ตอนที่ 15 ไม่สบอารมณ์

ตั้งแต่ที่ไร่มั่นรักทำข้อตกลงกับไร่ฟ้าอุ่นเปิดรับนักท่องเที่ยวมาชมไร่องุ่นฝึกขี่ม้า บรรยากาศในแต่ละวันคึกคักไม่เคยเงียบเหงา แม่ชมพูภรรยารักของเสี่ยสินคำรับหน้าที่ดูแลจัดการในส่วนนี้ด้วยตนเอง แถมยังขยับขยายเปิดคาเฟ่ตกแต่งสไตล์ยุโรปหน่อยๆ ไว้คอยบริการหลังขี่ม้าเสร็จ ภาพรวมของไร่มั่นรักจึงให้ความรู้สึกเหมือนได้เที่ยวชนบทในต่างประเทศ เวลาเพียงไม่นานกลับเป็นที่รู้จักโด่งดังในอินเตอร์เน็ต คนจึงแห่แหนมาเที่ยวกันเต็ม รีสอร์ทของนันท์นรีซึ่งไปมาหาสู่ใกล้ที่สุดพลอยมีคิวจองห้องพักยาวไปถึงสองปีกว่าด้วยเหตุนี้

กลิ่นหอมลอยแตะที่ปลายจมูกทันทีเมื่อก้าวขาลงบันไดมาชั้นล่าง ที่โต๊ะอาหารไม่เห็นคน แต่กลับมีจานชามวางพร้อม คุณานนท์จึงเดินไปดู ท่าทีไม่แปลกใจเพราะคนๆ เดียวที่มักจะมาวุ่นวายอยู่ในบ้านของเขาเห็นจะมีแค่ยัยเด็กจุ้นจ้านคนเดียว ชายหนุ่มนั่งลงที่หัวโต๊ะ หลังบาร์ทำอาหารหญิงสาวพอรับรู้ได้ว่ามีคนอยู่ด้านหลังพลันหันหน้ามามอง

“ตื่นเช้าเหมือนเดิมเลยนะคะ พี่ครามไม่ค่อยชอบกินพวกอาหารมันเยิ้มตอนเช้า รินเลยไปที่ห้องครัวทำข้าวต้มกับเครื่องเคียงมาให้ค่ะ” ดารินประคองผัดผักหน้าตาน่ารับประทานมาเสิร์ฟ หล่อนสวมผ้ากันเปื้อน เส้นผมมัดรวบ ท่าทางราวกับภรรยาสาวไม่ก็คู่แต่งงานใหม่ประมาณนั้น

“ใครให้เธอเข้ามาที่นี่” พอไม่ใช่คนที่คิด ชายหนุ่มชักสีหน้าเข้มใส่ทันที

บ้านของเขาใครอยากเข้าอยากออกก็ทำได้ตามใจเหรอ ดารินโดนขมวดคิ้วใส่ก็นึกไม่ถึง แถมคุณานนท์ยังพกบรรยากาศไม่ต้อนรับแขกและแปลกหน้ามาทำลายความตั้งใจดีของเธอด้วย แล้วยังไง ในเมื่อจะง้อขอคืนดีแล้ว แค่นี้ไม่นับว่ารุนแรง คุณานนท์กับเธอคบกันมาห้าปี ความรักความผูกพันต้องยังหลงเหลืออยู่บ้างแน่นอน อดทนไว้สักหน่อย ไม่นานเขาจะต้องใจอ่อนกลับมาเป็นแฟนหนุ่มที่น่ารักและเอาใจใส่เธอเหมือนเดิม

“พี่คราม พี่คราม ตื่นหรือยังคะ” เสียงหวานใสราวกับนกแก้วลอยมาจากหน้าบ้าน พอคนตัวเล็กผมถักเปียกสองข้างก้าวขาเข้ามา ก็ถูกภาพที่ชายหนุ่มหญิงสาวกำลังร่วมรับประทานอาหารด้วยกันทำให้เท้าสะดุด นันท์นรีจับจ้องไปที่คนทั้งคู่ แต่ไม่ได้หันหลังกลับ ความสุขที่ได้รับเมื่อคืนวานก่อนนอนทำให้เธอยิ่งไม่อยากเสียคุณานนท์ให้ใคร

สาวน้อยเดินเข้าไป มองอาหารบนโต๊ะแวบหนึ่ง “กำลังกินข้าวกันอยู่เหรอคะ หนูนาทำแกงเผ็ดมาฝาก แล้วก็มีทอดมัน ผัดถั่วงอกใส่ไข่” นันท์นรีเปิดหีบห่อกระจายออกมาทีละชั้นของปิ่นโต มือหนึ่งเลื่อนพวกเครื่องเคียงข้าวต้มที่วางอยู่ก่อนออกไปอย่างเป็นธรรมชาติ

