“อร่อยดี สมแล้วที่พ่อคุณภูมิใจ”
ที่รักรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนหลายบุคลิก เพราะแค่ช่วงเวลาไม่กี่นาทีมานี้เธอเปลี่ยนอารมณ์ไปมาเกือบสิบอารมณ์แล้ว
เธอกลัวและประหม่าตอนถูกกันต์ธีเรียกพบ เธอดีใจตอนที่รู้ว่าอีกฝ่ายเพียงจะใช้ให้ไปชงกาแฟ ไม่ได้จะเรียกไปคุยเรื่องอื่น เธอภูมิใจตอนที่กาแฟที่ตัวเองชงมามันถูกปากกันต์ธี และสุดท้ายคือเธอเขินอาย
ใบหน้าที่เรียบนิ่งมาตลอดตอนนี้คลี่ยิ้มออกมาเล็ก ๆ อย่างไม่ทันให้ตั้งตัว รอยยิ้มนั้นมันเสริมสร้างเสน่ห์ให้กันต์ธีดูดีขึ้นอีกหลายเท่าตัว จนที่รักซึ่งเห็นภาพนั้นแอบใจเต้นแรง เพราะกันต์ธีในตอนนี้ดูหล่อและใจดีเหลือเกิน...
ที่ผ่านมาเธอมักจะกลัวกันต์ธีตลอด แต่หลังจากได้เห็นรอยยิ้มนี้ความรู้สึกที่เธอมีก็เปลี่ยนไป แค่รอยยิ้มและคำชมเดียวความรู้สึกที่เธอมีต่อกันต์ธีก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
“ขะ ขอบคุณค่ะ!”
“พี่ธีคะ ยังไม่ว่างอีกเหรอ?” ซินดี้ ที่นั่งอยู่โซฟาตรงข้ามกับโต๊ะทำงานของกันต์ธีเริ่มบ่นอิดออด หลังจากที่นั่งรอมาพักใหญ่ก็ไม่มีทีท่าว่ากันต์ธีจะไปทานมื้อเที่ยงกับเธอเลย
“บอกแล้วไงว่าพี่ไม่ว่าง ไปกับเราไม่ได้” กันต์ธีเงยหน้าจากกองเอกสารมามองซินดี้ด้วยสายตาที่แฝงไว้หลากหลายอารมณ์
“แต่มันเที่ยงแล้วนะคะ พี่ธีจะไม่กินข้าวหรือไง?”
“พี่สั่งให้คนชงกาแฟมาให้แล้ว” กันต์ธีตอบเสียงเรียบนิ่งพร้อมหันกลับลงไปมองเอกสารต่อ แต่เมื่อได้ยินแบบนั้นซินดี้ก็ผุดรอยยิ้มร้าย เพราะเรื่องราวมันกำลังส่งให้เธอพูดต่อได้ง่ายขึ้น
ซินดี้คือหญิงสาวที่มีใบหน้าสวยคมและมีราศรีผู้ดี เธอเป็นทั้งคนรู้จัก ทั้งเพื่อน และน้องสาวของกันต์ธี เพราะแม่ของเธอเป็นเพื่อนสนิทกับแม่ของกันต์ธีอีกที
ซินดี้แทบจะเรียกว่าโตมากับกันต์ธีเลยก็ว่าได้ และเพราะความชิดใกล้เธอจึงได้แอบชอบกันต์ธีและตามตื๊อมาตลอด แต่อีกฝ่ายก็ดูไม่สนใจเท่าไหร่ เธอจึงใช้ความสัมพันธ์อันดีที่มีกับแม่ของกันต์ธีช่วยเป็นตัวหนุน และเธอก็หวังว่าเรื่องนี้จะทำให้เธอได้มีกันต์ธีเป็นของตัวเองในสักวัน
“พี่ธีก็เป็นแบบนี้ตลอด ข้าวก็ไม่ค่อยจะกิน กินแต่กาแฟ เพราะแบบนี้ไงคุณป้าเลยให้ซินดี้มาบังคับพี่ธีกินข้าวเนี่ย”
“แม่สั่งมาเหรอ?”
