ตอนที่ 6 ทำตัวเหลวไหล

แม่หวานเห็นลูกหลานคนยศศักดิ์ใหญ่กว่าข่มขวัญนันท์นรี ด้วยความเป็นแม่ไม่มีทางที่จะทนรับการแสดงออกไม่ให้เกียรติแบบนี้ได้ จึงดันตัวลูกสาวขึ้นมาเล็กน้อย ยิ้มแย้มภาคภูมิใจ น้ำเสียงฟังฉะฉาน “นี่คือลูกสาวของน้าเอง ชื่อหนูนา พึ่งเรียนจบจากเชียงใหม่ เกียรตินิยมเหรียญทองอันดับหนึ่งของคณะ หนูกานอาจจะไม่เคยเจอหน้า หนูนาไหว้พี่เค้าสิลูก”

มารดาขนเอาขิงข่าตะไคร่มาเต็ม นันท์นรีกระดากอายอยู่บ้าง เหมือนลูกสาวของป้าข้างบ้านที่ชอบอวดลูกตัวเองก็ไม่ปาน แต่ต่อหน้าคู่แข่งย่อมไม่อาจดูด้อยได้ เธอจึงยิ้มถ่อมตนพลางมองวิกานดา “สวัสดีค่ะ หนูนายังเป็นมือใหม่ ได้ยินว่าพี่กานทำรีสอร์ทบนเขามานานหลายปี แถมยังประสบความสำเร็จดังมากๆ ในช่วงนี้ หนูนาเห็นพี่เป็นไอดอลเลยนะคะ”

พูดถึงรีสอร์ทบนเขาที่กำลังเป็นกระแสในอินเตอร์เน็ต วิกานดายิ้มแห้งเกือบจะหลุดโมโหต่อหน้าผู้ใหญ่ทุกคน ประสบความสำเร็จ คำนี้ตรงกันข้ามกับสถานการณ์ปัจจุบันของรีสอร์ทเธอสิ้นเชิง ชาวบ้านกำลังฟ้องร้องทวงคืนพื้นที่ป่าอุทยาน หญิงสาวตรงหน้ากลับหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาพูด จงใจจะทับถมเสียดสีหรือเปล่า

“พี่ครามจ๊ะ ไว้ว่างๆ 0พี่ลองไปพักที่รีสอร์ทของกานดูนะ กานจะดูแลพี่เอง” วิกานดาไม่สนใจหญิงสาวอ่อนวัยกว่า หันไปพูดกับคุณานนท์ด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ดวงตาพราวระยับ ความในใจแทบจะสื่อออกมาผ่านการมองที่แสนลึกซึ้งแล้ว

คุณานนท์ไม่ตอบสนอง หากเป็นเขาเมื่อก่อนคงสุภาพกับหญิงสาวทุกเพศทุกวัยกว่านี้ ชายหนุ่มเพียงถอยแขนที่ถูกเกาะเกี่ยวออกอย่างเป็นธรรมชาติ เว้นระยะให้พอเหมาะพอควรเลี่ยงการเข้าใจผิด ทั้งคู่ต่างก็เป็นผู้ใหญ่ การแสดงออกนี้จึงทำให้เข้าใจได้ไม่ยาก วิกานดาที่ออกตัวแรงพึ่งเคยโดนเมิน สีหน้าจึงกระอักกระอ่วน ตนก็ไม่ใช่จะขี้ริ้วขี้เหร่อะไร หน้าตาสะสวยไม่น้อยไปกว่าลูกกำนันเล็กเลย ไฉนเขาถึงไม่เกรงใจเห็นแก่สถานะของเธอสักนิด

วิกานดาตำหนิด่าทอนันท์นรีในใจ ถ้าไม่ใช่เพราะนังเด็กนี่พูดมาก พี่ครามก็คงไม่มีท่าทีเหินห่าง น่าโมโหนัก

นันท์นรีส่งสายตาให้เจ้าของงานวันเกิด จากนั้นเดินตามมารดาไปนั่งโต๊ะเดียวกันกับพวกนายอำเภอ คุณลุงคุณป้าแล้วก็พ่อกับแม่ ลูกคนรองของนายอำเภอเป็นชายหนุ่มรุ่นราวไล่เลี่ยกันกับเธอ พอเขาเห็นนันท์นรีก็เบิกตาตกตะลึง ไม่คาดว่าในอำเภอนี้ยังมีคนสวยสะพรึงเช่นหญิงสาวอยู่

