียมตัวมาอย่างดีในฐานะผู้จัดการส่วนตัวจำเป็นชั่วคราว
“สู้ ๆ นะใบแก้ว” ใบแก้วพูดเบา ๆ กับตัวเองที่หน้ากระจกเพื่อเรียกกำลังใจ ก่อนจะออกจากห้องเพิ่มเดินทางไปยังสถานีโทรทัศน์ตามคำสั่งของพี่ยงยุทธ
จริงอยู่ที่วันนี้ใบแก้วเตรียมตัวมาดีมากกว่าเมื่อวาน แต่ลึก ๆ แล้วเธอก็ยังรู้สึกหวั่นใจอยู่ไม่น้อย เนื่องจากไม่รู้เลยว่าการทำงานของเธอในวันนี้จะมีอุปสรรคอะไรบ้าง คุณกวีจะอารมณ์ดีหรือเปล่า ใบแก้ว
ไม่สามารถเดาได้จริง ๆ
“พอนึกถึงก็โทรมาเลยแฮะ” หญิงสาวพูดกับตัวเองอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเบอร์ที่โทรเข้ามาตั้งแต่เช้าคือพี่ยงยุทธหัวหน้าของเธอนั่นเอง
“ว่าไงคะพี่ยุทธ” หลังกดรับสายแล้ว ใบแก้วก็เป็นฝ่ายเอ่ยทักปลายสายก่อน
[แก้ว...ตอนนี้แก้วอยู่ไหนแล้วอะ ออกมาหรือยัง?] พี่ยงยุทธรีบเข้าประเด็นทันที
“แก้วกำลังเดินไปเรียกวินที่หน้าปากซอยค่ะ พี่ยุทธมีอะไรหรือเปล่าคะ”
[อ๋อ ถ้าอย่างนั้นเรารีบมาเลยนะ เพราะเดี๋ยวพี่ต้องออกไปคุยงานกับลูกค้าคงไม่ได้กลับเข้ามาที่บริษัทแล้ว]
“ได้เลยค่ะ” เมื่อได้ยินปลายสายบอกมาอย่างนั้น ใบแก้วก็รับปากพร้อมโบกมือเรียกวินมอเตอร์ไซค์ให้ขับไปส่งที่สถานีโทรทัศน์ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากที่พักของเธอ
“เมื่อวานไปทำงานกับคุณกวีเป็นยังไงบ้าง เขาเอาแต่ใจกับแก้วหรือเปล่า”
“ก็พอสมควรนะคะพี่ยุทธ แต่แก้วว่าเขาออกแนวขี้บ่นมากกว่า” เมื่อเดินทางมาถึงที่ทำงานแล้ว ใบแก้วก็รีบปรี่เข้าไปหาพี่ยงยุทธที่ห้องทำงานทันที ทว่าประโยคแรกที่อีกฝ่ายพูดขึ้น็ไม่ใช่คำทักทายเธอแต่อย่างใด กลับเป็นการถามไถ่การทำงานระหว่างเธอกับคุณกวีแทน
“ใช่ นั่นแหละเขาเลย” พี่ยงยุทธตอบกลับมาเหมือนเข้าอกเข้าใจเธอเป็นอย่างดี
“ว่าแต่วันนี้ พี่ยุทธเรียกแก้วมาทำไมเหรอคะ”
“อ๋อ พี่เรียกเราเพื่อจะมาถามเรื่องนี้นี่แหละ พี่เป็นห่วงกลัวว่าเมื่อวานจะเกิดเรื่องอะไร” อีกฝ่ายตอบพร้อมกับหยิบเอาของบางอย่างออกมาจากลิ้นชัก ก่อนจะส่งให้ใบแก้วที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน
“นี่เป็นบัตรพนักงานชั่วคราวนะ ไว้ได้ตำแหน่งที่แน่นอนแล้ว ฝ่ายบุคคลเขาจะเรียกให้ไปทำบัตรใหม่อีกที แก้วถือติดตัวไว้ก็แล้วกัน เวลาเข้ามาที่สถานี เราจะได้ไม่ต้องมาคอยแลกบัตรแบบวันนี้”
