รุ่งอรุณยามเช้ามาถึงพร้อมกับดวงอาทิตย์ที่ทอแสงอุ่นอาบย้อมเมืองท่าแสนวุ่นวาย ค่ำคืนที่ผ่านมามีทั้งคนที่หลับฝันถึงชัยชนะอันหอมหวานและคนที่กระวนกระวายจนนอนไม่หลับ การตัดสินแพ้ชนะระหว่างเหลาอาหารชื่อดังและร้านแผงลอยเล็ก ๆ ทำให้ลานกว้างหน้าที่ว่าการคลาคล่ำไปด้วยผู้คนเนืองแน่น
แน่นอนพวกเขาเร่งออกจากบ้านและที่พักแต่เช้าตรู่เพื่อจับจองพื้นที่ด้านหน้าสุดสำหรับความรื่นเริง
ใครจะอยากพลาดเรื่องราวดี ๆ เช่นนี้
อย่างไรก็ดีใช่ว่าจะมีแต่ชนชาวกินแตงผู้ชมชอบเรื่องสนุกติดขอบสนาม ภายในคลื่นมนุษย์จำนวนมหาศาลมีกลุ่มคนจำนวนไม่น้อยที่แสดงทีท่ากระสับกระส่ายสอดส่ายสายตามองไปโดยรอบตลอดเวลา
ดวงตาสีดำขลับขุ่นมัวเหล่านั้นสั่นระริกคล้ายกับคาดหวังการปรากฏตัวของใครสักคน
หากให้เด็กชายอายุหกหนาววิเคราะห์มันชัดเจนอย่างยิ่งว่าชาวบ้านเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นพยานปากเอกของการหายตัวไปของพ่อลูกสกุลตง การที่พวกเขามาอยู่ที่ตรงนี้แม้จะรู้อยู่แก่ใจก็เพียงแต่หวังลึก ๆ ว่าจะได้พบทั้งคู่ทั้งที่ยังมีชีวิตและลมหายใจอยู่
ไม่ใช่ห่วงหาอาทรนักหรอก.. นั่นเป็นส่วนน้อย
อันที่จริงส่วนใหญ่ล้วนเป็นความเห็นแก่ตัวที่ไม่ต้องการยอมรับว่าตนนิ่งดูดาย แม้ไม่ได้เป็นคนลงมือ แต่มโนธรรมที่ถูกปลูกฝังเอาไว้ในก้นบึ้งของหัวใจกลับกู่ร้องออกมาจากจิตใต้สำนึกว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของการตายของสองชีวิต
อนิจจารอแล้วรอเล่าพวกเขากลับไม่ได้เห็นแม้แต่เงาของสองพ่อลูก
หัวใจของพวกเขาบีบคั้นคับแน่น แต่ความกลัวต่ออำนาจในทางมิชอบของผู้ปกครองเมืองกลับมีมากกว่า
ในทางตรงกันข้ามพ่อครัวจากเหลาอาหารซินเทียนตี้ปรากฏตัวอย่างสง่าผ่าเผย องอาจ และยิ่งใหญ่ หนึ่งในพวกเขาหัวหน้าพ่อครัวใบหน้าผ่องใสชื่นมื่น กระทั่งในใจยังกระหยิ่มยิ้มย่องวาดภาพฝันชัยชนะของตนเองเอาไว้ราวกับยืนอยู่บนสวรรค์วิมาน แต่เมื่อใกล้ถึงเวลาปากกลับแสร้งเอ่ยวาจาออกมาอย่างเที่ยงธรรม “ร้านซาลาเปาสกุลตงยังไม่มาถึงอีกหรือ คงมีเหตุกระมัง”
สือชวนตีหน้าขึงขังทำเสียงแข็ง “ฮึ! เวลามีค่าดั่งทองคำ ร้านซาลาเปาสกุลตงหากไม่รักษาเวลาก็ตัดสิทธิ์ไปเสีย!”
“ท่านเจ้าเมืองรออีกสักหน่อยเถอะขอรับ”
“ไม่ได้! ไม่ได้! กฎต้องเป็นกฎจะละเมิดไม่ได้!”
