หานหมิงเย่ยังคงจ้องมองหลิวเหมยฮวาราวกับเห็นผี ความสับสนวุ่นวายในหัวทำให้เขาแทบไม่ได้ยินคำพูดต่อไปของเธอ
"พี่ต้องลุกไปแต่งตัวแล้วก็กินข้าวได้แล้วนะคะ?" หลิวเหมยฮวาเอ่ยพลางดึงผ้าห่มออก "เดี๋ยวก็สายหรอกค่ะ"
กระแสแห่งความทรงจำยังคงไหลบ่าเข้ามาไม่หยุด หานหมิงเย่จำได้ชัดเจนว่าในวันนี้ วันที่เฉินเจียหลิงมาทำงานวันแรก เขาตื่นสาย ขับรถไปทำงานอย่างหงุดหงิด และโกรธหลิวเหมยฮวาที่ปลุกเขาช้า นั่นคือจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง ในเช้าวันฝนตกพรำๆเหมือนกับวันนี้
แต่ครั้งนี้จะไม่เหมือนเดิม
"พี่จะไปเดี๋ยวนี้แหละ ขอบคุณนะ" หานหมิงเย่ลุกจากเตียงอย่างรวดเร็ว มองสำรวจห้องนอนด้วยสายตาแปลกใหม่ ห้องนอนเดียวกันที่เขาเคยทิ้งไปอย่างไม่แยแส บัดนี้กลับดูอบอุ่นเหลือเกิน "คืนนี้อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม? พวกเราก็ไม่ได้ไปกินข้าวนอกบ้านนานแล้วใช่ไหม"
หลิวเหมยฮวาหยุดชะงัก ดวงตาโตด้วยความประหลาดใจ ปกติหานหมิงเย่ไม่เคยถามความต้องการของเธอ "อะไรนะ? พี่กำลังบอกฉันว่า พี่จะพา..."
"อืม ไปร้านไหนก็ได้ที่คุณอยากไป" เขายิ้มให้ภรรยา พยายามควบคุมความรู้สึกผิดที่ปะทุขึ้นมาเมื่อเห็นความประหลาดใจในดวงตาของเธอ
หลิวเหมยฮวายิ้มอย่างเขินอาย "ไม่เป็นไรค่ะ ฉันทำอาหารให้พี่กินด้วยกันที่บ้านก็ได้ เก็บเงินไว้ดีกว่า พวกเราต้องประหยัดอีกเยอะไม่ใช่เหรอคะ"
นั่นคือหลิวเหมยฮวาที่เขาเคยดูถูก เสมอต้นเสมอปลายในความเรียบง่าย สมถะ และอดออม ทุกสิ่งที่เฉินเจียหลิงไม่เคยเป็น
"ไม่เป็นไรหรอก พวกเราก็ไม่ได้ไปกินทุกวันนี่" หานหมิงเย่หยิบเสื้อผ้าจากตู้ "ผมไม่อยากให้คุณเหนื่อย ทำงานบ้านทั้งวันแล้ว ตอนเย็นควรได้พักบ้าง"
หลิวเหมยฮวายืนนิ่ง สีหน้าฉงนสนเท่ห์ นี่ไม่ใช่หานหมิงเย่ที่เธอรู้จัก
"พี่หมิงเย่...ไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?" เธอถาม ก้าวเข้ามาใกล้ วางมือบนหน้าผากของสามี "ไข้ก็ไม่มีนี่น่า..."
หานหมิงเย่จับมือเธอไว้อีกครั้ง "ผมสบายดี" เขายิ้ม "ผมแค่...อยากใช้เวลากับคุณให้มากขึ้นอีกหน่อยเท่านั้นเอง"
ไม่ต้องรอให้หลิวเหมยฮวาถามอะไรต่อ หานหมิงเย่รีบเข้าห้องน้ำ เขาต้องการเวลาอยู่คนเดียวสักครู่ เพื่อรวบรวมสติและวางแผน วันนี้เขาจะได้พบเฉินเจียหลิงอีกครั้ง
หานหมิงเย่จ้องมองใบหน้าของตัวเองในกระจก ใบหน้าที่อ่อนกว่าที่เขาจำได้ ไร้ริ้วรอยแห่งความทุกข์และความเจ็บปวด นี่เป็นโอกาสครั้งที่สองของเขาจริงๆ
"คราวนี้" เขาบอกกับตัวเองบนกระจกเงา "ผมจะไม่ยอมเสียคุณไปอีกแล้ว"
*******
โรงงานทอผ้าของตระกูลหานไม่ได้ใหญ่โตนัก แต่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ในยุคที่เพิ่งเปิดประเทศได้ไม่ถึงทศวรรษ เนื่องจากเซินเจิ้นได้รับการประกาศเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ โรงงานของพวกเขาเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ได้ประโยชน์จากนโยบายใหม่นี้
หานหมิงเย่จอดรถที่ลานจอดรถเล็กๆ หน้าโรงงาน มองดูอาคารอิฐสองชั้นที่มีป้ายตัวอักษรจีนขนาดใหญ่ "โรงงานทอผ้าตระกูลหาน" ติดอยู่ด้านหน้า ในชาติก่อน โรงงานนี้ล้มละลายหลังจากเขาลงทุนกับหวังเล่อและสูญเสียทุกอย่าง
"วันนี้เราจะเริ่มต้นใหม่" เขาพูดกับตัวเอง ก่อนจะลงจากรถ
