ตอนที่ 2 ซุป’ตาร์ชื่อดัง

ทั้งห้องเงียบสงัดราวกับไม่มีใครอยู่ที่นี่ แต่เพราะแอร์ยังคงทำงานอยู่ ใบแก้วจึงเชื่อว่าคุณกวียังคงนอนอยู่ในห้องและก็คงไม่ได้ตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้ด้วย แม้ว่าวันนี้อีกฝ่ายจะต้องออกไปถ่ายงานก็ตาม

ช่างเป็นคนที่ไร้ความรับผิดชอบเสียจริง เป็นอีกครั้งที่ใบแก้วแอบบ่นนักแสดงเบอร์ต้นของช่องในใจ ก่อนที่หญิงสาวจะรวบรวมความกล้าถือวิสาสะเดินไปปิดแอร์และเปิดผ้าม่านสีทึบออก เพื่อให้แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาข้างใน เธอจงใจจะปลุกอีกฝ่ายโดยที่ไม่ต้องออกแรงตะเบ็งเสียงให้เจ็บคอ

“อะไรเนี่ย!” ทันทีที่แสงอาทิตย์ยามสายสาดส่องเข้ามาในห้อง ดาราหนุ่มที่กำลังนอนหลับอย่างสบายใจเฉิบก็ส่งเสียงโวยวายขึ้นทันที อีกฝ่ายไม่ได้ส่งเสียงเพียงอย่างเดียว แต่ยังดึงผ้าห่มที่คลุมร่างของตัวเอง

ออกด้วย ใบแก้วชะงักไปเล็กน้อยเมื่อต้องมาเห็นภาพผู้ชายอยู่ในสภาพเปลือยกายท่อนบน แม้ท่อนล่างของเขาจะยังสวมใส่กางเกงนอนขายาวเอาไว้อยู่ก็เถอะ

“เธอคือใคร?” แม้จะตกใจด้วยกันทั้งคู่ แต่คุณกวีที่ได้สติก่อนก็เป็นฝ่ายเอ่ยถามใบแก้ว เนื่องจากสำหรับอีกฝ่ายแล้ว เธอคือผู้หญิงแปลกหน้าที่บุกเข้ามาในสถานที่ส่วนตัวของเจ้าตัว

“ลืมแนะนำตัวเองไปเลยค่ะ ฉันชื่อใบแก้วนะคะ เป็นผู้จัดการส่วนตัวชั่วคราวของคุณ” ใบแก้วแนะนำตัวเองแบบสั้น ๆ พร้อมผงกศีรษะเล็กน้อยเป็นเชิงทักทายอีกฝ่าย

หญิงสาวใช้ความพยายามอย่างยิ่งในการเก็บอาการตกใจของตัวเองไว้ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉย ทั้งที่ความจริงมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ใบแก้วจะไม่รู้สึกอะไรกับคนที่กำลังนอนเปลือยท่อนบนต่อหน้าเธอแบบนี้

ไม่ใช่เพราะใบแก้วไม่ชื่นชอบคุณกวี แต่เป็นเพราะเธอไม่ค่อยได้คลุกคลีกับผู้ชายต่างหาก เพื่อนที่ห้อมล้อมเธอก็มีแต่เพื่อนผู้หญิงทั้งนั้น ดังนั้นการที่ต้องมาคุยกับผู้ชายแปลกหน้าในสภาพนี้ จึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากสำหรับเธอไม่น้อย

“ช่องส่งผู้จัดการส่วนตัวมาให้ใหม่แล้วเหรอ” อีกฝ่ายถามขึ้นทั้งเสียงแหบแห้งตามประสาคนที่เพิ่งตื่นนอน

“คงงั้นค่ะ แต่แค่ชั่วคราวเท่านั้นนะคะ” ใบแก้วตอบกลับไปทั้งหน้าตาย เธอพยายามมองแค่ใบหน้าหล่อของคุณกวี แทนที่จะเป็นเรือน

ร่างของอีกฝ่ายซึ่งแสนจะดึงดูดสายตาของเธอเหลือเกิน

“ช่างเถอะ ว่าแต่เมื่อกี้เธอบอกว่าตัวเองชื่ออะไรนะ ชื่อใบแก้วงั้นเหรอ?”