"สวัสดีครับ ผมชลน่าน ลูกชายคนรองของนายอำเภอนะครับ ยินดีที่ได้รู้จัก" ชายหนุ่มแนะนำตัวพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้นันท์นรี

"สวัสดีค่ะคุณชลน่าน ดิฉันนันท์นรี หรือจะเรียกหนูนาก็ได้ค่ะ" เธอยกมือขึ้นไหว้อย่างสุภาพ

“แหม! น้องหนูนาจะมาเรียกคุณ เคินอะไรกันครับ เรียกพี่น่านก็ได้ พ่อกำนันกับพ่อพี่ก็คนคุ้นเคยกัน” ชลน่านได้ทีเอ่ยหยัดเหยียดความสนิทสนมให้อย่างตั้งใจ

“น้องหนูนาไม่พาแฟนมาด้วยเหรอครับ”

“ยังไม่มีแฟนค่ะ แต่มีคนที่ชอบแล้ว” นันท์นรีตอบตามตรง ไม่ให้อีกฝ่ายได้ตั้งความหวังใดเกี่ยวกับตัวเธอเด็ดขาด

“มีคนที่ชอบแล้ว เอ๋? แสดงว่ายังไม่คบกันใช่ไหมครับ อย่างนี้พี่ก็พอมีโอกาสอยู่น่ะสิ”

ลูกชายนายอำเภอขึ้นชื่อว่าตื๊อสาวเก่งสุดยอด เจ้าชู้เล่นคำ จีบใครต้องได้คนนั้น ไม่งั้นเสียสถิติ นันท์นรีไม่เคยสุงสิงกับเขายังเคยได้ยินกิตติศัพท์เรื่องผู้หญิงมาไม่น้อย แน่นอนว่าเธอไม่อยากยุ่งกับผู้ชายชีกอพรรค์นี้

“อีกเดี๋ยวก็จะคบเป็นแฟนแล้วค่ะ พี่น่านล้อเล่นแล้ว สาวๆ ของพี่เยอะซะขนาดนั้น รู้เข้าคงดักฆ่าหนูนาแน่”

“พี่เคลียร์ได้ เลิกหมดเลย ถ้าหนูนาไม่สบายใจ พี่จะไปบวชเพื่อตัดขาดสักเจ็ดวันแล้วค่อยมาจีบเราดีไหม”

“ฮาฮ่า พี่ครามคะ พี่ตัดสินใจได้หรือยังว่าจะคบกับหนูนาเมื่อไหร่ พี่น่านเขาบอกว่าบวชครบเจ็ดวันแล้วจะมาจีบหนู”

ชายหนุ่มที่นั่งด้านข้างเหลือบมองใบหน้าเล็กจิ้มลิ้ม จากนั้นมองลูกชายนายอำเภอแล้วกล่าวเสียงต่ำ “อย่าเหลวไหล”

อย่าเหลวไหลนี้หมายความว่าห้ามเธอพูดจาไปเรื่อย เขาไม่ได้จะคบกับเธอสักหน่อย แต่พอลูกชายนายอำเภอได้ยินกลับเข้าใจไปคนละอย่าง อย่าเหลวไหลในสายตาของคนนอกคือ นันท์นรีอย่าเหลวไหลทอดสะพานให้ชายอื่น เป็นเหมือนคำเตือนปนความหึงหวงกรายๆ คุณานนท์ทำงานไร่ลำตัวจึงหนาอัดแน่นไปด้วยมัดกล้าม เทียบกับลูกชายนายอำเภอที่ตัวบางกว่าสามเท่า ผิดใจกันเรื่องผู้หญิงขึ้นมาย่อมได้ไม่คุ้มเสีย

วิกานดาได้ยินพลันตกใจ อย่าบอกว่านันท์นรีกับคุณานนท์มีลับลมคมในกันนะ ไม่สิ ไม่น่าจะใช่ สอบถามบิดามาแล้ว พ่อเลี้ยงไร่มั่นรักยังไม่แต่งงานนี่ หรือเด็กสาวคนนี้จะเป็นแค่คนชั่วครั้งชั่วคราว ไม่ถือว่าจริงจัง

