ในช่วงบ่าย หานหมิงเย่พาหลิวเหมยฮวาไปเดินเล่นที่ท่าเรือเซินเจิ้น ซึ่งกำลังมีการก่อสร้างขยายใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับการค้าระหว่างประเทศที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นหลังจากเซินเจิ้นได้รับการประกาศเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษไปเมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว ความเจริญก้าวหน้าเพิ่มขึ้นตามกาลเวลา
"คิดดูสิว่าที่นี่จะเปลี่ยนไปขนาดไหนในอีกห้าปีข้างหน้า" หานหมิงเย่กล่าว มองไปยังท่าเรือที่มีเรือบรรทุกสินค้าจอดเทียบท่าอยู่หลายลำ "เซินเจิ้นจะกลายเป็นหนึ่งในเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศ"
"พี่หมิงเย่คิดว่าโรงงานของเราจะเติบโตขนาดไหนคะ?" หลิวเหมยฮวาถาม
หานหมิงเย่หวนนึกถึงความล้มเหลวในชาติก่อน "ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเรา ถ้าเราระมัดระวังและฉลาด โรงงานจะเติบโตไปพร้อมกับเมืองนี้ แต่ถ้าเราโลภและรีบร้อนเกินไป ทุกอย่างก็อาจพังทลายได้เหมือนกัน"
"พี่หมิงเย่..." หลิวเหมยฮวาลังเลเล็กน้อย "ฉันมีเรื่องอยากถามหน่อยได้ไหมคะ"
"ว่ามาสิ"
"จากวันก่อนที่พี่แทบไม่พูดกับฉัน ฉันไม่เคยทำอะไรที่ถูกใจพี่เลย แต่มาสองสามวันนี้พี่กลายเป็นคนละคนภายในข้ามคืน มันไม่ใช่แค่ความฝันที่พี่เล่าให้ฉันฟังใช่ไหม?"
หานหมิงเย่ถอนหายใจ ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรให้เธอเข้าใจ "บางทีคนเราต้องเกือบสูญเสียทุกอย่างไปก่อน ถึงจะเห็นคุณค่าของสิ่งที่มี" เขาหันไปมองเธอ "ผมเคยคิดว่าการแต่งงานกับคุณเป็นเพียงหน้าที่ที่ต้องทำตามความต้องการของพ่อแม่ ผมหลงระเริงกับโรงงานที่กำลังเติบโต และคิดว่าผมสมควรได้แต่งงานกับคนที่สวย เก่งและทันสมัยกว่าคุณ"
หลิวเหมยฮวาเม้มปาก รอฟังต่ออย่างเตรียมใจในคำตอบไว้แล้ว
"แต่ความฝันนั้น... มันทำให้ผมเห็นว่าผมกำลังเดินผิดทาง ผมเห็นภาพว่าถ้าผมไม่เปลี่ยนแปลงตัวเอง หากวันหนึ่งผมสูญเสียทุกอย่างไป คนที่ยังคงยืนเคียงข้างผมจะมีแค่คุณ" หานหมิงเย่จับมือหลิวเหมยฮวา "มันอาจดูเหมือนเกิดขึ้นเร็วเกินไป แต่ในใจผม มันเหมือนผ่านไปหลายสิบปีแล้ว"
น้ำตาเอ่อคลอเบ้าตาของหลิวเหมยฮวา "ฉันไม่เคยคิดว่าจะได้ยินพี่พูดกับฉันแบบนี้มาก่อน"
"ผมไม่สมควรได้รับความรักจากคุณเลย" หานหมิงเย่เอ่ยเสียงแผ่ว ทว่าประโยคต่อมากลับหนักแน่นดั่งขุนเขา "แต่ผมสัญญาว่าจะพยายามเป็นสามีที่ดีขึ้น"
หลิวเหมยฮวาซบไหล่เขาเงียบๆ ทั้งคู่ยืนมองท้องทะเลอยู่นาน
ในตอนเย็น หลังจากกลับถึงบ้าน หานหมิงเย่เริ่มตรวจสอบเอกสารการเงินของโรงงานอย่างละเอียด เขาต้องรู้ว่าสถานะการเงินที่แท้จริงเป็นอย่างไร ก่อนที่เฉินเจียหลิงจะเริ่มงานในแผนกบัญชี
หลิวเหมยฮวาเข้ามาในห้องทำงานพร้อมถ้วยชา "ทำอะไรอยู่คะ?"