“ใช่แล้วค่ะ” ใบแก้วพยักหน้ารับและรีบพูดต่อ เพราะเธอเห็นว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาทำความรู้จักกัน เนื่องจากคุณกวีกำลังจะไปถ่ายงานสายแล้ว “แก้วว่าตอนนี้คุณกวีรีบไปอาบน้ำดีกว่าไหมคะ เพราะช่วงสิบเอ็ดโมงเช้าคุณกวีมีถ่ายงานนะคะ”

“ฉิบหายแล้ว! ลืมไปเลยว่ามีถ่ายงาน” อีกฝ่ายพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตกใจแล้วรีบลุกลงจากเตียงทันที ทิ้งให้ใบแก้วได้แต่กะพริบตาปริบ ๆ ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงกับสถานการณ์นี้ดี

“คุณกวีเขาเป็นคนแบบนี้เองหรอกเหรอ” หลังดาราหนุ่มเข้าไปในห้องน้ำเรียบร้อยแล้ว ใบแก้วถึงค่อยพูดอะไรออกมา

ระหว่างที่เธอกำลังคอยให้คุณกวีอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมที่จะออกไปถ่ายงานด้วยกัน ใบแก้วก็ไม่ได้ปล่อยให้เวลาเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ แต่เธอเลือกที่จะใช้ช่วงเวลานั้นเปิดดูตารางงานที่พี่ยงยุทธเพิ่งส่งตามมาทีหลัง พร้อมกับอ่านข้อมูลส่วนตัวของคุณกวีจากทาง

อินเทอร์เน็ตไปด้วย เนื่องจากเธอไม่ได้รู้จักอีกฝ่ายดีขนาดนั้น

แม้คุณกวีจะได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ ในประเทศนี้ ไม่ว่าละครเรื่องไหนออกอากาศก็ได้เรตติ้งดีไปเสียหมด แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าใบแก้วจะรู้จักอีกฝ่ายดี เพราะเธอไม่ใช่คนที่ชอบดูละครหลังข่าว แต่ที่พอจะรู้จักคุณกวีมาบ้างนั่นก็เพราะในชีวิตจริงไม่ว่าเธอจะเดินทางไปที่ไหน ก็มักจะเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายโชว์หราอยู่ตามป้ายโฆษณาของสถานีรถไฟฟ้าอยู่เสมอ

คุณกวีดังมากจริง ๆ

“เธออายุกี่ปีแล้ว ฉันจะได้เรียกถูก” เสียงของคุณกวีดังขึ้นอีกครั้ง หลังอีกฝ่ายเดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวอย่างไม่รู้จักอาย

“แก้วอายุยี่สิบสอง เป็นเด็กจบใหม่ค่ะ”

“ส่วนฉันอายุยี่สิบแปด” อีกฝ่ายบอกมา

“...”

“นั่นก็หมายความว่าฉันอายุห่างกับเธอหกปี”

“ค่ะ” ใบแก้วขานรับคำเดียว ไม่รู้ว่าต้องพูดอะไรต่อ เนื่องจากเธอรู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายอายุมากกว่าตัวเอง

“เพราะงั้นเธอต้องให้ความเคารพฉัน”

“เท่านี้ยังไม่พออีกเหรอคะ” คราวนี้หญิงสาวถึงกับต้องถามกลับไปอย่างอดไม่ได้ เพราะเธอมั่นใจว่าตั้งแต่ที่ได้แนะนำตัวกับอีกฝ่าย ก็ไม่มีประโยคไหนเลยที่เธอพูดจาไม่เคารพคุณกวีในฐานะที่อีกฝ่ายอายุมากกว่าตัวเอง

“ใช่ มากกว่านี้” อีกฝ่ายพูดพลางพยักหน้าตอบกลับมา ทำเอาใบแก้วก็ถึงกับทำหน้านิ่วคิ้วขมวดทันที เพราะเธอไม่รู้จริง ๆ ว่าตัวเองจะต้องแสดงความเคารพอีกฝ่ายมากกว่านี้ยังไง