“ค่ะ อันนี้คุณป้าสั่งมาเองเลย เพราะงั้นวางงานไว้แล้วไปกินข้าวกับซินดี้ก่อนนะคะ” ว่าจบซินดี้ก็ฉีกยิ้มกว้าง แต่ยิ้มนั้นก็หุบในเวลาต่อมา เพราะต่อให้จะอ้างแม่ของกันต์ธีไปอีกฝ่ายก็ดูไม่ทุกข์ร้อนเลย
“งั้นเหรอ ถ้างั้นฝากบอกแม่ด้วยว่าหลังจากนี้เดี๋ยวพี่จะกินข้าวให้ตรงเวลามากขึ้น แต่วันนี้พี่ไปกับเราไม่ได้ เรากลับไปก่อนเถอะ”
“แต่---”
“พี่บอกให้กลับไปก่อน” กันต์ธีเงยหน้าขึ้นมามอง สายตาของเขาแข็งขืนขึ้นเล็กน้อยเฉกเช่นเดียวกันกับน้ำเสียง และนั่นก็ทำให้ซินดี้ไม่กล้าเร้าหรืออะไรต่ออีก
“กะ ก็ได้ค่ะ แต่ยังไงพี่ธีก็อย่าลืมกินข้าวนะคะ”
“อืม” ต่อหน้ากันต์ธีซินดี้ก็ฉีกยิ้มให้ แต่ลับหลังเดินออกจากห้องไปใบหน้าของเธอก็บึ้งตึง ซินดี้จิปากจิคอพร้อมบ่นออกมาอย่างหัวเสีย
“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ!”
“นี่! เดินดูตาม้าตาเรือบ้างสิยะ!” เปิดประตูห้องมาซินดี้ก็เกือบจะชนเข้ากับหญิงสาวที่อยู่ด้านหน้าพอดี เธอจึงตวาดว่าไปเสียงดังเพราะกาแฟร้อน ๆ ในแก้วเกือบจะหกใส่เธอ
“ขะ ขอโทษค่ะ...” ที่รักได้แต่ว่าเสียงหงอยก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด
“ชิ” ซินดี้จิปากขัดใจและเตรียมจะเดินจากไป แต่หลังจากเห็นใบหน้าของที่รักเธอก็นิ่งไปพักใหญ่ แล้วหน้าของเธอบึ้งตึงกว่าเดิม
“พนักงานใหม่เหรอ?” ซินดี้ถามอีกฝ่ายเสียงแข็ง
“ค่ะ ฉันพึ่งมาทำงานเมื่อวาน---”
“งั้นเหรอ” ไม่รอให้ที่รักพูดจบซินดี้ก็ขัดออกไป ก่อนจะร่ายยาวด้วยคำพูดที่ที่รักไม่เข้าใจเลยสักนิดว่ามาได้ยังไง
“มีหน้าที่เสิร์ฟกาแฟก็เสิร์ฟแค่กาแฟไปล่ะ อย่าคิดจะเสิร์ฟอย่างอื่นด้วย พี่ธีเป็นของฉัน หัดรู้ที่ต่ำที่สูงซะบ้าง” ที่รักยังไม่เข้าใจอะไรเลย เธอจึงได้แต่ยืนกระพริบตาปริบ ๆ มองซินดี้เดินจากไป
ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร เกี่ยวข้องอะไรกับกันต์ธี แล้วทำไมอยู่ ๆ ถึงพูดกับเธอแบบนี้ ที่รักไม่เข้าใจเลยสักอย่าง...
ตลอดทั้งวันตัวงานไม่ได้มีความเครียดหรือทำให้ไม่สบอารมณ์มากมายนัก แต่เป็นคนมากกว่าที่ทำให้เวลานี้กันต์ธีต้องนั่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างไม่สบอารมณ์
เขามองออกว่าซินดี้ต้องการอะไร เพราะอีกฝ่ายเปิดเผยอย่างชัดเจนมานานแล้ว แต่เขาไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้นเลยจึงหลีกเลี่ยงจะปฏิสัมพันธ์กับซินดี้เสมอมา
แต่อีกฝ่ายก็ดูจะไม่ยอมง่าย ๆ เมื่อเห็นว่าแค่ตัวเองไม่น่าจะไหวก็ไปเข้าทางแม่เขา ไปเอาแม่เขามาอ้าง เพราะแม่เขามักจะกังวลใจกับเรื่องนี้ มักจะกังวลใจที่เขาไม่มีคนรักเป็นตัวเป็นตนสักที
ตอนนี้สิ่งที่กันต์ธีต้องการที่สุดคือไม่ให้ซินดี้มาวุ่นวาย และไม่ต้องการให้แม่หนักใจ แต่เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
ในระหว่างที่นั่งคิดอยู่แบบนั้นก็มีสายโทรเข้ามา กันต์ธีหยิบมันขึ้นมาดูก่อนจะกดรับพร้อมพูดว่า
“มีอะไร?”