“ขอบคุณมากค่ะ” เมื่อพี่ยงยุทธอธิบายทุกอย่างครบถ้วนจนใบแก้วหมดข้อสงสัยแล้ว หญิงสาวจึงเอ่ยขอบคุณอีกฝ่าย ก่อนจะหยิบบัตรพนักงานชั่วคราวขึ้นมาดูแล้วค่อยเก็บใส่กระเป๋าตัวเอง
“ถ้าจำไม่ผิด วันนี้คุณกวีเขามีออกงานอิีเวนต์ใช่ไหม” พี่ยงยุทธถามต่อ
“ใช่ค่ะ แต่เขาบอกว่าให้มาเจอกันที่นี่เลย เพราะยังไงช่วงสายของวันนี้เขาต้องแวะมาที่ช่องอยู่แล้ว” ใบแก้วพยักหน้ากลับไป
“แล้วเขาเข้ามาทำอะไรที่ช่องนะ เขาได้บอกแก้วหรือเปล่า”
“ไม่นะคะ เขาไม่ได้บอกอะไร”
“เหรอ งั้นไม่เป็นไร” พี่ยงยุทธไม่ได้พูดอะไรอีกทว่าสีหน้าของอีกฝ่ายแสดงออกชัดเจนว่าเจ้าตัวคาใจที่คุณกวีเข้ามาวันนี้ ในขณะที่ใบแก้วไม่ได้รู้สึกอะไรเลย เนื่องจากเธอเพิ่งเข้ามาอยู่ที่นี่ได้ไม่ถึงสามวันด้วยซ้ำ
ณ ร้านกาแฟชั้นล่างของสถานีโทรทัศน์
“คุณกวีจะกินเฉพาะอเมริกาโน่เท่านั้น เขาไม่กินกาแฟใส่นมเด็ดขาด” หลังใบแก้วแยกย้ายกับพี่ยงยุทธ เนื่องจากอีกฝ่ายต้องออกไปพบลูกค้า หญิงสาวก็พาตัวเองมานั่งรอคุณกวีที่ร้านกาแฟซึ่งตั้งอยู่ชั้นล่างของสถานี
ระหว่างนั้นใบแก้วก็พยายามอ่านข้อมูลส่วนตัวของพระเอกหนุ่มเท่าที่สามารถหาอ่านได้ทั่วไปตามอินเทอร์เน็ต เพื่อที่เธอจะได้รู้ว่าคุณกวีชอบหรือไม่ชอบอะไรบ้าง อันไหนที่พระเอกหนุ่มไม่ชอบ เธอจะได้หลีกเลี่ยงเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจทำให้เขาไม่พอใจ
“ถ้าวันนี้เราซื้อกาแฟไปให้เขาตอนเจอกัน คุณกวีเขาจะโอเคไหมนะ”
เมื่ออ่านข้อมูลของพระเอกหนุ่มคร่าว ๆ เรียบร้อยแล้ว ใบแก้วก็ยังคงนั่งพึมพำกับตัวเองต่อ เพราะเธออยากจะเอาใจพระเอกหนุ่ม เผื่อ
ว่าตลอดการทำงานร่วมกันในวันนี้ ทุกอย่างจะเป็นไปด้วยความราบรื่น
จริง ๆ ใบแก้วก็ไม่ได้คาดหวังว่ากาแฟแค่แก้วเดียวจะสามารถซื้อใจพระเอกหนุ่มได้หรอก แต่เธอคิดแค่ว่ามันอาจทำให้บรรยากาศการทำงานระหว่างเธอกับคุณกวีดีขึ้นเท่านั้น หลังจากที่เธอโดนเจ้าตัวบ่นยับจนหูชาไปเมื่อวานนี้
“ช่างเถอะ เราตั้งใจให้เขาซะอย่าง ถ้าเขาไม่โอเคก็เรื่องของเขาแล้วกัน” ใบแก้วว่า พร้อมกับเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นพอดี ตอนแรกเธอนึกว่าเป็นพี่ยงยุทธ แต่พอหญิงสาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูมันกลับไม่ปรากฏเบอร์โทรเสียอย่างนั้น