การละครแท้ ๆ
ผู้ใดที่มองอยู่ตาบอดดูไม่ออกบ้างเห็นจะไม่มี
หัวหน้าพ่อครัวเหลาอาหารซินเทียนตี้สวมบทคนดีมีเมตตาทั้งที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเย้ยหยันอย่างไม่รู้สึกละอายแก่ใจสักเสี้ยวนึกคิด “ท่านเจ้าเมืองรออีกสักก้านธูปเถอะขอรับ”
“เพ้ย! จะรอได้อย่างไร เจ้าคิดจะให้ท่านอ๋อ-”
“ข้ารอได้”
จวิ้นอ๋องโอวหยางเสวี่ยซานตัดบทละครกลางประโยคของเจ้าเมืองเหวินโจวด้วยสุรเสียงนิ่งเรียบไร้แววอารมณ์ ยิ่งกว่ากลโกงของสือชวนพระองค์ไม่พอพระทัยอย่างยิ่งหากต้องถูกใช้เป็นเครื่องมือของผู้อื่นโดยไม่ยินยอม
“อ เอ่อ.. แต่นี่จะเป็นการหมิ่นพระเกียรติ..” เจ้าเมืองร่างท้วมละล่ำละลักเช็ดเหงื่อข้างขมับ เมื่อค้นพบว่าตนเลินเล่อล้ำเส้นพยัคฆ์สูงศักดิ์ก็สายไปเสียแล้ว
จวิ้นอ๋องตวัดดวงตาคม “ฟังไม่เข้าใจหรือ”
“หามิได้พ่ะย่ะค่ะ”
บรรยากาศลานกว้างที่คึกคักเต็มไปด้วยเสียงจอกแจกจอแจพลันเงียบสงัดลงโดยมิได้นัดหมาย เจ้าเมืองอ้วนผู้เคยยืนหยัดเหนือผู้คนกลับต้องก้มหน้าคางชิดคอ หัวหน้าพ่อครัวเหลาอาหารซินเทียนตี้ยิ่งแล้วใหญ่ ชายวัยกลางคนไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้สักครึ่งคำยามที่ดวงตารูปใบหลิวของผู้สูงศักดิ์จับจ้องมาที่มันราวกับล่วงรู้ทุกสิ่งทุกอย่างทะลุปรุโปร่ง
จากพ่อครัวผู้ยิ่งใหญ่ที่เชิดหน้าคอตั้งบ่าตอนนี้ทำได้เพียงแต่กำหมัดหลั่งเหงื่อเย็น
ทั้งใจคับข้องโยนความหงุดหงิดกราดเกรี้ยวใส่พ่อลูกร้านแผงลอยไร้ทางสู้ หมายมั่นปั้นมือไว้ว่าหลังจากการแข่งขันนี้ตนเองจะให้อันธพาลเหล่านี้รีดสูตรของซาลาเปาไส้พิเศษของพ่อลูกสกุลตงออกมาให้หมดแล้วค่อยทำลายมือที่กล้าหาญของพวกมันทิ้งไปเสีย
“ขออภัยขอรับ ขออภัยขอรับ” เวลาที่น่าอึดอัดเดินต่อไปไม่ช้าไม่นานนักก็ถูกเสียงใส ๆ ปัดเป่าอออกไปดั่งมีมนต์วิเศษ
เด็กชายตัวน้อยแก้มอวบขาวปรากฏตัวแหวกฝูงชนออกมาอย่างยากลำบาก คะเนอายุอานามแล้วไม่ห่างไกลจากจวิ้นอ๋องน้อยทว่ากลับเปล่งปลั่งสดใสและสมบูรณ์กว่ากันมาก ข้างกันยังมีสตรีรูปร่างแบบบางกิริยามารยาทเรียบร้อยตามมาด้วย
ตงหยางเป่าลมหายใจ ลูบอกตัวเองป้อย ๆ “นี่ข้าคงไม่ได้มาสายใช่หรือไม่ขอรับ”
“เจ้าหนูลูกเต้าเหล่าใครรู้หรือไม่ที่นี่ที่ใด” เจ้าเมืองเหวินโจวเอ่ยถามอย่างเข้มงวด ดวงตาดุร้ายคล้ายต้องการเอาความไม่พอใจสาดโถมใส่ผู้เคราะห์ร้ายตัวเล็ก
น่าเสียดายที่เด็กชายผู้มาใหม่กลับดูไม่ได้อนาทรร้อนใจ