"ตรวจสอบบัญชีของโรงงาน" หานหมิงเย่ตอบโดยไม่ละสายตาจากเอกสาร "ผมต้องแน่ใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยก่อนที่เฉินเจียหลิงจะเริ่มงาน"
"ดูเหมือนว่าพี่จะไม่ไว้ใจเธอจริงๆ สินะคะ" หลิวเหมยฮวาวางถ้วยชาลงบนโต๊ะ "ทำไมถึงรับเธอเข้าทำงานล่ะคะ ถ้าพี่ก็ไม่ได้ไว้ใจเธอขนาดนั้น?"
หานหมิงเย่ถอนหายใจ "บางครั้งการรู้ว่าศัตรูของเราอยู่ตรงไหนก็ดีกว่าไม่รู้" เขาเงยหน้าขึ้นมองหลิวเหมยฮวา "คุณเคยได้ยินสุภาษิตที่ว่า 'เก็บเพื่อนไว้ใกล้ๆ และเก็บศัตรูไว้ใกล้กว่านั้น' ไหม?"
หลิวเหมยฮวาครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะตอบออกมา "พี่คิดว่าเขาจะทำอะไรโรงงานของเราเหรอคะ?"
"ผมยังไม่แน่ใจ แต่ถ้าเฉินเจียหลิงและหวังเล่อวางแผนอะไรบางอย่าง ผมต้องการจับตาดูพวกเขาอย่างใกล้ชิด" หานหมิงเย่หยิบเอกสารบัญชีอีกแผ่นมาดู "ผมจะดูแลไม่ให้อะไรเกิดขึ้นกับธุรกิจของครอบครัวเรา คุณวางใจได้"
หลิวเหมยฮวานั่งลงข้างๆ สามี "ฉันพอจะช่วยอะไรได้บ้างไหมคะ?"
หานหมิงเย่ครุ่นคิดสักครู่ "จริงๆ แล้ว มีอยู่อย่างหนึ่ง... คุณมีเพื่อนทำงานที่ธนาคารไม่ใช่เหรอ? เพื่อนสมัยเรียนชั้นประถมที่คุณเคยเล่าให้ฟัง?"
"อ๋อ หลินอวิ๋นเหรอคะ? ใช่ เธอทำงานที่ธนาคารประชาชนจีนสาขาเซินเจิ้น ทำไมเหรอคะ?"
