“อะไรกันวันนี้ร้านซาลาเปาตรงนี้ไม่เปิดหรือ”
“อ้าว นี่เจ้าไม่ได้ยินเรื่องที่เขาเล่ากันหรือ”
“อันใด มีเรื่องอันใดเกิดขึ้น”
“ก็ไม่กี่วันก่อนน่ะสิ..”
เสียงซุบซิบโอดครวญของเหล่าแรงงานที่ต้องการซาลาเปาร้อน ๆ แสนอร่อยดังระงมในมุมเล็ก ๆ ของเมืองท่าที่มีประชากรจำนวนมหาศาลและพื้นที่กว้างใหญ่จากทะเลสีฟ้าครามจรดภูเขาสีเขียวชอุ่ม
วันนี้เป็นอีกวันที่แผงซาลาเปาสกุลตงเงียบสนิทไร้การเคลื่อนไหว ไม่มีร่างของพ่อครัวหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ดุดันที่สาวน้อยใหญ่พากันเมียงมอง ไม่มีร่างของชายวัยกลางคนอ้วนท้วนที่มักส่งร้อยยิ้มอารีขณะส่งเสียงชวนคุยอย่างเป็นกันเอง ไม่มีเจ้าตัวเล็กขาวนุ่มนิ่มที่เป็นขวัญใจส่งเสียงเจื้อยแจ้วออดอ้อนหยอกล้อเพิ่มความสดชื่นประหนึ่งสายฝนปรอยให้กับจิตใจแห้งเหี่ยวของเหล่าแม่ยก
จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าชีวิตเผือกสีสันต์ลงไปนิดหน่อย
อย่างไรก็ดีไม่เพียงแต่ความมีชีวิตชีวาในเมืองท่าที่ได้ผลกระทบเล็กน้อยถึงปานกลาง แต่อีกด้านหนึ่งในวังจวิ้นอ๋องกลับได้รับผลกระทบทางตรงที่ไม่น่ายินดี
“ข้าอิ่มแล้ว”
เสียงเล็กติดจะแห้งของโอวหยางจงเทียนเปล่งออกมาบนโต๊ะเสวย พระพักตร์ที่ไม่กี่วันก่อนเริ่มสดใสมีน้ำมีนวลขึ้นมาหมองลงไปขณะผินหน้าหนีซาลาเปาสีสันชวนมองตรงหน้า
พระชายาเซี่ยอ้ายฮวาปลอบประโลม “เทียนเอ๋อร์ นี่ ซาลาเปาที่ลูกชอบอย่างไร เสวยอีกคำเถอะ”
หญิงงามตะล่อมบุตรชายในสายโลหิตเสียงอ่อนเสียงหวาน เทียนเอ๋อร์ของนางป่วยกระเสาะกระแสะมาตั้งแต่ครั้งยังเยาว์ แม้จะรอดมาจากมือของเหยียนหลัวหวางได้แต่โอรสของนางกลับไม่สามารถเสวยได้อย่างแต่ก่อน ไม่ว่าจะความอยากอาหารที่ลดลงเรื่อย ๆ จมูกที่รับกลิ่นได้มากขึ้น ลิ้นที่อ่อนไหวต่อรสชาติ
แก้วตาดวงใจของนางผอมลงทุกวัน เสวยแต่ละครั้งก็เพื่อที่จะมีพระชนม์ชีพ หากบังคับเสวยมากไปก็จะอาเจียนออกมาจนล้มหมอนนอนเสื่อ
ไม่กี่ทิวามานี้นางดีใจที่ลูกชายกลับมากินได้อีกครั้ง แต่มันกลับมาแย่ลงอีก
“เสด็จแม่นี่ไม่ใช่ซาลาเปาที่ลูกชอบ” จวิ้นอ๋องน้อยส่ายศีรษะ
“ซาลาเปาที่ลูกชอบมีกลิ่นหอมไม่มีกลิ่นคาว มีรสของเห็ดหอมนุ่มนิ่มตัดเลี่ยน มีหงหลัวโปสดใหม่ไม่เหม็น แล้วยังมีไข่แดงรสมันน่าลิ้มลองเรื่อย ๆ อ้อ ยังมีรูปลักษณ์ที่ดีมากโดยเฉพาะเสือน้อย” ลูกพยัคฆ์ตัวน้อยอธิบายออกมาอย่างละเอียด พูดได้เยอะกว่าครั้งไหน ๆ เมื่อต้องระบายความดีงามของอาหารที่ชอบ
ชี้นิ้วมือไปที่ซาลาเปาสีส้มรูปร่างโย้เย้ “ซาลาเปาลูกนี้ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่ ลูกมั่นใจ”
“แม่เข้าใจแล้ว แม่เข้าใจแล้ว”
เซี่ยอ้ายฮวาแย้มรอยยิ้มอ่อนไม่ได้ฝืนบังคับให้ลูกชายกลืนในสิ่งที่ตนเองไม่ชอบเข้าไป
“กงกง” คล้อยหลังพระชายาและลูกน้อยจวิ้นอ๋องโอวหยางเสวี่ยซานเปล่งสุรเสียงเรียกข้ารับใช้คนสนิท