ทันทีที่ก้าวเข้าประตูโรงงาน เสียงดังของเครื่องทอผ้าก็ดังกระหึ่มไปทั่ว กลิ่นผ้าและน้ำยาย้อมคละคลุ้งในอากาศ คนงานส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง นั่งอยู่หน้าเครื่องจักรเป็นแถวยาว
"ผู้จัดการ!" เสียงทักของหัวหน้าคนงานดังขึ้น "วันนี้มาแต่เช้านะครับ ยิ้มมาแต่ไกลเชียว มีข่าวดีอะไรหรือเปล่าครับ"
ก็จะไม่ให้ยิ้มได้ยังไง ในเมื่อเขาได้มีโอกาสอีกครั้ง ไม่ว่าเรื่องราวมันจะเป็นแค่ความฝันหรือว่าความจริงที่เขาย้อนเวลากลับมาก็ตาม ในชาตินี้เขาจะต้องไม่กลายเป็นไอ้โง่อีกต่อไป
หานหมิงเย่ยิ้มตอบอย่างสุภาพ ทั้งที่ใจเขากำลังเต้นระรัว ในชาติก่อน เขามาสายและประชุมไม่ทัน พลาดการพบกับเฉินเจียหลิงในครั้งแรก แต่ครั้งนี้เขาตั้งใจมาเร็วเป็นพิเศษ
"คุณค่าย วันนี้มีพนักงานบัญชีใหม่มาทำงานวันแรกใช่ไหม?" เขาถาม
"อ๋อ ใช่ครับ" หัวหน้าคนงานพยักหน้ารับคำ "ผมได้ยินมาว่าเธอมาจากมหาวิทยาลัยปักกิ่งหรือครับผู้จัดการ? ผมคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก ว่าคนจากปักกิ่งทำไมอยากจะมาทำงานที่เซินเจิ้นของเรา "
หานหมิงเย่พยักหน้า เขารู้ดีว่าทุกคำพูดเกี่ยวกับเฉินเจียหลิงล้วนเป็นเรื่องโกหก ในชาติก่อน หลังจากที่เธอฉ้อโกงเขาและหนีไป เขาได้รู้ว่าเธอไม่เคยเรียนจบมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ใบปริญญาและประวัติการทำงานทั้งหมดของเธอล้วนเป็นของปลอม
"ที่จริงผมมีนัดกับหวังเล่อวันนี้ด้วย เขามาถึงหรือยัง?"
"คุณหวัง? อ๋อ มาถึงแล้วครับ" หัวหน้าคนงานตอบ "อยู่ในห้องประชุมชั้นบนครับ"
หานหมิงเย่ขอบคุณและเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง ขณะที่เดิน ภาพของหวังเล่อแวบเข้ามาในหัว เพื่อนรักที่กลายเป็นคนทรยศ ด้วยความอิจฉาและความโลภ หวังเล่อได้ร่วมมือกับเฉินเจียหลิงเพื่อทำลายเขาและครอบครัว แต่ครั้งนี้...
เมื่อเปิดประตูห้องประชุม หานหมิงเย่ชะงักเล็กน้อย ใจเต้นแรงเมื่อเห็นแผ่นหลังของชายร่างท้วมในชุดสูทสีเทา กำลังยืนอยู่ที่หน้าต่าง
"หวังเล่อ" เขาเรียกเสียงเรียบ
ชายคนนั้นหันมา รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้ากลม นัยน์ตาเป็นประกาย แต่หานหมิงเย่รู้ดีว่าประกายตานั้นคือความอิจฉาและโลภ ไม่ใช่มิตรภาพเหมือนที่เขาในชาติก่อนเข้าใจ
"หมิงเย่! มาแต่เช้าเลยนะ สบายดีไหม" หวังเล่อเดินเข้ามาจับมือทักทาย
หานหมิงเย่จับมือนั้นพลางฝืนยิ้ม ฉับพลันภาพความทรงจำปะทุขึ้นในหัว หวังเล่อหัวเราะเยาะในวันที่บริษัทของเขาล้มละลาย มือเดียวกันนี้ที่ยักยอกเงินจากบัญชีของเขาลงกระเป๋าตัวเอง กระแสอารมณ์และความเกลียดชังพุ่งขึ้นมาจนหานหมิงเย่แทบควบคุมไม่อยู่
"ฉันมีธุระที่ต้องคุยกับพ่อในตอนเช้าน่ะ" หานหมิงเย่ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "โชคดีที่เสร็จเร็ว เลยมาทำงานไวกว่าทุกวัน"
หวังเล่อเดินมาที่กระเป๋าเอกสารซึ่งวางอยู่บนโต๊ะประชุม "ฉันเตรียมเอกสารมาพร้อมแล้วสำหรับโครงการที่เราคุยกันไว้"
หัวใจของหานหมิงเย่เต้นเร็วขึ้น นี่คือจุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรม โครงการขยายโรงงานที่หวังเล่อเสนอ ซึ่งสุดท้ายกลายเป็นหลุมพรางที่ทำให้เขาสูญเสียทุกอย่าง
"เก็บไว้ก่อนเถอะ" หานหมิงเย่โบกมือ "วันนี้ฉันไม่อยากคุยเรื่องธุรกิจ"
หวังเล่อดูประหลาดใจเล็กน้อย "แต่นายนัดฉันมาคุยเรื่องนี้ไม่ใช่เหรอ?"