ตอนที่ 12 อ๋องน้อยตัดสินใจลำบาก

เช้าวันฟ้าโปร่งอากาศสดใส เมืองท่าชายฝั่งประกอบด้วยสายลมเอื่อยเฉื่อยจากทะเลและภูเขาอ้อล้อเสียงนกนางนวลชวนให้กระปรี้กระเปร่า บรรยากาศดี ๆ มีชีวิตชีวาเช่นนี้โดยปรกติแล้วมักจะทำให้ชาวเมืองท่าอารมณ์ดีเป็นพิเศษ

น่าเสียดายที่ในทางตรงกันข้ามการแข่งขันประลองทำซาลาเปาประจำปีของเมืองเหวินโจวรอบชิงชนะเลิศอึมครึมร่อแร่คล้ายจะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่เนื่องจากการหายตัวไปของผู้เข้าแข่งขันฐานะต่ำต้อยและการกระทำอันไม่ยั้งคิดของชายอ้วนที่มีศักดิ์เป็นถึงเจ้าเมือง

โชคดีที่สวรรค์ไม่ทอดทิ้ง ส่งตัวแทนตัวน้อยจากร้านซาลาเปาสกุลตงออกมาค้ำจุนให้เวทีประลองนี้ทรงตัวขึ้นมาอีกครั้งอย่างง่ายดาย

“นี่ข้าคงไม่ได้มาสายใช่หรือไม่ขอรับ”

ราวกับมีมนต์วิเศษ..

เด็กชายตัวขาวเพียงเบียดเนื้อตัวนุ่มนิ่มออกมาจากฝูงชน ส่งเสียงเจื้อยแจ้วด้วยริมฝีปากเล็ก ๆ ฉ่ำวาวไม่กี่ประโยค การแข่งขันที่แต่เดิมควรจะล่มเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่เหลาอาหารซินเทียนตี้กลับสามารถกลับมาดำเนินต่อไปด้วยใบหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของสือชวน-

เจ้าเมืองร่างท้วมคล้ายกับเป็นคนโง่งมที่ยกหินทับเท้าตัวเอง

ชายอ้วนใช้ความกล้าหาญครึ่งชีวิตเพื่อฉวยโอกาสเชื้อเชิญผู้สูงศักดิ์ซึ่งเสด็จประพาสผ่านเมืองท่าให้เป็นกรรมการและประธานในงานประจำปีหวังสร้างชื่อเสียงและเอาอกเอาใจอ๋องน้อยที่ป่วยออดแอดไม่อยากอาหารมาหลายปี

ใช้ความกล้าอีกครึ่งชีวิตเพื่อลงทุนเตี้ยมพ่อครัวใหญ่ของเหลาอาหารซินเทียนตี้โดยไม่เกรงกลัวโทษหลอกลวงเบื้องสูงให้ตระเตรียมเม็ดบัวทรงโปรดและสมุนไพรล้ำค่านานาชนิดสำหรับแข่งขัน

เสมือนการล้มมวยโดยตรง

อย่างไรก็ดีเขาไม่ได้คิดคำนวนไปถึงตัวแปรเช่นการมีอยู่ของคนสกุลตง ซาลาเปาไส้หมูสับไข่เค็มอาจไม่ใช่ซาลาเปาเพื่อสุขภาพแต่มันเป็นซาลาเปาเพื่อรสชาติอย่างแท้จริง

อร่อยโดยไม่มีข้อโต้แย้ง

ที่สำคัญคือมันเป็นอาหารที่ทำให้จวิ้นอ๋องน้อยสามารถเสวยได้ถึงครึ่งลูก!