“ใครวะ” ใบแก้วพึมพำเสียงแผ่ว เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ทำท่าจะไม่รับสาย เนื่องจากปกติเธอก็ไม่รับเบอร์แปลกอยู่แล้ว
“หรือจะเป็นเบอร์ของคุณกวี” หลังตบตีกับความคิดของตัวเองและคิดได้ว่านี่อาจจะเป็นสายจากคุณกวี ใบแก้วก็รีบกดรับสายนั้นทันที
“สวัสดีค่ะ” เป็นอีกครั้งที่ใบแก้วเป็นฝ่ายพูดก่อน
[กว่าจะรับสายได้นะ ใบแก้ว]
“คุณกวีเหรอคะ? ขอโทษด้วยค่ะ พอดีแก้วไม่ชอบรับเบอร์แปลก” ใบแก้วพูดเสียงแผ่ว เธอเตรียมใจไว้แล้วว่าต้องโดนเขาบ่นแน่ ๆ แล้วมันก็เป็นอย่างที่เธอคิดจริง ๆ
[แล้วก่อนที่เธอจะทำงานนี้ เธอไม่ได้ขอเบอร์ฉันจากช่องหรือไง ขนาดฉันยังมีเบอร์ของเธอเลย] อีกฝ่ายร่ายยาวเสียงเข้ม ขณะที่ใบแก้วก็ทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ
“แก้วขอโทษค่ะคุณกวี เดี๋ยวแก้วจะรีบบันทึกเบอร์คุณกวีเอาไว้เลยค่ะ” ใบแก้วขอโทษขอโพยคนปลายสายอีกครั้ง เนื่องจากเรื่องนี้เป็นความสะเพร่าของเธอเอง
[ช่างเรื่องนั้นไปก่อน ตอนนี้เธออยู่ไหน?]
“แก้วอยู่ที่ร้านกาแฟใต้ตึกค่ะ”
[ดี ตอนนี้ฉันคุยกับผู้ใหญ่ในช่องเสร็จแล้ว เดี๋ยวฉันลงไปหาเอง ส่วนเธอก็เตรียมตัวไว้ด้วยเพราะเราต้องไปทำงานต่อ]
“ได้ค่ะ” หลังวางสายจากพระเอกหนุ่มเรียบร้อยแล้ว ใบแก้วก็พ่นลมหายใจออกมาอย่างแรง เธอรู้สึกว่าการทำงานร่วมกับคุณกวีในวันนี้ก็คงไม่ได้ต่างไปจากเมื่อวานนักหรอก แม้ว่าเธอจะอุตส่าห์เตรียมตัวมาอย่างดีแล้วก็ตาม
“ให้มันได้แบบนี้สิใบแก้ว” หญิงสาวพูดกับตัวเองเสียงแผ่ว พลางถอนหายใจออกมาอย่างแรง
“บันทึกเบอร์ฉันไว้หรือยัง”
นั่นเป็นประโยคแรกที่คุณกวีพูดกับใบแก้ว หลังอีกฝ่ายลงมาเจอกันที่ร้านกาแฟ ระหว่างที่พูดคิ้วเข้มของพระเอกหนุ่มก็ขมวดเข้าหากัน เหมือนเจ้าตัวยังไม่สบอารมณ์เรื่องที่ใบแก้วไม่ได้กดบันทึกเบอร์ของเจ้าตัวเอาไว้
“เรียบร้อยแล้วค่ะ คุณกวี” ใบแก้วตอบกลับพลางยิ้มแห้งให้คนตรงหน้าหนึ่งที ก่อนที่หญิงสาวจะส่งเครื่องดื่มที่เธอตั้งใจซื้อมาให้พระเอกหนุ่ม
“อะไร” คุณกวีเอ่ยถามอย่างงง ๆ เมื่อแก้วกาแฟถูกยื่นมาให้ตรงหน้า
“ก็... กาแฟไงคะ”
“...”
