ตอนที่ 13 แฟนเก่า

“ยังจะออกไปตากแดดตากลมอีก ป่วยรอบที่แล้วไม่เข็ด หืม?”

นันท์นรีหยุดยีเปลือกตา ความง่วงงุนมลายหายเป็นปลิดทิ้งเหลือไว้เพียงท่าทีขวยเขิน โดนปรามเสียงเข้มแต่กลับแก้มแดงซ่าน คุณานนท์มองแล้วพลันขมวดคิ้วใส่ นี่ควรจะเป็นปฏิกิริยาของเด็กเวลาผู้ใหญ่ดุเหรอ หรือความหลงใหลได้ปลื้มในตัวเขามันกร่อนก้อนสมองไปหมดแล้วถึงไม่สะทกสะท้าน เป็นผู้หญิงยิงเรือมาขลุกอยู่กับผู้ชายทั้งวันในห้องปิดไม่พอ ยังจะอ่อย ปากก็บอกว่าเป็นคนเรียบร้อย สงสัยคำว่าเรียบร้อยของเธอกับเขาคงไม่เหมือนกันล่ะมั้ง

นันท์นรีนำนิ้วชี้มาแตะๆ กัน ริมฝีปากอิ่มที่เม้มแน่นคลายออก ถามเสียงแผ่วว่า “พี่ครามเป็นห่วงหนูนาเหรอคะ”

“เป็นห่วงตัวเองต่างหาก เกิดเธอมาขลุกอยู่ที่นี่แล้วไม่สบายอีก พ่อกำนันเล็กกับแม่หวานจะโทษใคร ถ้าไม่ใช่พี่”

“รอบที่แล้วก็ไม่มีใครโทษพี่เลยนะคะ หนูมาของหนูเอง ไม่ต้องคิดมากค่ะ เดี๋ยวป่วยอีกก็ค่อยกินยาเอา”

คุยกับคนดื้อด้านรั้นแต่จะปวดหัวสิ้นเปลืองพลังงานเสียเปล่า คุณานนท์มองเอือมๆ จากนั้นออกจากห้องทำงานไปยังส่วนที่ใช้รับรองแขกเพื่อพบคน นันท์นรีตามหลังเขาไปติดๆ เหมือนกับเงา พอผลักประตูห้องเปิดชายหนุ่มพลันหยุดฝีเท้า เธอที่เอาแต่มองท้ายทอยของเขาไม่ได้ดูทางเลยจึงชนแผ่นหลังแข็งแน่นเต็มๆ

“โอ๊ย! ฮือๆ จะหยุดทำไมไม่บอกคะ หนูเจ็บนะ” แกล้งเธอใช่ไหม โตจนป่านนี้แล้วยังเล่นเหมือนเด็กน้อยอยู่อีก

นันท์นรีถูบริเวณหน้าผากปอยๆ พอโผล่ไปมองแขกที่มาหาคุณานนท์ ดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำสีใสอาบเคลือบผุดความระแวงระวังตามสัญชาตญาณทันที นี่มันใครกันล่ะเนี่ย…?!

หญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่ในห้องรับรองแขก หล่อนสวมชุดเดรสสีขาวขับผิว ผมยาวสีดำขลับคละเอว ขณะนี้กำลังมองมาที่คุณานนท์แทบจะไม่กะพริบตา จากนั้นหญิงสาวก็ลุกขึ้นจากโซฟาช้าๆ ท่วงท่าเอื่อยเฉื่อยแลดูราวกับว่าลำบากมากกว่าจะยืดตัวเต็มความสูงได้ ใบหน้าที่เพียงกวาดสำรวจผิวเผินก็ทราบว่าสะสวย ตอนนี้กำลังตื่นตะลึงพรึงเพริศ

“พะ…พี่…พี่คราม” หญิงสาวเรียกชื่อของเขาอย่างไม่อาจตัดรอน สองก้าวแรกที่เดินคล้ายจะหมดแรงล้มเอาดื้อๆ ทว่าเพียงพริบตาเดียวก็กระโจนเข้ากอดคุณานนท์เต็มรัก ใบหน้ามุดซบอยู่ในอ้อมอกแน่นของชายหนุ่ม

โว๊ะ! ยายคนนี้ไม่พูดไม่จาก็กอดก่อนแล้ว พี่ครามเป็นลูกคนเดียวของครอบครัว ที่รู้คือมีน้ำปิงเป็นลูกพี่ลูกน้องผู้หญิงเพียงคนเดียว แล้วแม่สาวที่มาร้องไห้สะอึกสะอื้นนี่เป็นใครหา!!! นันท์นรียังไม่ทันจะได้ถาม หญิงสาวก็ชิงฟูมฟายขึ้นมา