“พี่ครามเขาไม่ชอบกินของมันของทอด เช้าๆ แบบนี้ยังมีแกงเผ็ดอีกจะไม่ดีต่อกระเพาะหรือเปล่า พี่ครามไม่ชอบถั่วงอกด้วย เวลาสั่งก๋วยเตี๋ยวจะไม่เอาตลอด ของพวกนี้เก็บไว้กินช่วงเที่ยงน่าจะได้ แต่เช้าๆ คงไม่ไหว” ดารินกล่าวอย่างผู้รู้

“เอ๋? ทำไมพี่ไม่เคยบอกหนูนาเลยคะ เห็นทำมาทีไรก็กินหมดตลอด หนูนานึกว่าพี่ชอบซะอีก แล้วก็ข้าวต้มกับเครื่องเคียงพวกนี้ไม่น่าจะอยู่ท้องหรอกค่ะ พี่ครามชอบใช้แรง แปบเดียวคงหิวแล้ว” นันท์นรีตักกับข้าวให้ชายหนุ่ม

เขาไม่พูดอะไรก็จับช้อนมาตักอาหารเข้าปาก ทอดมัน แกงเผ็ดหรือแม้แต่ผัดถั่วงอกใส่ไข่ล้วนแล้วแต่ไม่เกี่ยงงอน

คุณานนท์ที่เปลี่ยนไปเช่นนี้ดูราวกับไม่ใช่คนที่ดารินเคยรู้จักมาก่อน วินาทีแรกที่ได้เจอเขา ชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งมีกลิ่นอายน่ายำเกรงเข้มข้น บุคลิกสะท้อนคำว่าดิบเถื่อนเด่นชัด แถมยังมีบารมีเป็นที่นับหน้าถือตาดังไปถึงแวดวงไฮโซในกรุงเทพ ใบหน้าที่มักจะอ่อนโยนเปลี่ยนเป็นเย็นชา ไม่เจอกันปีกว่าๆ แฟนเก่าคนนี้เสมือนคนใหม่ก็ไม่ปาน

“เมื่อวานฉุกละหุกยังไม่ได้แนะนำตัว พี่ชื่อดาริน ตอนนี้เป็นผู้ช่วยคนสนิทของพี่ครามนะจ๊ะ”

นันท์นรีแทบไม่สนใจดาริน เอาแต่มองคุณานนท์กินอาหารที่เธอทำอย่างปลื้มอกปลื้มใจ แต่คำว่าผู้ช่วยมันฟังแล้วแสลงหูแปลกๆ “ที่ไร่ยังมีผู้ช่วยไม่พอเหรอคะ พี่ครามรับคนเพิ่มตั้งแต่เมื่อไหร่”

คุณานนท์ก็ไม่ทราบเหมือนกัน เรื่องรับพนักงานใหม่ไม่ใช่เขาที่มีหน้าที่จัดการ “เธอมาสมัครงานที่นี่ ใครอนุญาต”

“คุณแม่ท่านอนุญาตเองค่ะ รินจะมาช่วยท่านดูแลคาเฟ่ ท่านเห็นว่ารินคุยกับแขกเป็น แล้วก็บุคลิกดี”

“ไปลาออกแล้วกลับกรุงเทพซะ ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเธอ”

นันท์นรีแอบพยักหน้าหงึกๆ มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลย คนเก่าคือคนเก่า อย่ามาอยู่ขวางหูขวางตาพี่คราม ดารินถูกไล่ก็น้อยใจจนดวงตาเริ่มแดง คุณานนท์ไม่เคยใจร้ายกับเธอขนาดนี้มาก่อน เขาถนอมเธอมาก พอโดนครั้งแรกก็ทำใจยอมรับไม่ได้ น้ำตาที่อยู่ตื้นเสียยิ่งกว่าอะไรพลันค่อยๆ ไหลริน

นันท์นรีมองอย่างตื่นตะลึง ร้องไห้อีกแล้ว สองวันก็สองรอบ นี่ถ้ามาโดนคุณานนท์ปากร้ายใส่ตลอดเวลาเหมือนเธอจะไม่ตาบวมเป็นผึ้งต่อยเลยเหรอ…ร้องก็ร้องแล้ว คุณานนท์กินข้าวอิ่มพอดีจึงออกไปทำงานที่ไร่ นันท์นรีก็ตามเขาออกไป

ด้านหลังเหลือเพียงดารินที่ยังส่งเสียงกระซิกๆเจ็บปวด ครั้นไม่มีใครอยู่ในบ้าน หญิงสาวยกมือปาดน้ำตาลวกๆ สีหน้าอ่อนแอบอบบางเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน

คุณานนท์ยังโกรธเธออยู่ก็ไม่เป็นไร เรื่องง้อขอคืนดีมันอาจต้องใช้เวลาหน่อย แต่ยัยเด็กคนนั้นน่ะสิ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา กระทั่งฐานะทางบ้านล้วนประมาทไม่ได้ ถ้าไม่รีบเขี่ยออกไปต้องกลายเป็นเสี้ยนหนามขัดขวางเธอแน่ เมื่อวานได้ถามมารดาของแฟนเก่าไปแล้วจึงทราบว่ายัยเด็กคนนั้นไม่ใช่แฟนใหม่ของคุณานนท์ เธอยิ่งจะไม่ยอมแพ้