คิดได้ดังนั้นค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย ก็แค่เด็กน้อยคนหนึ่ง ให้เล่นด้วยคงสนุกสดใหม่ตามประสา แต่หากจะยกมาตบแต่งเป็นเมีย นับว่ายังเร็วเกินไป ด้วยวุฒิภาวะของคุณานนท์และนิสัยถือตัวหยิ่งทะนง ป่านนี้แล้วย่อมต้องเลือกแม่ของลูกให้ดี เขาไม่มีทางคว้าเอาเด็กง้องแง้งที่มีแค่รูปโฉมไร้สาระแน่ วิกานดาปรับอารมณ์จนใจชื้นจึงชวนชายหนุ่มคุยเล่น อีกด้านก็ส่งสายตาเป็นสัญญาณให้น้องชายกันท่านันท์นรีเอาไว้ แต่เขาหรือจะกล้าหยอกผู้หญิงของพ่อเลี้ยงครามต่อหน้าต่อตาเจ้าตัว แม้พี่สาวสั่งมาก็จำต้องทำเป็นมองไม่เห็น

เสี่ยสินคำและแม่ชมพูจับจูงกันขึ้นไปบนเวที หลังจากทักทายกันพอหอมปากหอมคอฝ่ายญาติผู้ใหญ่เรียบร้อยแล้ว เสี่ยสินคำก็กล่าวเปิดงานอย่างเป็นทางการ พร้อมเรียกลูกชายหัวแก้วหัวแหวนขึ้นไปแนะนำตัว

"นี่ไงครับ ลูกชายคนเดียวของผม คุณานนท์ หรือพ่อเลี้ยงครามของใครหลายคน ตอนนี้เขากลับมาช่วยดูแลไร่มั่นรักได้สองปีแล้ว" เสี่ยสินคำเอ่ยอย่างภูมิใจ

แม่ชมพูกระซิบเสียงดังพอให้ได้ยิน "ปีนี้ฤกษ์ดี เลยจัดงานใหญ่หน่อย อีกอย่าง...ก็ถือโอกาสมองหาลูกสะใภ้ไปด้วยเนอะ ลูกชายบ่ายเบี่ยงนานละ"

เสียงหัวเราะและเสียงฮือฮาดังขึ้นจากผู้ร่วมงาน โดยเฉพาะฝ่ายหญิงสาวที่ต่างพากันกรี๊ดกร๊าดเสียงดัง แม้หลายคนจะรู้อายุที่แท้จริงของคุณานนท์ แต่ก็ยังหลงใหลในรูปร่างหน้าตาและเสน่ห์ของเขาอยู่ดี

นันท์นรีในฐานะหนึ่งในแขกผู้มีเกียรติ ก็มองตามคุณานนท์อย่างตะลึงเช่นกัน เธอรู้สึกหลงใหลในตัวเขามากขึ้นทุกครั้งที่ได้เห็น แม้ก่อนหน้านี้คุณานนท์จะเคยหมางเมินเธอ แต่นันท์นรีก็ไม่เคยขุ่นเคืองใจเลยแม้แต่น้อย

"ตายละ...พ่อเลี้ยงครามเขาหล่อกร้าวใจมากแม่" เสียงของหญิงสาวที่นั่งอยู่โต๊ะด้านหลังของนันท์นีเอ่ยขึ้นเสียงไม่เบา

"จริงด้วย ยิ่งมองยิ่งตกหลุมรักเขาเลยแก" เพื่อนสาวอีกคนก็เอ่ยสนับสนุนอย่างไม่ให้น้อยหน้ากัน

"แหม...ตาลุกวาวขนาดนั้น อย่าบอกนะว่าเธอก็กำลังจะสมัครเป็นลูกสะใภ้เสี่ยสินคำน่ะ"

คนที่ถูกถามหันไปมองหน้าเพื่อน ก่อนจะอมยิ้มน้อยๆ แล้วตอบว่า "ก็...ถ้ามีโอกาสนะ ใครจะปฏิเสธ จริงมั้ยล่ะ"

เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นท่ามกลางงานเลี้ยง ในขณะที่สายตาของนันท์นรีก็ยังคงจับจ้องไปที่คุณานนท์บนเวที ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ในใจก็ได้แต่กร่นด่ากับเจ้าของวันเกิดที่ดันกลายเป็นหนุ่มเนื้อหอมไปได้