“คืนนี้ไปกินเหล้ากันเถอะเพื่อน”
ภายในห้องวีไอพีของร้านเหล้า
“คนอื่นไม่เท่าไหร่ แต่มึงน่ะกูสงสัย กูแค่ชวนแบบไม่คาดหวังอะไร แต่มึงดันมาเฉยเลย ลมอะไรหอบท่านประธานมาได้กันเนี่ย” ปอร์เช่ หนึ่งในเพื่อนสนิทของกันต์ธีว่าแซวเขาหลังจากที่นั่งดื่มเหล้ากันได้สักพัก แต่ด้วยนิสัย กันต์ธีก็แค่มองแต่ไม่ได้ตอบอะไรไป
“เย็นชาอีกแล้วเพื่อนกู กับเพื่อนกับฝูงแท้ ๆ ”
“มันก็เป็นของมันแบบนี้ มึงยังไม่ชินอีกเหรอ?” ธัญวัชร์ ชายหน้าหล่ออินเตอร์รูปร่างกำยำผิวสีแทน ผู้เป็นทั้งเพื่อนสนิทและลูกพี่ลูกน้องของกันต์ธีกล่าว
“เออ มึงยังไม่ชินอีกเหรอเช่?” และหลังธัญวัชร์ว่าจบ คีตะวัน คุณหมอหน้าใสผิวขาวสะอาดสะอ้านดูใจดี และเป็นลูกพี่ลูกน้องของกันต์ธีอีกคนซึ่งปกติไม่พูดคำหยาบเท่าไหร่ก็ว่าเสริมปนขำเล็ก ๆ
“กูชินแล้วเถอะ แต่แค่อยากรู้ว่าลมอะไรหอบมันมาได้แค่นั้นเอง พวกมึงไม่แปลกใจบ้างรึไง?”
“ไม่นะ” สองลูกพี่ลูกน้องตอบเป็นเสียงเดียวกัน
“ถามจริง?”
“เออ” ธัญวัชร์ว่ายิ้ม ๆ
“ทำไมวะ?”
“เพราะกูพอจะรู้ไงว่าลมอะไรหอบมันมา จะมีลมอะไรหอบมันมาได้อีกถ้าไม่ใช่ว่าหนักใจเรื่องแม่กับคุณหนูซินดี้” คำพูดของธัญวัชร์ทำให้กันต์ธีถึงกับต้องหันขวับไปมองด้วยความสงสัย แต่เขาก็ยังคงไว้ด้วยมาดนิ่งแล้วถามเสียงเรียบ
“มึงรู้ได้ไง? ใครคาบข่าวไปบอกอีก?”
“โอ๊ยย ใครจะไม่รู้อีกล่ะเพื่อน ก็ซินดี้เล่นป่าวประกาศให้คนรู้ไปทั่วขนาดนั้นว่าแอบคุย ๆ กับมึงอยู่ แล้วก็อาจจะเป็นว่าที่สะใภ้ของตระกูลอัครภิรมย์เดชน่ะ”
หนนี้ไม่ใช่แค่รำคาญใจแล้ว แต่กันต์ธีเซ็งถึงขั้นสุด เซ็งถึงขั้นที่ว่าเพื่อนต้องเป็นห่วงตามจนถามเขาว่าโอเคไหม อยากให้ช่วยอะไรหรือเปล่า แต่กันต์ธีก็ไม่รู้ว่าจะให้เพื่อนช่วยอะไรดี และในตอนนั้นก็มีคนชี้ทางสว่างให้
“ดูทำหน้าเข้า หนักใจจริงเลยแฮะ”
“เอางี้มั้ยธี ถ้ามึงไม่สบายใจเรื่องนี้จริง ๆ กูก็พอจะมีวิธีช่วยมึงอยู่นะ” คีตะวันพูดพร้อมยิ้มอย่างมีเลศนัยขณะยกแก้วเหล้าขึ้นมาจิบ
“ยังไง?”
“ก็ไม่ได้มีอะไรมาก ง่าย ๆ เลยเพื่อน...”
“มึงก็แค่เปิดใจ แล้วหาแฟนสักคน”
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?