“ตอบท่านเจ้าเมือง ที่นี่ย่อมเป็นลานกว้างหน้าที่ว่าการเมืองเหวินโจวสถานที่จัดงานประชันการทำซาลาเปาประจำปีไม่ใช่หรือขอรับ” อดีตไรเดอร์ผู้เคยผ่านหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานพร้อมด้วยการนำเสนอหน้าห้องนับครั้งไม่ถ้วนฉีกรอยยิ้มการค้าแนะนำตัว
“ผู้น้อยตงอี้หยาง บุตรบุญธรรมท่านพ่อตงป๋าย และพี่สาวผู้น้อย ซินซิน ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของท่านพ่อมาที่นี่เพื่อเป็นตัวแทนลงแข่งขันให้ร้านซาลาเปาสกุลตงขอรับ”
“นี่ ไม่สามารถ-” สือชวนขมวดคิ้วแน่นกำลังจะเอ่ยค้านกลับถูกขัดกลางลำอีกครั้ง
“ท่านเจ้าเมืองผู้เที่ยงธรรมโปรดเมตตาท่านพ่อของผู้น้อยไม่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้ด้วยเหตุผลบางประการ การแข่งขันครั้งนี้สำคัญกับตัวผู้น้อยและครอบครัวอย่างยิ่งหวังเพียงแต่ผู้ใหญ่จะให้ความอนุเคราะห์ ตัวผู้น้อยและพี่สาวเป็นเพียงเด็กและสตรีย่อมไม่สามารถทำให้เหลาอาหารซินเทียนตี้หวาดหวั่นได้กระมังขอรับ”
ทั้งเล่าเหตุผล ทั้งดักทางและยั่วยุในคราเดียวมือที่กำอยู่ยิ่งกำแน่นจนกลัวว่าเล็บจะทะลุหลังมือ
หัวหน้าพ่อครัวเหลาอาหารซินเทียนตี้รักษารอยยิ้มบนใบหน้าไว้อย่างยากลำบาก ผสานมือโค้งกายลงกัดฟันช่วยร้องขอต่อเจ้าเมืองอีกแรง “เรียนท่านเจ้าเมือง ในเมื่อพ่อลูกสกุลตงมีเหตุผลไม่สามารถเข้าแข่งขันได้ก็ให้ลูกชายและภรรยาของเขาเป็นตัวแทนเถอะขอรับ”
“เจ้าแน่ใจใช่หรือไม่” เจ้าเมืองเหวินโจวถามย้ำ
“แน่ใจขอรับ”
“หากหัวหน้าพ่อครัวเหลาอาหารซินเทียนตี้ยินยอมให้มีการส่งตัวแทนของร้านซาลาเปาสกุลตงก็ให้เป็นไปตามนั้น!”
ชายอ้วนประกาศยินยอมอย่างไม่ใคร่สบายใจนัก โดยสัญชาตญาณของขุนนางที่คร่ำหวอดในแวดวงสัตว์ร้ายมันรู้สึกถึงลางสังหรณ์ครุมเครือบางประการที่ไม่น่าอภิรมย์ใจมากนัก ลึก ๆ แล้วสือชวนต้องการที่จะจบการแข่งขันที่มีผู้สูงศักดิ์ที่ตนดึงเข้ามาเกี่ยวด้วยตนเองนี้ให้เร็วที่สุด
ชั่วลมหายใจนี้พยัคฆ์ร้ายยังไว้หน้างูดินเช่นตนอยู่ ใครจะรู้ว่าชั่วลมหายใจถัดไปพยัคฆ์ร้ายพระองค์นี้อาจจะพิโรธขัดเคืองขึ้นมาเพราะสิ่งโสมมที่ตนและเหลาอาหารซินเทียนตี้กระทำเผลอไปสาดกระทบแปดเปื้อนพระบาท
นับว่าตาหมากนี้พวกตนเดินผิดพลาดไปอย่างมหันต์
ผิดกับความนึกคิดของเจ้าเมืองเหวินโจว พ่อครัวใหญ่ผู้มากด้วยทิฐิกลับยังคงทำผิดพลาดโดยการดูถูกคู่แข่งเป็นครั้งที่สอง ยินยอมให้เด็กและสตรีแบบบางลงประลอง หวังใจให้ร้านซาลาเปาเล็ก ๆ เสื่อมเสียชื่อเสียงต่อหน้าฝูงชนและพระบรมวงศานุวงศ์
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?