"ถ้ามีโอกาส ช่วยไปหาเธอหน่อยได้ไหม? แกล้งถามเรื่องทั่วๆ ไป แล้วลองถามดูว่าเธอเคยได้ยินชื่อหวังเล่อหรือเฉินเจียหลิงบ้างไหม พวกเขาเคยมีประวัติทำธุรกรรมอะไรแปลกๆ ที่ธนาคารหรือเปล่า"
หลิวเหมยฮวาขมวดคิ้ว "ฉันไม่แน่ใจว่าเธอจะบอกฉันได้นะคะ ข้อมูลพวกนั้นเป็นความลับของธนาคารไม่ใช่เหรอคะ"
"ผมเข้าใจว่ามันเป็นความลับของธนาคาร คุณแค่ถามอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องดูเหมือนกำลังสืบข้อมูล ถ้าเธอไม่สามารถบอกอะไรได้ ก็ไม่เป็นไร"
หลิวเหมยฮวาพยักหน้า "ฉันจะลองดูค่ะ"
หานหมิงเย่วางเอกสารลง หันไปกอดหลิวเหมยฮวาอย่างกะทันหัน "ขอบคุณมาก ที่เชื่อใจผม"
หลิวเหมยฮวากอดตอบ "ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่กันแน่ แต่ฉันชอบพี่หมิงเย่คนใหม่นี้ที่สุดเลยค่ะ"
เสียงเคาะประตูหน้าบ้านดังขึ้น ขัดจังหวะบทสนทนาของทั้งคู่
หานหมิงเย่ลุกไปเปิดประตู พบหนุ่มร่างเล็กในมือถือซองอะไรบางอย่าง
"คุณหาน? มีจดหมายเร่งด่วนถึงคุณครับ จากคุณหวังเล่อ" ชายหนุ่มยื่นซองจดหมายให้
หานหมิงเย่รับซองจดหมายมา "ขอบคุณครับ"
หลังจากปิดประตู หานหมิงเย่เปิดจดหมายออกอ่าน
"อะไรเหรอคะ?" หลิวเหมยฮวาถาม
"จากหวังเล่อ" หานหมิงเย่ตอบ เขากวาดสายตาอ่านข้อความในจดหมาย "เขากำลังจัดงานเลี้ยงเล็กๆ ที่บ้านเขาพรุ่งนี้ เพื่อต้อนรับคุณเฉิน เขาเชิญเราไปด้วย"
"งานเลี้ยง?" หลิวเหมยฮวาดูงุนงง "ทำไมเขาต้องจัดงานเลี้ยงให้พนักงานใหม่ด้วยล่ะ? พวกเขารู้จักกันมาก่อนหรือเปล่า?"
"นั่นแหละที่ผมอยากรู้" หานหมิงเย่ตอบ "ในจดหมายบอกว่าเขาเชิญนักธุรกิจหลายคนมาด้วย คนที่อาจสนใจร่วมลงทุนกับโรงงานของเรา"
"แล้วพวกเราจะไปไหมคะ?"
"เราจะไปด้วยกัน" หานหมิงเย่ตอบ "นี่อาจเป็นโอกาสที่ดีที่จะดูว่าพวกเขากำลังวางแผนอะไร"
หลิวเหมยฮวาดูกังวลเล็กน้อย "แต่ถ้าที่นั่นเต็มไปด้วยนักธุรกิจ ฉันรู้สึกว่ามันน่าอึดอัด ฉันไม่รู้จะคุยอะไรกับพวกเขา"
หานหมิงเย่จับมือเธอ "คุณไม่ต้องพูดอะไรมาก แค่อยู่ข้างๆ ผม และช่วยสังเกตการณ์ บางทีคุณอาจจะเห็นอะไรที่ผมมองไม่เห็นก็ได้"
"ฉันควรใส่ชุดอะไรดีคะ?" หลิวเหมยฮวาถามอย่างกังวล
"ชุดที่คุณสบายใจที่สุด" หานหมิงเย่ตอบ "และอย่าลืมว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมอยู่ข้างคุณเสมอ"
*******
คืนนั้น หลังจากหลิวเหมยฮวาเข้านอนแล้ว หานหมิงเย่ยังคงนั่งอยู่ในห้องทำงาน เขามองภาพวาดของเซินเจิ้นในอนาคตที่แขวนอยู่บนผนัง ภาพเมืองที่เต็มไปด้วยตึกระฟ้าและท่าเรือขนาดใหญ่ เขาซื้อภาพนี้มาเพราะมันตรงกับวิสัยทัศน์ของเขา ภาพอนาคตที่เขาอยากมีส่วนร่วมสร้าง
ในชาติก่อน เขาไม่มีโอกาสได้เห็นเซินเจิ้นเติบโตเต็มที่ เพราะความผิดพลาดของตัวเอง
"คราวนี้จะไม่เหมือนเดิม" เขาพึมพำกับตัวเอง
เสียงเคาะประตูบ้านดังขึ้นอีกครั้ง หานหมิงเย่ขมวดคิ้ว ใครจะมาเยี่ยมดึกขนาดนี้?