ไม่แปลกหากจวิ้นอ๋องและจวิ้นอ๋องน้อยจะเทเสียงให้กับสองพ่อลูก แต่เพราะเหตุการณ์ไม่คาดคิดนั้นทำให้ชายอ้วนต้องหยิบยืมเอาความกล้าจากชาติภพหน้าออกมาทำตัวเป็นเรือขวางน้ำเชี่ยวเอาคอพาดไปบนเครื่องประหาร หน้าหนาหน้าทนทัดทานเพื่อให้เกิดการแข่งขันรอบที่สองขึ้นมา

ด้วยความสัตย์เขาไม่ควรเหลือความกล้าที่จะรนหาที่ยื่นเท้าออกไปเตะแผ่นเหล็กเสียด้วยซ้ำ

หากฉลาดสักหน่อยย่อมแจ้งแก่ใจได้ว่าสมาชิกเชื้อพระวงศ์ควรจะให้น้ำหนักแก่พ่อลูกสกุลตง ผิดก็แต่มีคู่ค้าสมองหมูไม่ดูทิศทางลม

กลืนดีหมีหัวใจเสือ ลงมือกระทำสิ่งโง่เขลา!

วันนี้ไม่ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้นหากเขายังกล้าทำตัวเป็นจำอวดเล่นตลกต่อหน้าเชื้อพระวงศ์อีกคราเห็นทีไม่เพียงตำแหน่งเจ้าเมืองจะรักษาไว้ไม่ได้แม้แต่หัวก็จะไม่ได้ตั้งอยู่บนบ่า

หยุดเสียตั้งแต่ตอนที่ยังมีหนทางให้หยุดได้

หากจะต้องหยุดด้วยการพุ่งชนทางด้านตัวมันคงพินาศย่อยยับ

ทิศทางความคิดของเจ้าเมืองเป็นไปอย่างสมเหตุสมผลอย่างน่าชื่นชมแตกต่างจากพ่อครัวใหญ่เหลาอาหารซินเทียนตี้ที่มีแต่ความหยิ่งผยองลำพองใจ จนถึงตอนนี้กลับยังไม่สามารถสำนึกตนได้ว่ากำลังขวางหูขวางตาพยัคฆ์ร้ายอย่างน่ารำคาญ

ยิ้มหยัน “เจ้าหนูพยายามเข้าล่ะ”

“ท่านลุงก็พยายามเข้านะขอรับ” ตงหยางฉีกยิ้มกว้างใสซื่อราวกับไม่รู้ความนัย

อุปสนฺโต สุขํ เสติ ผู้สงบใจได้ย่อมอยู่เป็นสุข

ไม่ว่าผู้ใดจะคิดไตร่ตรองไปในทิศทางใดทันทีที่การแข่งขันทำซาลาเปาเริ่มต้นขึ้นพ่อครัวตัวน้อยกลับปัดมันทิ้ง แทนที่จะใส่ใจผู้อื่นเขาหันมาตั้งหน้าตั้งตาให้ความสนใจกับการผสมของเหลวสีเข้มลงในแป้งของแม่ครัวสาว ช่วยหยิบจับล้างและหั่นผักคล่องแคล่ว

การทำซาลาเปาครั้งนี้ตงหยางมอบหมายให้ซินซินเป็นแม่ครัวหลักเพราะขนาดตัวของเขายังเล็กเกินไปไม่ว่าจะเป็นมือเล็กนุ่มนิ่มหรือส่วนสูงที่เกือบจะไม่พ้นขอบโต๊ะหากไม่ยืนบนเก้าอี้เตี้ยทำให้ไม่สามารถนวดแป้งและทำไส้ออกมาได้ถนัดมือ

ร่างกายเขายังเด็ก นั่นช่วยไม่ได้จริง ๆ

ครึ่งแรกไม่ได้แสดงฝีมือครึ่งหลังจึงเป็นเขาที่ปั้นแป้งสีต่าง ๆ ออกมาเป็นรูปร่างน่ารัก ห่อไส้ และใส่จินตนาการลงไปจนออกมาเป็นซาลาเปาหลากสีสันต์หลากรูปร่างน่ารับประทาน