ขันทีผู้เฒ่าก้าวออกมาจากด้านหลังเพื่อรับรับสั่ง “พ่ะย่ะค่ะ”
“ซาลาเปานี้ไม่ใช่ของสกุลตง”
พยัคฆ์ร้ายบอกเล่าพระพักตร์เรียบนิ่ง ไม่เพียงแต่จงเทียนที่สัมผัสได้แต่พระองค์เองก็สัมผัสได้เช่นกัน ไม่ใช่ว่ารสชาติไม่อร่อยถูกลิ้น แต่ความพิถีพิถันบางประการยังห่างชั้นกันอยู่มาก ทั้งรสชาติที่ไม่สม่ำเสมอ จุดสำคัญคือไม่มีไข่แดงลูกกลม อีกทั้งความเอาใจใส่ในรูปลักษณ์ยังค่อนข้างแย่
ขันทีแซ่ฉีหลุบดวงตาลุแก่โทษ “พ่ะย่ะค่ะนางกำนัลที่รับหน้าที่ออกไปซื้อซาลาเปาสกุลตงทุกวันไม่สามารถซื้อซาลาเปาสกุลตงได้จึงไปเลือกซื้อซาลาเปาที่มีรูปลักษณ์ใกล้เคียงกันจากเหลาอาหารซินเทียนตี้พ่ะย่ะค่ะ”
“แค่นั้นหรือ..”
“กระหม่อมเกรงว่านางจะถูกชักจูงด้วยของกำนัลพ่ะย่ะค่ะ” ฉีกงกงพรูลมหายใจ คิ้วขาวขมวดมุ่นพลางรายงานเรื่องที่ตนได้รับทราบมาต่ออีกประโยค “แต่เรื่องที่ไม่สามารถซื้อซาลาเปาได้นั้นเป็นเรื่องจริงพ่ะย่ะค่ะ”
“เหตุใด”
“ร้านซาลาเปาสกุลตงไม่นานมานี้ถูกรังแกจึงต้องปิดลงพ่ะย่ะค่ะ”
“เฮอะ!” จวิ้นอ๋องโอวหยางเสวี่ยซานเค้นเสียงออกจากลำคอ ดวงพระเนตรคมกริบวาวโรจน์เปล่งประกายอย่างน่าสะพรึงกลัว
งูดินเหล่านั้นกล้าหาญยิ่ง ขนาดพระองค์ประทับอยู่ยังกล้าสร้างความขุ่นเคืองใต้จมูก
ทั่วทั้งเมืองท่าตอนนี้มีผู้ใดไม่รู้บ้างว่าพยัคฆ์น้อยในหัตถ์ของพระองค์ทรงโปรดเสวยซาลาเปาจากร้านสกุลตง แม้ไม่ต้องป่าวประกาศออกไปย่อมต้องเป็นที่เข้าใจกันดีว่าตอนนี้คนสกุลตงถือเป็นคนในปกครองของพระองค์ไปแล้วครึ่งตัว
เห็นว่าพระองค์อ่อนข้อแล้วกำเริบเสิบสาน
นี่ ไม่เรียกว่าการท้าทายอำนาจแล้วจะเรียกว่าอะไรได้อีก
“จัดการให้เรียบร้อย”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าว่าเป็นเมืองแถบตอนเหนือก็ดีนะขอรับ อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี”
ทางด้านอื่นเคร่งเครียดจัดการกับผลกระทบกันอย่างไรนั้นเป็นธรรมดาที่ครอบครัวผู้ประสบภัยที่กำลังวางแผนอพยพย้ายถิ่นฐานไม่ทราบ ตระกูลตงต้องการโยกย้ายเพื่อหาที่อยู่ใหม่เหตุผลหลัก ๆ เพราะเกรงว่าจะไม่สามารถอยู่ในเมืองที่ตนเองถูกเจ้าเมืองหมายหัวเอาไว้อย่างสงบสุขได้ไม่ว่าจะในวันนี้หรือในวันข้างหน้า
แค่ไม่กี่วันพวกเขาก็อยู่ไม่สุขแล้ว ไม่ต้องพูดถึงในอนาคตใกล้ไกล การกลั่นแกล้งย่อมทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะหากวันใดจวิ้นอ๋องจากไป ผู้ใดจะรู้ว่าครอบครัวตนจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่
เผลอ ๆ อาจจะถูกทรมานเพื่อรีดเค้นก่อนตายเสียด้วยซ้ำ
ตายก็ไม่ได้ตายดี ผู้ใดจะอยู่ต่อให้โง่กัน
“โอ้ หลานรู้จักเมืองทางเหนือด้วยหรือเนี่ย” ตงโปไถ่ถามอย่างใคร่รู้ ตัวชายวัยกลางคนเป็นคนทางใต้โดยสมบูรณ์ โดยทั่วไปแล้วเขาไม่เคยจากบ้านเกิดไปไหนไกลเลยนอกจากเมืองข้างเคียง
ซินซินป้องปากหัวเราะ “นายน- อาหยางออกท่องเที่ยวตั้งแต่ยังไม่ทันจำความได้เลยนะเจ้าคะ”
“ทั่วแคว้นเลยหรือ!”