“ดื่มสักหน่อยก่อนไปทำงาน น่าจะทำให้คุณกระปรี้กระเปร่าขึ้นนะคะ” หญิงสาวอธิบายเสียงแผ่ว ในใจเธอก็เริ่มกังวลขึ้นมาเล็กน้อย กลัวว่าคุณกวีจะไม่ยอมรับกาแฟแก้วนี้และเธอจะต้องดื่มมันเอง ทว่าอีกฝ่ายไม่ได้ใจร้ายกับเธอมากนัก เพราะหลังจากนั้นไม่นานคุณกวีก็ยื่นมือมารับแก้วไปจากเธอ
“ขอบใจ” อีกฝ่ายกล่าวขอบคุณเพียงสั้น ๆ จากนั้นเจ้าตัวก็เดินนำใบแก้วไปที่ด้านหน้าบริษัท เพื่อขึ้นรถตู้ที่คุณกวีให้คนขับรถของที่บ้าน
มาทำงานให้
ใบแก้วไม่รู้ว่าการที่เธอตัดสินใจเลี้ยงกาแฟคุณกวี จะทำให้อีกฝ่ายอารมณ์ดีหรือเปล่า แต่ที่แน่ ๆ เธอไม่ถูกพระเอกหนุ่มบ่นอีกเลยตลอดงานอีเวนต์วันนี้ แม้เธอจะยังทำงานไม่ได้ดีนัก และยังคงจับทางไม่ถูกว่าอีกฝ่ายชอบหรือไม่ชอบอะไร
“แก้ว เดินมาตรงนี้ซิ” คุณกวีเรียกกันเบา ๆ เมื่ออีกฝ่ายเห็นว่าใบแก้วกำลังชะเง้อมองผู้คนมากมายที่มายืนรออยู่หน้าเวที เพื่อรอให้คุณกวีออกไปปรากฏตัวตามคำโฆษณาของพิธีกรในงาน
“มีอะไรเหรอคะ” เมื่อเดินกลับมาหาพระเอกหนุ่ม ใบแก้วก็ถามขึ้นเผื่อว่าคุณกวีต้องการเรียกใช้งานอะไร
“ทีหลังอย่าไปชะเง้อมองแบบนั้น เพราะมันดูไม่มืออาชีพ” อีกฝ่ายบอกใบแก้ว ก่อนจะหันหน้ากลับไปให้ช่างแต่งหน้าบรรจงเติมลิปให้กันต่อ
หลังจาก่ช่างแต่งหน้าทาลิปให้เรียบร้อยแล้วก็พ่นสเปรย์เพื่อล็อกเครื่องสำอางอีกที คราวนี้ทุกอย่างก็เสร็จสิ้น พระเอกหนุ่มพร้อมที่จะปรากฏตัวต่อหน้าสื่อมวลชนแล้ว
“เสร็จแล้วค่ะ เดี๋ยวทีมงานไปแจ้งพิธีกรได้เลยนะว่าคุณกวีพร้อมแล้ว” ช่างแต่งหน้าหันไปบอกทีมงาน คุณกวีลุกขึ้นยืนเต็มความสูง อีกฝ่ายบิดต้นคอซ้ายขวาไปหนึ่งรอบเพื่อคลายอาการเมื่อยล้า หลังนั่งเฉย ๆ ให้ช่างคอยบรรจงแต่งแต้มเครื่องสำอางให้ จนปวดคอไปหมด
“มองอะไร?” คุณกวีถามใบแก้วทั้งที่คิ้วขมวด เมื่ออีกฝ่ายเห็นว่าเธอกำลังจ้องหน้าพระเอกหนุ่มตาไม่กะพริบ
“ไม่มีอะไรค่ะ แก้วก็แค่รู้สึกว่าวันนี้คุณกวีดูดีมากเลยค่ะ” ใบแก้วเอ่ยชมพระเอกหนุ่ม จนทำเอาคนตรงหน้าถึงกับชะงักไปเล็กน้อย เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกที่เธอพูดชมคุณกวี คำพูดของใบแก้วทำให้อีกฝ่ายนิ่งค้างไปอีกพักหนึ่ง ก่อนจะพูดอะไรบางอย่างที่ชวนทำให้ใบแก้วรู้สึกหมั่นไส้อย่างบอกไม่ถูก
“ขอบใจ แต่ฉันได้ยินคำพูดแนวนี้จนเบื่อแล้วล่ะ”
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?