ตอนที่ 6 “สานสัมพันธ์ครอบครัว”

“นี่ลูกไม่คิดจะบอกแม่เลยใช่ไหมว่าตัวเองมีคนรักแล้วน่ะ ถ้าไม่มีคนมาบอกแม่ก็คงจะไม่รู้เลยใช่ไหม?” เห็นแม่งอนทำหน้าถมึงทึงใส่กันต์ธีก็แอบดีใจอยู่ลึก ๆ ที่แผนการซึ่งไปทำมาเมื่อวันหยุดมันมีคนคาบข่าวไปบอกแม่เขาดังที่คาดไว้

“หรือลูกตั้งใจจะปิดบังแม่?”

“ผมไม่ได้คิดจะปิดบังนะครับ ผมแค่ยังไม่ว่างบอกเท่านั้นเอง” กันต์ธีตอบเสียงเรียบ

“ไม่ว่าง? เป็นถึงประธานบริษัทจะไม่ว่างได้ไง? ลูกอยากว่างตอนไหนก็ได้สิ”

“ลูกต้องให้ความสำคัญกับเขามากกว่านี้นะ ต้องพาเขามาเจอแม่ด้วย ไม่งั้นเดี๋ยวเขาก็คิดว่าลูกไม่จริงจังหรอก”

ถ้าให้พูดตามตรงกัลยา หญิงสาวสูงวัยทว่ายังคงมีใบหน้าสวยสดก็ยังไม่ค่อยเข้าใจหรอกว่าอยู่ ๆ ลูกชายแอบไปมีคนรักได้ยังไง แต่เพราะตลอดมาเธออยากให้ลูกเป็นฝั่งเป็นฝา เธอจึงดีใจจนกว่าจะสนใจหาคำตอบเรื่องนี้ แล้วเน้นคะยั้นคะยอให้ลูกชายจริงจังกับเรื่องของคนรักมากกว่านี้แทน

“ขอโทษครับ”

“เอาเถอะ ว่าแต่นี่พาลูกเขาไปเที่ยวขอพ่อแม่เขาหรือยัง? ได้ไปเจอพ่อแม่ฝ่ายนั้นมาบ้างหรือเปล่า?” เรื่องที่ลูกชายไปทำอะไรที่ไหนกับใครเมื่อวันหยุดที่ผ่านมากัลยารู้หมดแล้ว แต่เรื่องนี้เธอยังไม่รู้จึงถามเพิ่ม

“ไปเจอมาแล้วครับ แล้วผมก็ขออนุญาตแล้วด้วย แม่ไม่ต้องห่วงนะ---”

“ยิ่งแล้วใหญ่เลยสิถ้างั้น!” กันต์ธีไม่เข้าใจว่าอยู่ ๆ แม่เขาขึ้นเสียงดังขัดทำไม จึงทำหน้าสงสัยเล็กน้อย

“ครับ?”

“ได้ยังไงกัน!? ลูกไปเจอพ่อแม่ฝ่ายนั้นมาแล้วแต่ไม่บอกแม่กับพ่อได้ยังไงกัน!?”

“นี่ลูกเข้าหาผู้ใหญ่ฝ่ายนั้นแต่ดันไม่ชวนแม่ไปด้วยเนี่ยนะ? แล้วแบบนี้เขาจะมองบ้านเรายังไงเนี่ย? ตาย ๆ ๆ แม่ไม่ยอมหรอกนะ ถ้าถึงขั้นนั้นแล้วก็ต้องให้แม่ไปรู้จักครอบครัวฝั่งนั้นด้วยสิ ไปชวนเขามาทานข้าวด้วยกันเลยนะ”

สิ่งนี้อยู่เหนือความคาดหมาย กันต์ธีคิดว่าแม่จะเอะใจหรืออะไรทำนองนั้น แต่กลับกลายเป็นว่าแม่เขาไม่เอะใจเลยสักนิด แล้วรังแต่จะเจอฝ่ายนั้นให้ได้ เขาจึงได้แต่นั่งเงียบไม่รู้จะพูดอะไร เพราะก็ไม่ได้คิดเอาไว้เหมือนกัน