“แคว้นข้างเคียงก็ไปถึงเมืองหลวงมาแล้วด้วยนะเจ้าคะ”
“โอ้ ดียิ่ง ๆ”
“ท่านพ่อท่านแม่ไปไหนข้าย่อมต้องติดตามไปด้วยขอรับ” ตงหยางยิ้มบาง ย้อนนึกถึงความทรงจำในอดีตอันแสนอบอุ่นของครอบครัวพ่อแม่ลูก หัวใจดวงเล็กพองฟูราวกับปุยนุ่นก่อนจะเปียกชุ่มด้วยหยาดน้ำตาตกในจนเหี่ยวฟีบ
มันไม่ใช่ความรู้สึกของตัวเขาที่เป็นวิญญาณร้ายสิงสู่ร่างผู้อื่น แต่เป็นตะกอนตกค้างของเจ้าของร่างเก่าที่น่าสงสาร พุทธคุณได้เพียงแต่ภาวนาให้ครอบครัวครอบครัวนี้ได้เกิดมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาในภพชาติที่ดีกว่า
อย่าได้มีห่วงแค้นเหนี่ยวรั้งจิตใจให้ตกต่ำอีกต่อไป
ฟุบ..
สัมผัสหนัก ๆ บนศีรษะดึงเด็กชายออกมาจากภวังค์ความคิด ตงป๋ายวางมือหนาลงบนกลุ่มเส้นผม “ครั้งหน้าไปด้วยกันสิ”
ตงหยางอดสงสัยไม่ได้ว่าใบหน้าเข้มงวดของบิดาบุญธรรมบางครั้งก็อบอุ่นน่าดู
“ข้ายังเด็กต้องพึงพาท่านพ่อพาออกเดินทางแล้วขอรับ” เด็กชายยิ้มกว้างจนแก้มแทบปริ ปัดเป่าบรรยากาศหมองเศร้าออกไปอย่างรวดเร็วด้วยเสียงเจื้อยแจ้วจำนรรจา “ข้าอยากไปหลายที่มาก ดังนั้นครอบครัวเราต้องตั้งใจหาเมืองดี ๆ ลงหลักปักฐานขายซาลาเปาหาทุนแล้วล่ะขอรับ”
“โอ้! ปู่จะช่วยเอง เชื่อมือปู่ได้เลย”
“ข้าก็จะช่วยด้วยเจ้าค่ะ!”
เสียงหัวเราะสรวลเสเฮฮาที่ดังลอดออกมาจากในบ้านหลังเล็กผิดไปจากสิ่งที่กงกงผู้เฒ่าจากวังอ๋องคาดการณ์ไว้อย่างสิ้นเชิง ชายชราปรับท่าทางเล็กน้อยก่อนจะเคาะประตูอย่างมีมารยาท
ส่งเสียงพอเป็นพิธี “มีคนอยู่หรือไม่”
“รอสักครู่นะขอรับ!”
ตงหยางขานตอบรับ หย่อนตัวลงจากเก้าอี้สูง ตรงปรี่ออกไปเปิดประตูต้อนรับแขกที่มาเยือนยามบ่าย “ท่านมาหาใครหรือ อ๊ะ ท่านกงกงนี่ขอรับ”
ฉีกงกงเลิกคิ้ว “เจ้ารู้จักข้าหรือ”
“ผู้เยาว์เห็นท่านตามเสด็จข้างกายจวิ้นอ๋องขอรับ พอจะเดาได้อยู่บ้าง”
“เป็นเด็กที่ฉลาดเฉลียวยิ่งนัก”
“ขอบคุณสำหรับคำชมขอรับ อ้อ เชิญท่านกงกงข้างในก่อนขอรับ เดินทางมาไกลท่านคงเหนื่อยแล้ว” บุตรชายบุญธรรมบ้านตงผายมือเชื้อเชิญเปี่ยมมารยาทราวกับคุณชายลูกผู้ดีในเมือง การสนทนานี้คาดว่าครอบครัวด้านในคงได้ยินแล้ว
ซินซินมีประสบการณ์การต้อนรับชนชั้นสูงอยู่มากย่อมสามารถเตรียมการได้อย่างเหมาะสมเท่าที่บ้านชาวบ้านบ้านหนึ่งจะมีได้
เหลือก็แต่จุดประสงค์ของการปรากฏตัวของขันทีเฒ่าผู้นี้
คงไม่ได้เป็นไรเดอร์ที่ท่านอ๋องส่งแว๊นมาซื้อซาลาเปา..
ล่ะมั้ง
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?