“มีปัญหาเหรอ” คุณกวีที่สังเกตเห็นท่าทีของใบแก้วถามกลับมา

“เปล่าค่ะ” หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธ พยายามจะใช้ความอดทนกับคุณกวีอย่างถึงที่สุด “แก้วว่าตอนนี้คุณกวีรีบไปแต่งตัวได้แล้วค่ะ และขอย้ำอีกทีว่าคุณกวีกำลังจะไปถ่ายงานสาย”

“รู้แล้วน่า เร่งอยู่ได้” อีกฝ่ายตอบกลับอย่างรำคาญใจ ขณะที่ใบแก้วก็สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดอีกครั้ง เพื่อให้ตัวเองใจเย็นลงกว่านี้

เห็นที... การร่วมงานกับพระเอกเบอร์ต้น ๆ ของช่องตลอดทั้งสองสามเดือนนี้คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับใบแก้วเสียแล้ว นั่นเป็นสิ่งที่ใบแก้วคิด หลังจากที่เธอได้เห็นพฤติกรรมมุมนี้ของคุณกวี

งานง่าย ๆ สบาย ๆ และได้เงินดีมันไม่มีอยู่ในโลกนี้หรอก อันที่จริงใบแก้วก็ไม่น่าไปเชื่อคำโฆษณาของพี่ยงยุทธเลย เพราะหญิง

สาวได้ค้นพบอุปสรรคในการทำงานของตัวเองแล้ว และอุปสรรคที่ว่านั้น ก็คือคุณกวีที่แสนจะเอาแต่ใจนี่แหละ

แม้ใบแก้วเพิ่งจะได้ร่วมงานกับคุณกวีเป็นครั้งแรกในฐานะผู้จัดการส่วนตัวของอีกฝ่ายวันนี้เอง แต่เธอก็เริ่มจะคาดเดาระดับความเอาแต่ใจและขี้หงุดหงิดของคุณกวีได้แล้ว เนื่องจากพระเอกหนุ่มไม่เคยปิดบังอารมณ์ของตัวเองเลย ไม่ว่าอีกฝ่ายจะไม่พอใจหรือกำลังหงุดหงิดแค่ไหน คุณกวีก็จะแสดงออกให้ใบแก้วเห็นอย่างตรงไปตรงมา

คล้ายเจ้าตัวไม่ได้แคร์เลยว่าการกระทำของตัวเอง อาจทำให้ใบแก้วทนไม่ไหวจนต้องขอลาออกไป

“เธอขับรถเป็นหรือเปล่า” คุณกวีถามขึ้นระหว่างที่ทั้งคู่อยู่ในลิฟต์ เพื่อเตรียมตัวออกไปทำงานด้วยกัน

“ขับเป็นค่ะ”

“ค่อยยังชั่ว...”

“แต่ว่าแก้วยังไม่มีใบขับขี่นะคะ” หญิงสาวรีบพูดต่อ ทำเอาพระเอกหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างกันชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เจ้าตัวจะสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เหมือนกำลังอดทนกับอะไรบางอย่าง ซึ่งก็คงเป็นใบแก้วอย่างไม่ต้องสงสัย

“ถ้ายังไม่มีใบขับรถ แล้วเธอจะบอกทำไมว่าตัวเองขับรถเป็น”

“อ้าว ก็คุณกวีถามว่าขับเป็นไหม แล้วแก้วตอบผิดตรงไหนเหรอคะ” คราวนี้ใบแก้วสวนกลับไป เพราะเธอเองก็ต้องใช้ความอดทนกับคุณ

กวีเช่นกัน

“นี่เธอเถียงฉันเหรอ?” อีกฝ่ายถามกันอย่างเอาเรื่อง

“เปล่าค่ะ แก้วก็แค่อธิบาย” ใบแก้วบอกกลับไปทั้งหน้าซื่อ คุณกวีสบตากับใบแก้วอยู่ครู่หนึ่ง จนกระทั่งประตูลิฟต์เปิดออกพอดี

“เดินออกไปสิ อย่าให้ฉันต้องหมดความอดทน” คุณกวีพูดกับใบแก้วเสียงนิ่ง ทำเอาหญิงสาวเกิดอาการเสียวหลังวูบ จนเธอต้องรีบเดินออกจากลิฟต์ตามคำสั่งของพระเอกหนุ่มด้วยความรวดเร็ว