บ้างเป็นกระต่ายน้อย บ้างเป็นเสือน้อย จิ้งจอก หมาป่า ลูกหมู ลูกไก่ กระรอกและลูกสน

ซาลาเปาไส้เดิมเพิ่มเติมคือเต็มไปด้วยสัตว์ตัวเล็กน่ารักนานาชนิด

ยิ่งนึ่งออกมาแล้วมีกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของแป้ง ดวงตาสีดำแวววาวที่ทำมาจากเมล็ดงาใสแจ๋วสะกดใจ เพิ่มลวดลายสีเข้มด้วยการลงสีผสมอาหารจากธรรมชาติอีกชั้นเป็นครั้งสุดท้าย เพียงแรกเห็นก็สะกดสายตาของเด็กและสตรี

นี่ล่ะความแข็งแกร่งของสิ่งที่เรียกว่าการตลาด

การตัดสินเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งโดยกรรมการท่านเดิม จวิ้นอ๋องโอวหยางเสวี่ยซาน จวิ้นอ๋องน้อยโอวหยางจงเทียน และเจ้าเมืองเหวินโจวสือชวน

“ซาลาเปาไส้เม็ดบัวสวรรค์นี้กระหม่อมนำเม็ดบัวจากบัวสายพันธุ์ที่ดีที่สุดซึ่งปลูกในแดนเหนือคัดจนได้เม็ดที่สมบูรณ์ที่สุด สะอาดเกลี้ยงเกลา เนื้อแน่น และอวบอ้วนเปี่ยมด้วยคุณค่าทางยาเป็นส่วนประกอบ นอกจากนี้ยังมีสมุนไพรล้ำค่าที่เหมาะแก่หารบำรุงร่างกายหลายชนิด..”

พ่อครัวใหญ่เหลาอาหารซินเทียนตี้ยังคงใช้ประโยคเดิมบรรยายซาลาเปาของตนเองคล้ายกับท่องจำไว้จนขึ้นใจ ศีรษะทรงเหลี่ยมเชิดขึ้นอย่างภาคภูมิใจ

การตัดสินครั้งนี้แม้จะมีกรรมการสามท่าน แต่เป็นที่รู้กันโดยไม่ต้องพูดว่าผลขึ้นอยู่กับอ๋องน้อยล้วน ๆ

จวิ้นอ๋องน้อยเลิกคิ้ว “เม็ดบัวนี้ไม่มีกลิ่นเหม็นแล้ว”

แน่นอนว่าต่อให้นิสัยจะไม่เป็นที่ต้อนรับแต่ฝีมือและประสบการณ์ของผู้เชี่ยวชาญย่อมไม่อาจดูหมิ่นได้

น่าเสียดายที่แม้กลิ่นเหม็นเขียวของเม็ดบัวจะหายไปแต่ซาลาเปาลูกนั้นกลับถูกเสวยเพียงคำเล็ก ๆ คำเดียว และถึงจะไม่ได้มีพระพักตร์เหยเกหรือคายทิ้งแต่จวิ้นอ๋องน้อยกลับไม่ได้แตะต้องพวกมันต่ออีก

ไม่ใช่ว่าซาลาเปาลูกนั้นไม่อร่อย แต่เป็นเพราะลิ้นน้อย ๆ ของโอวหยางจงเทียนลิ้มลองรสยาและสมุนไพรล้ำค่ามานับครั้งไม่ถ้วน ไม่ว่าจะทำออกมาให้มีรสอย่างไรขอแค่เพียงมีส่วนประกอบของยามากกว่าแปดส่วนพระองค์ล้วนแล้วแต่เอียนไปหมด

ต่างจากซาลาเปาที่มีสีสันและรูปร่างซึ่งไม่เคยมีที่ทำให้ท่านอ๋องน้อยพระองค์นี้มีดวงตาแวววาว