“พี่คราม ฮึก! พี่คราม รินตามหาพี่มาตลอด ตั้งแต่ที่พวกเราเลิกกันก็ไม่เคยลืมพี่ได้เลย รินรู้แล้วว่าไม่มีใครรักรินได้เท่าพี่อีก พี่คราม รินรักพี่ รินขอโทษนะ เรากลับมาคืนดีกันนะ ต่อไปรินจะปรับปรุงตัว จะอยู่กับพี่ครามตลอดไป”

นันท์นรีถูกคำพูดพร่ำเพ้อนี้ทำให้อึ้งเหวอตาโตเท่าไข่ห่านไปแล้ว แม้จะพอเดาได้เล็กน้อยว่าต้องไม่ใช่แค่คนรู้จักธรรมดา แต่พอเฉลยออกมาก็ยังสั่นไหวในหัวใจอย่างรุนแรง สถานะของอีกฝ่ายก็คือ แฟนเก่า!

คุณานนท์ดันตัวหญิงสาวออกไป ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งขรึมยังคงนิ่งเฉยเดาอารมณ์ไม่ได้ ราวกับคนตรงหน้าไม่มีผลกระทบต่อเขาแต่ก็เหมือนมี น้ำตาของเธอก็ดี ท่าทางสำนึกผิดแทบขาดใจก็ดี ล้วนแล้วแต่กระตุ้นให้ความเจ็บปวดในวันวานผุดพรายขึ้นมา เขาไม่อยากกลับไปอยู่ในวังวนนั้นอีก ไม่อยากเจอเธออีก คนๆ นี้ตายไปจากใจเขานานแล้ว

“มีธุระอะไร?” น้ำเสียงคุณานนท์เหินห่าง แรกพบหน้าเขาอาจตั้งตัวไม่ทัน แต่ตอนนี้ปรับอารมณ์ได้แล้ว

“ริน…ฮึก! รินมาหาพี่คราม พี่คราม เรากลับมาคืนดีกันเถอะนะ รินขอโทษ รินสำนึกผิดแล้ว”

นันท์นรีหรี่ตามองประเมินหญิงสาวที่สะสวยดูดีตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า รูปร่างของหล่อนแทบไม่มีส่วนไหนด้อยเลย อกใหญ่เอวบางบั้นท้ายงอน น้ำเสียงก็ออดอ้อนอ่อนหวานราวกับกินน้ำตาล เป็นคนสวยแบบที่ไม่ว่าผู้ชายคนไหนเห็นแล้วก็ต้องหวั่นไหว แค่บีบน้ำตานิดหน่อยใครต่างก็ต้องนึกสงสารอยากปลอบ คุณานนท์กลับหมางเมินเช่นนี้ นันท์นรีใจชื้นขึ้นมาบ้าง แต่ก็ไม่มากนัก เพราะอีกฝ่ายช่างรูปโฉมสวยหยาดเยิ้มจริงๆ

แฟนเก่าคนนี้ถ้าดื้อด้านมาตามตอแยเขาแข่งกับเธอล่ะ ก็ไม่แน่ว่าถ่านไฟที่มอดไปแล้วอาจจะคุโชนขึ้นมาอีกก็ได้ ด้วยความกังวล ตนเองก็ไม่เก่งเรื่องรักๆใคร่ๆสักเท่าไหร่ นันท์นรีตัดสินใจเข้าไปคล้องแขนข้างหนึ่งของคุณานนท์

“พี่คราม นี่ใครเหรอคะ ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา ไม่เห็นพี่เคยเล่าให้หนูนาฟังเลย”

คนโดนถามแอบเหล่ตามองมาพลางตอบว่า “อดีตคนรู้จัก ธุระกงการอะไรที่พี่ต้องเล่าให้เธอฟัง”

นันน์นรีหน้าง้ำ ยิ่งกอดท่อนแขนล่ำของพี่ชายสุดที่รักแน่น “ออ แค่อดีตคนรู้จักเหรอคะ หนูนานึกว่าเพื่อนพี่ซะอีก” จากนั้นนันท์นรีก็หันไปยิ้มให้หญิงสาวอย่างมีไมตรี “สวัสดีค่ะ หนูนาค่ะ เป็นแฟนใหม่พี่คราม”