แหม สาวน้อยสาวใหญ่ก็ไม่เว้นนะพี่คราม

งานเลี้ยงดำเนินไปถึงสี่ทุ่ม บิดาที่ดื่มกับลุงสินคำจนเมาแอ๋คอพับอยู่ต่อไม่ไหว มารดาจึงจำต้องพากลับบ้านก่อน ส่วนนันท์นรีขออยู่ต่ออีกหน่อย ขืนไปเร็วพวกที่จ้องจะแย่งปลาย่างกลิ่นหอมกรุ่นคงได้ตะปบกรงเล็บลงบนตัวคุณานนท์แน่ สายตาวิกานดาพราวระยับเหม่อมองคนโจ่งแจ้งขนาดนั้น ไม่อยู่เป็นไม้กันหมาก็แย่สิ

ขนาดว่าเฝ้าไม่ให้คลาดสายตาแล้ว ก็ยังพลาด เพื่อนที่เคยเรียนมัธยมด้วยกันเข้ามาชวนคุยพอดีกับจังหวะที่คุณานนท์เดินจากโต๊ะไปห้องน้ำ หันมาอีกทีวิกานดาก็หายไปแล้ว นันท์นรีร้อนใจผุดลุกขึ้นตามออกไปดูทันที

“พี่ครามจ๊ะ ให้กานพากลับไปนอนนะ บ้านพี่อยู่ทางนู้นใช่ไหม มาจ้ะ ค่อยๆ เดิน”

หญิงสาวเข้าไปประคองท่อนแขนล่ำสันเอาไว้ สีหน้าเป็นห่วงเป็นใยแต่ในใจกลับกระหยิ่มยิ้มย่อง เมาแล้วดูเหมือนว่าความถือตัวหยิ่งทะนงจะลดลงไปไม่น้อย ไม่อย่างนั้นคงไม่ยอมให้เธอเข้าประชิดตัวได้ ก้อนเนื้อนุ่มเบียดแนบนำไปก่อน พอถูกดันออกวิกานดาก็ไม่ถอย ตัวเธอราวกับยางยืดที่ดีดกลับโผนเข้าไปแปะหนึบเซ้าซี้ชายหนุ่มอีกครั้ง

“พี่คราม!” เสียงเรียกหวานใสลอยมาจากทางด้านหลัง นันท์นรีเดินปรี่เข้าไปหาคนทั้งสองซึ่งกำลังยื้อยุดกันอยู่ในมุมมืด “พี่กานคะ พ่อพี่กานกำลังตามหาอยู่ค่ะ บอกว่ามีเรื่องสำคัญจะแนะนำพี่กานให้รู้จักกับใครสักคน”

“ห๊ะ! พี่ไม่ว่าง ฝากน้องหนูนาไปบอกพ่อให้หน่อย พี่ต้องดูแลพี่คราม”

นันท์นรีเข้าไปช่วยประคองแขนอีกข้างของคนเมา “ไม่รบกวนพี่กานหรอกค่ะ หนูนาดูแลพี่ครามเองได้”

“หื้ม? เป็นสาวเป็นนาง มันไม่ค่อยเหมาะสมหรือเปล่าจ๊ะ” วิกานดาเชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองได้ยินมา คุณานนท์เลิกกับแฟนสาวไปนานแล้ว ตอนนี้โสด ยัยเด็กน่าหมั่นไส้นี่โผล่มาจากไหน

“เรากำลังศึกษาดูใจกันค่ะ พี่ครามมานี่เลย เมาแล้วเดี๋ยวหนูนาพาไปนอน”

คุณานนท์เอนตามแรงดึงของหญิงสาว แขนข้างที่โดนวิกานดาเกาะเกิดความรำคาญนานแล้วจึงชักกลับ เปลี่ยนไปโอบพิงอยู่บนตัวนันท์นรีแทน เขากอดเธอจริงๆ ทั้งยังพูดว่า “รำคาญ ไปนอนได้แล้ว”

นันท์นรีอึ้ง ไม่คิดว่าคุณานนท์จะยินยอมให้เธอเป็นคนช่วยเขา “ขอตัวก่อนนะคะพี่กาน พี่ครามเขาอยากนอนแล้ว”

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