“ข้าอยากได้ซาลาเปาเสือ” เด็กชายตัวผอมเป็นฝ่ายริเริ่มเอ่ยขึ้นก่อน

“พ่ะย่ะค่ะ”

ตงหยางวางซาลาเปาเสือน้อยและกระต่ายอ้วนเอาไว้ข้าง ๆ กัน คำพูดคำอธิบายนอกจากรายละเอียดเพิ่มเติมเล็กน้อยก็แทบไม่ต่างจากบิดา “ซาลาเปาของกระหม่อมทำมาจากแป้งนวด เนื้อหมูปรุงรส และไข่แดงพ่ะย่ะค่ะส่วนรูปร่างกระหม่อมใช้แต่งสีจากธรรมชาติเพิ่มเติมพ่ะย่ะค่ะ”

“อื้ม” จวิ้นอ๋องน้อยพยักหน้าหงึกหงัก พระองค์ถูกดึงดูดโดยสัตว์โลกน่ารักอย่างสมบูรณ์

สิ่งที่โอวหยางจงเทียนหนักใจที่สุดคือจะเลือกกัดส่วนไหนของเจ้าเสือ

ละล้าละลังอยู่ชั่วอึดใจเมื่อตัดสินใจได้แล้วปากเล็ก ๆ จึงค่อย ๆ กัดเข้าที่แก้มที่มีรอยแต้มลวดลายสีเข้ม แม้รสชาติของแป้งและไส้จะแตกต่างจากเดิมเล็กน้อยแต่กลับไม่ได้ทำให้ความอยากอาหารของพระองค์ลดน้อยลงสักเสี้ยวเดียว

กลับกันสีสันสดใสของซาลาเปารูปทรงสัตว์ทำให้พระองค์สามารถเสวยคำแล้วคำเล่าจนกระทั่งหมดลูกหนึ่งก็ยังรู้สึกไม่เพียงพอเรียกหาอาหารท้องและอาหารตาลูกที่สองอย่างยินดี

“เทียนเออร์ลูกแม่ อร่อยหรือ” เซี่ยอ้ายฮวาพระชายาในจวิ้นอ๋องไถ่ถามลูกชายด้วยเสียงขึ้นจมูกตื้นตัน

“อร่อยพ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่ ลูกอยากได้ซาลาเปากระต่ายด้วย”

“ได้ ได้จ๊ะลูกแม่”

คนเป็นแม่แย้มรอยยิ้มเต็มใบหน้าอย่างหาได้ยาก ในสภาพการปัจจุบันผู้ที่ยินดียิ่งกว่าใครคือจวิ้นอ๋องและพระชายาที่เห็นโอรสเสวยได้อย่างมีความสุขหลังจากป่วยด้วยโรคประหลาดที่ทำให้ไม่มีความอยากอาหารมาหลายปี

“ดี! ทำได้ดี!” เชื้อพระวงศ์ชายที่เป็นรองเพียงเจ้าแผ่นดินลั่นวาจา “ครานี้ต่อให้เจ้าไม่ชนะไม่เป็นไร เด็กน้อยสกุลตงหากเจ้าต้องการสิ่งใดเพียงบอกกล่าวแก่ข้าจวิ้นอ๋องโอวหยางเสวี่ยซาน”

“เป็นพระมหากรุณาธิคุณพ่ะย่ะค่ะ”

ประกาศิตมาครั้งนี้เจ้าเมืองย่อมไม่อาจดื้อเพ่งไม่ประกาศชัยชนะให้แก่ร้านซาลาเปาตระกูลตงได้

ตงหยางซ่อนรอยยิ้มภายใต้แขนเสื้อที่ยกขึ้นมาประสานกันระดับศีรษะ โดยเฉพาะเขาไม่คิดจะปล่อยโอกาสอันทรงคุณค่านี้ไป

“หาก หากไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป กระหม่อมมีคำขอเพียงหนึ่งประการเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ..”

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