“ตกลงใครเป็นผู้จัดการของใครกันแน่ นี่ช่องส่งใครมาทำงานนี้กัน” เมื่อใบแก้วขึ้นมานั่งที่เบาะข้างคนขับเรียบร้อยแล้ว อีกฝ่ายก็ขับออกจากลานจอดรถ พร้อมกับพึมพำเสียงแผ่วเหมือนต้องการพูดกับตัวเองเสียมากกว่า แต่เพราะนั่งอยู่ข้างกัน จึงทำให้ใบแก้วได้ยินคำพูดอีกฝ่ายอย่างเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าพระเอกหนุ่มจะพูดเบาแค่ไหนก็ตาม

“เอาแบบนี้ไหมคะ...เดี๋ยวภายในสัปดาห์นี้แก้วจะรีบไปสอบใบขับขี่มา” ใบแก้วยื่นข้อเสนอกลับไป หลังหญิงสาวคิดได้ว่าเธอควรจะไปสอบใบขับขี่ให้จบ ๆ ไป เพราะยังไงก็เป็นผลดีกับตัวเธอเองทั้งนั้น

“ถ้าลำบากก็ไม่ต้องไปทำ เดี๋ยวฉันโทรเรียกให้คนขับรถที่บ้านมาทำงานก็ได้” คุณกวีตอบกลับเสียงห้วน ทว่าภายใต้ท่าทีหงุดหงิดที่อีกฝ่ายแสดงออกมานั้น ใบแก้วกลับรู้สึกว่าคุณกวีอารมณ์เย็นลงมากแล้ว เพราะอย่างน้อย ๆ พระเอกหนุ่มก็ไม่ได้ปล่อยรังสีอำมหิตออกมา จนทำให้หญิงสาวเกิดอาการเสียวสันหลังวูบเหมือนก่อนหน้านี้

“ไม่ลำบากเลยค่ะ แก้วคิดว่าไปสอบไว้ก็ดีเหมือนกัน” หญิงสาวบอกกลับไป เธอไม่ได้รู้สึกว่าการไปสอบใบขับขี่เป็นเรื่องลำบากอะไร เนื่องจากยังไงในอนาคตเธอก็ต้องไปสอบอยู่แล้ว

“ตามใจเธอแล้วกัน แต่ยังไงระหว่างนี้ฉันก็คงต้องเรียกให้คนขับรถที่บ้านมาทำงานอยู่ดี”

“ค่ะ เอาตามที่คุณกวีสะดวกเลยค่ะ” ใบแก้วว่าเสียงแผ่ว จากนั้นความเงียบก็ปกคลุมทั้งสองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่คุณกวีจะถามขึ้นอีกครั้ง

“ตอนอยู่ที่คอนโด เธอบอกว่าตัวเองจะต้องเป็นผู้จัดการส่วนตัวชั่วคราวใช่ไหม”

“ใช่ค่ะ แก้วจะมาเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้คุณกวีไปก่อนราว ๆ สองถึงสามเดือน ระหว่างที่รอให้ฝ่ายบุคคลจัดหาผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่มาให้”

“แล้วเธอสมัครเข้ามาทำงานที่ช่องด้วยตำแหน่งอะไร” อีกฝ่ายถามต่อ

“ครีเอทีฟค่ะ”

“งั้นแสดงว่าที่ช่องส่งเธอมา ทั้งที่ไม่ได้ทำงานที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งนี้เลย เพราะช่องกลัวว่าฉันจะไม่ต่อสัญญาใช่ไหม” คุณกวีซักไซ้ ทำเอาใบแก้วนิ่งไปครู่หนึ่ง เนื่องจากคำพูดของพี่ยงยุทธผุดขึ้นมาในหัวเธอพอดี

“...”

“เงียบแบบนี้แสดงว่าฉันพูดถูกสินะ” พระเอกหนุ่มว่าต่อ เมื่ออีกฝ่ายเห็นว่าใบแก้วไม่มีท่าทีปฏิเสธ

“เรื่องนี้แก้วไม่ทราบจริง ๆ ค่ะ ที่บริษัทไม่ได้บอกอะไรแก้วเลย” เธอตอบกลับไป ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น เพราะถ้าหากเกิดอะไรขึ้นมาเธอนั้นแหละจะซวยเอา

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