“พ่อเลี้ยงสวัสดีครับ” คนงานบริเวณสนามขี่ม้ากล่าวทักทายคุณานนท์ พอเห็นนันท์นรีเหมือนนึกบางอย่างขึ้นมาได้จึงป้องปากตะโกนไปยังสนามหญ้ากว้าง “คุณครับ คุณหนูนามาแล้วครับ”

ชายหนุ่มซึ่งกำลังขี่ม้าอย่างคล่องแคล่วอยู่ในสนามหญ้าได้ยิน พลันโบกไม้โบกมือแล้วเร่งควบม้าตรงไปยังจุดที่นันท์นรียืนอยู่ น้ำเหนือกระโดดลงมา ไม่พูดไม่จาแต่สีหน้าตื่นเต้นเต็มทีรีบคว้าเอาแขนท่อนเล็กของหญิงสาว จากนั้นอุ้มเธอขึ้นไปนั่งบนหลังม้า นันท์นรีมึนตึ๊บ ยังไม่ทันจะได้ถามสักคำน้ำเหนือก็กระโดดตามมาซ้อนหลัง กระตุกเชือกทีเดียวม้าหนุ่มก็ทะยานออกไป

“ว้าย! ทำอะไรของเหนือเนี่ย! ว้าย!” นันท์นรีแม้จะมีบ้านอยู่ใกล้กับไร่องุ่นมั่นรัก มีความสามารถขี่ม้าได้งูๆปลาๆ แต่ไม่เคยใช้ความเร็วขนาดนี้จึงตกใจ

น้ำเหนือฟังเสียงเธอกรี๊ดไปสักครู่ก็หยุดปรับให้ม้าวิ่งช้าลงหน่อย “กลัวเหรอ ไหนบอกว่าขี่เป็นไง”

“ขี่เป็นแต่ไม่เคยเร็วขนาดนี้ เมื่อกี้หมวกหลุดแล้ว พาหนูนากลับไปเอาเลย” เธอล่ะอยากจะตีเพื่อนคนนี้ให้ตายจริงๆ

น้ำเหนือพาเธอกลับมาเก็บหมวกก่อนค่อยไปส่งที่เดิม พอลงจากหลังม้าได้นันท์นรีก็ตีไปที่ต้นแขนของเขาอย่างเคืองแค้น “แกล้งใช่ไหมเมื่อกี้ รู้อยู่แล้วว่าหนูนาไม่ชอบยังจะเล่นไม่ดูอีก ตีให้ตายวันนี้แหละ คนบ้า!”

น้ำเหนือยอมให้เธอทุบตี แต่บางครั้งก็เบี่ยงหลบแอบแหย่ยั่วให้เธอโมโห สองหนุ่มสาวเทียวผลักเทียวดึงกันไปมา แลดูแล้วกลายเป็นภาพน่ารักที่ทำให้คนโดยรอบอมยิ้ม แต่ไม่ใช่จะทั้งหมด คุณานนท์ในมุมหนึ่งกำลังคุยกับคนงาน อีกด้านถูกเสียงด่าทอหวานใสของหญิงสาวรบกวนสมาธิ เธอโกรธจนหน้าแดง เด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันยิ่งแกล้งไม่หยุด

หน้าตาของผู้ชายคนนี้ไม่เลวเลย ตัวสูงแขนขายาว แม้ดูไม่ล่ำสันหุ่นบางอย่างกับพวกคุณชายคุณหนู แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าพออยู่กับนันท์นรีแล้ว มีความกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียว ไม่ใช่ต่างขั้วเช่นเมื่อยามอยู่กับเขา

ความคิดเช่นนี้ทำให้คุณานนท์รู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างแปลกประหลาด สองคนนั้นตีกันอยู่สักพักใหญ่ หญิงสาวที่หอบหายใจหน้าดำหน้าแดงถึงได้สังเกตเห็นสายตาของคุณานนท์ เธอวิ่งมาหา ด้านหลังน้ำเหนือก็ตามมาติดๆ

“พี่ครามนี่เพื่อนของหนูนาค่ะ มาเที่ยวที่รีสอร์ทประมาณสองสัปดาห์”

“อืม”

ดูไปก็ไม่ใช่ชายหนุ่มที่จะมาเป็นคู่แข่ง น้ำเหนือรู้สึกว่าอย่างคุณานนท์คงมีเมียมีลูกแล้ว ความระแวดระวังจึงลดลง

“สวัสดีครับพี่เขย พี่คงเป็นพี่ชายที่หนูนาชอบเล่าให้ผมฟังบ่อยๆ ผมน้ำเหนือครับ”

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