แต่ระหว่างนั้นเอง ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องดีหรือร้าย ที่อยู่ ๆ ที่รักก็เดินเข้ามาเสิร์ฟกาแฟให้พอดี กันต์ธีชักจะสังหรณ์ใจไม่ดี แล้วมันก็เป็นแบบที่เขาคิดไว้เลย

“ขอโทษที่ขัดจังหวะนะคะ พอดีหนูเข้ามาเสิร์ฟกาแฟ---”

“ขัดจังวงขัดจังหวะอะไรกันลูก แม่กำลังพูดเรื่องหนูอยู่เลย มา ๆ มานั่งนี่ก่อนเร็ว” กัลยาตบโซฟาปุ ๆ เรียกให้ที่รักนั่งลงข้าง ๆ ตัวเอง ที่รักที่ไม่ค่อยเข้าใจจึงหันไปทำหน้างงใส่กันต์ธี แต่อีกฝ่ายเพียงพยักหน้าเบา ๆ ให้เธอทำตาม

“หนูใช่ไหมลูกคือคนรักของตาธี?”

แล้ววันและเรื่องที่กังวลไม่อยากให้มาถึงที่สุดก็มาถึงจนได้ แม้จะเตรียมใจมาแล้วแต่ที่รักก็ต้องใช้เวลาสักพักเลยกว่าจะตอบออกไปว่าใช่ เธอนี่แหละคือคนรักของกันต์ธี

“ตอนแรกแม่ก็สงสัยนะว่าทำไมอยู่ ๆ ตาธีถึงมีแฟนได้ แต่เห็นหน้าหนูแม่ก็ไม่แปลกใจแล้วล่ะ หน้าตาน่ารักขนาดนี้ไม่แปลกเลยที่ตาธีจะชอบ”

“ไหน ๆ ก็มีโอกาสได้คุยกันแล้ว แม่ขอเข้าเรื่องเลยแล้วกัน...

“คือว่าช่วงนี้หนูกับที่บ้านว่างไหมลูก? พอดีแม่อยากชวนพ่อแม่หนูมาทานข้าวด้วยกันหน่อยน่ะจ้ะ”

เห็นพ่อแม่ตัวเองคุยกับทั้งพ่อและแม่ของกันต์ธีเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยที่รักก็ทำหน้าเจื่อนหันไปมองทางกันต์ธีอยู่หลายหน แต่เธอก็พบว่าเวลานี้กันต์ธียังคงทำสีหน้าเรียบเฉยอยู่ตามปกติ

“นี่ลูก ทานเยอะ ๆ นะ ร้านนี้มีแต่ของอร่อย ๆ ทั้งนั้นเลย”

“ขอบคุณค่ะ” ที่รักยิ้มให้กัลยาที่อุตส่าห์คีบเป็ดปักกิ่งใส่จานให้เธอ

เกิดมายี่สิบกว่าปี ก็เห็นจะมีวันนี้นี่แหละที่ที่รักรู้สึกผิดบาปที่สุด เพราะเธอไม่เพียงแต่โกหกคนทั่วไป โกหกพ่อแม่กันต์ธี แต่เธอยังโกหกพ่อแม่ตัวเองด้วย แต่เมื่อเริ่มไปแล้วมันก็หยุดไม่ได้ ที่รักจึงได้แต่นึกขอโทษพ่อแม่ของเธอกับคนอื่นอยู่ในใจ

“เนี่ยนะคะ ตอนแรกฉันก็แปลกใจอยู่หรอกว่าทำไมประธานบริษัทถึงมาส่งลูกสาวฉันที่บ้านได้ แต่พอรู้ต้นสายปลายเหตุฉันก็ไม่แปลกใจแล้วแหละค่ะ”

“แหม ตายจริง นี่ตาธีเคยไปส่งหนูที่รักด้วยเหรอคะ?”