คุณานนท์ขมวดคิ้วเข้มใส่เธอ แกะมือน้อยๆ ของเธอออกจากการเกาะเกี่ยวตนเอง ไม่มัวเสวนากับแฟนเก่าที่อุตส่าห์ดั้นด้นเดินทางขึ้นเหนือมาหาถึงไร่องุ่น กลับขึงขังแล้วคว้าตัวเด็กสาวจอมสร้างเรื่องไปคุยกันที่ห้องทำงาน ดารินที่ถูกทิ้งให้อยู่ด้านหลังมองตามตาปริบๆ พลางครุ่นคิด

ก่อนหน้าจะได้เจอคุณานนท์ เธอสืบข้อมูลของเขามาพอสมควรแต่ไม่เคยได้ยินว่าอดีตแฟนหนุ่มพบรักใหม่ ดารินพลันนึกขึ้นมาได้ว่าคนงานในไร่องุ่นเหมือนจะเอ่ยถึงเด็กสาวไร่ส้มให้ฟัง หรือคนเมื่อกี้ก็คือเด็กสาวคนนั้นกัน

ทางด้านนี้ ในห้องทำงานส่วนตัวของพ่อเลี้ยงหนุ่ม จู่ๆ ถูกผลักเข้ามาจนเซ นันท์นรีแววตาเจือความน้อยอกน้อยใจ โมโหอะไรอีก หรือเพราะเธอแสดงท่าทีสนิทสนมต่อหน้าแฟนเก่าของเขาเลยพาลโกรธ

“เมื่อกี้พูดอะไร พี่บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าทำให้คนอื่นเข้าใจผิด”

“เข้าใจผิดตรงไหนคะ ก็หนูนา…” เขาไม่เคยขอเธอเป็นแฟน ครั้นจะทึกทักเอาเองก็ออกจะไร้ยางอายอยู่บ้าง นันท์นรีจึงก้มหน้างุด รู้สึกไม่พอใจแต่ก็ไม่สามารถเรียกร้องจากใครได้

“ก็อะไร พี่แค่เอากับเธอไม่กี่ครั้งก็นับว่าเป็นแฟนแล้วเหรอ เธอคิดฝันเกินไปจนล้ำเส้น ถ้ามีครั้งที่สองไม่ต้องมาที่นี่อีก”

“ออ หนูไม่ได้พูดครั้งแรกนี่ แต่พี่ไม่เคยโกรธขนาดนี้ เป็นเพราะว่ากลัวแฟนเก่าเข้าใจผิดใช่ไหมเลยโมโห ใช่สิ แค่แวบเดียวหนูก็มองออกแล้วว่าพี่ดีใจที่ได้เจอเธอ เธอกอดพี่ก็ไม่ผลักออก ทั้งที่หนูก็อยู่ด้วย สวยขนาดนั้นไม่คืนดีสิแปลก”

นันท์นรีน้อยใจเกินจะกล่าว รีบไปเก็บเอาปิ่นโตอาหารโดยไม่มองคนด้านหลังแม้แต่น้อย กุลีกุจออยู่สักครู่ก็หอบข้าวของออกจากห้องไป ตอนเดินผ่านส่วนของบ้านพักรับรองแขก เห็นแวบๆ ว่าหญิงสาวสะสวยจากกรุงเทพคนนั้นขนของเข้าไปอยู่แล้ว โดยมีพนักงานของไร่องุ่นอำนวยความสะดวก นันท์นรีก็ยิ่งหึงหวง

“ก็แค่แฟนเก่า คอยดูเถอะ หนูไม่ยอมง่ายๆ หรอก”วันนี้ขอกลับไปตั้งหลักก่อน ไว้ใจเย็นแล้วจะมาใหม่

“อ้าว! ลืมโทรศัพท์” นันท์นรีเคาะศีรษะตนเอง โทรศัพท์เอาไว้ติดต่องาน เมื่อกี้ตนน้อยใจมากไปเลยลืมหยิบมาด้วย คนในห้องนั้นคงออกไปดูงานในไร่แล้ว เธอกลับเข้าไปแปบเดียวก็น่าจะไม่เจอ หญิงสาวหน้าบูดบึ้งเดินผ่านส่วนต้อนรับอีกครั้ง พนักงานซึ่งทำหน้าที่ประจำอยู่หลังโต๊ะมองเธอยิ้มๆ แต่นันท์นรีก็ไม่สะท้าน เธอเข้าไปในห้องของทำงานของพ่อเลี้ยงหนุ่มอย่างถือวิสาสะ ไม่คาดว่าเขายังไม่ไปไหน

คุณานนท์มองหญิงสาวที่ทำกระฟัดกระเฟียดใส่เขา รู้สึกหมั่นไส้และอยากแกล้งขึ้นมาจึงบ่นว่า “กาแฟหมดพอดี เธอชงได้ไม่เลว ไปชงมาให้หน่อย”

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