“เคยสิคะ บ่อยด้วย ไปทำงานวันแรกก็มาส่งลูกฉันเลย” พอโดนเอ่ยชื่อขึ้นหวยจะไปตกที่ใครถ้าไม่ใช่กันต์ธี เขาได้แต่แสร้งยิ้มรับตอนที่แม่มองมาด้วยสายตามีเลศนัย

“ร้ายไม่เบานะเนี่ยเรา แม่ก็ว่าอยู่ทำไมไม่ยอมมีแฟนสักที ที่แท้ก็รอเจอคนที่พอเหมาะพอดีกับตัวเองอยู่สินะ”

พอกัลยาเปิดเรื่องคนที่พอเหมาะพอดีขึ้นมา บทสนทนาของพวกผู้ใหญ่ก็เริ่มบานปลายไปไกล จนได้ยินคำว่าว่าที่ลูกสะใภ้ ทองแผ่นเดียวกัน สินสอด งานแต่ง ผ่านหูกลาย ๆ อยู่หลายหน ขนาดผู้เป็นพ่อทั้งสองคนที่ไม่ค่อยพูดอะไรนักในตอนแรกยังเริ่มเข้าร่วมวงสนทนาด้วยเลย

แต่ใครจะพูดอะไรสองคนซึ่งรวมหัวกันหลอกผู้ใหญ่ก็ได้แต่เออออตามไม่ให้ผิดสังเกต มื้ออาหารผ่านพ้นไปได้อย่างราบรื่น จนที่รักคิดเอะใจว่านี่มันง่ายไปหรือเปล่า

และการเอะใจของเธอก็ถูกต้อง เพราะหลังจบมื้ออาหารเตรียมตัวแยกย้ายกันกลับ คุณหญิงกัลยาก็พูดบางอย่างออกมา

“จริงด้วยสิ นี่ตาธี เร็ว ๆ นี้จะมีงานประมูลการกุศลใช่ไหม?” กัลยาที่ฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้หันไปถามกับลูกชาย

“ใช่ครับ”

“ดีเลย ถ้างั้นเอางี้เป็นไง ไหน ๆ พวกเราสองบ้านก็ทำความรู้จักกันแล้ว แถมทั้งสองฝ่ายก็โอเคที่พวกลูกจะเป็นแฟนกันแล้ว ทำไมลูกไม่พาหนูที่รักไปเปิดตัวซะเลยล่ะ” มือที่กำลังจะยกแก้วน้ำขึ้นจิบของกันต์ธีชะงักไป เขาต้องใช้เวลาอยู่ชั่วครู่เลยกว่าจะตอบออกไปได้

“ไม่ดีมั้งครับ น้องไม่ค่อยคุ้นชินกับงานพวกนี้ สังคมแบบนี้เท่าไหร่ ผมไม่อยากให้น้องหนักใจ”

ตามแผนเดิมคือแค่ให้แม่และซินดี้รู้ว่าตัวเองมีคนรักก็พอแล้ว แต่อยู่ ๆ แม่เขาก็จะเล่นใหญ่ไปเปิดตัวที่รักในฐานะว่าที่ลูกสะใภ้ กันต์ธีซึ่งไม่อยากให้เรื่องมันบานปลายจึงพยายามหาข้ออ้าง

“เพราะไม่คุ้นไงเลยต้องไป เนี่ย อีกหน่อยถ้ามาเป็นลูกสะใภ้แม่ก็ต้องออกงานบ่อย ๆ ไปเริ่มปรับตัวตั้งแต่เนิ่น ๆ ดีกว่า จะได้ชิน จริงไหมลูก?” คราวนี้ถึงทีของที่รักต้องลำบากใจบ้างแล้ว

“เอ่อ...”

“จริงอย่างที่คุณหญิงว่า ถ้าไม่ปรับตัวตอนนี้ก็ไม่รู้จะไปชินอีกทีตอนไหน ตอบรับคุณหญิงไปเถอะลูก”

เมื่อแทบทุกคนต่างมองมาด้วยสายตากดดันที่รักก็หันไปขอความเห็นกับกันต์ธี และคงเพราะกันต์ธีกลัวจะทำอะไรผิดไปจนพ่อแม่จับสังเกตได้ เขาจึงพยักหน้าบอกที่รักให้ตกลงไปก่อน แล้วค่อยคิดกันอีกทีว่าหลังจากนี้จะเอายังไง

“กะ ก็ได้ค่ะ หนูจะไป”

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