เขาเดินออกไปเปิดประตูอย่างระมัดระวัง ตกใจเมื่อพบเฉินเจียหลิงยืนอยู่ตรงนั้น ในชุดสีดำเรียบๆ
"คุณเฉิน?" เขาเอ่ยด้วยความประหลาดใจ
"ขอโทษผู้จัดการที่มารบกวนดึกๆนะคะ" เธอกล่าวเสียงเบา นัยน์ตามีแววกังวล "แต่ฉันมีเรื่องสำคัญที่อยากคุยด้วย เรื่องที่ไม่สามารถรอถึงพรุ่งนี้"
หานหมิงเย่ยืนนิ่ง ความระแวดระวังปรากฏชัดในแววตา "ตอนนี้ดึกแล้ว ภรรยาผมกำลังนอนหลับอยู่"
"ฉันไม่ได้ตั้งใจจะรบกวนค่ะ" เฉินเจียหลิงกล่าว "แต่มันเกี่ยวกับคุณหวังเล่อ ฉันคิดว่าคุณควรรู้ไว้ ก่อนงานเลี้ยงพรุ่งนี้"
หานหมิงเย่ลังเล ในชาติก่อน ไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้ เขาไม่รู้ว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่เปลี่ยนไปหรือเปล่า หรือเป็นเพราะเขาได้ย้อนเวลากลับมาทำให้เกิดปรากฎการผีเสื้อกระพือปีก
"เราคุยที่นี่ได้" เขาตอบในที่สุด ก้าวออกมานอกบ้านและปิดประตูเบาๆ "มีอะไรกันแน่?"
เฉินเจียหลิงมองซ้ายมองขวาอย่างหวาดระแวง "คุณหวังเล่อไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิด เขากำลังวางแผนบางอย่าง..." เธอหยุดไปชั่วขณะ ก่อนจะดูตกใจเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาใกล้ "มีคนมา! ฉันไม่ควรอยู่ที่นี่ พรุ่งนี้เราค่อยคุยกันก็แล้วกันนะคะ"
ก่อนที่หานหมิงเย่จะได้ตอบอะไร เธอก็หันหลังวิ่งหายไปในความมืด
หานหมิงเย่ยืนนิ่งอยู่หน้าบ้าน ความสับสนเต็มไปหมด นี่เป็นเรื่องอะไรกันแน่? ทำไมเฉินเจียหลิงถึงทำเหมือนกำลังเตือนเขาเรื่องหวังเล่อ? นี่เป็นวิธีสร้างความไว้วางใจใหม่หรือเปล่า? หรือพวกเขากำลังทะเลาะกัน? หรือนี่เป็นแผนที่ซับซ้อนกว่าเดิม?
เสียงฝีเท้าที่เฉินเจียหลิงได้ยินดังชัดเจนขึ้น เป็นเพียงยามรักษาความปลอดภัยที่กำลังเดินตรวจตราในละแวกนี้เท่านั้น
หานหมิงเย่เดินกลับเข้าบ้าน ปิดประตูอย่างเงียบๆ ความกังวลเกาะกินใจเขา เขาต้องเตรียมพร้อมมากขึ้นสำหรับงานเลี้ยงวันพรุ่งนี้ ครั้งนี้พฤติกรรมของเฉินเจียหลิงดูเหมือนจะซับซ้อนกว่าที่เขาคาดไว้
เมื่อเขาเดินกลับเข้าห้องนอน หลิวเหมยฮวาขยับตัวเล็กน้อย
"พี่หมิงเย่ มีอะไรหรือเปล่าคะ?" เธอถามเสียงง่วงงุน "ฉันได้ยินเสียงเคาะประตู"
"ไม่มีอะไร" หานหมิงเย่ตอบ เสียงนิ่ง "แค่ยามผ่านมาตรวจตราละแวกบ้านเราเท่านั้นเอง"
หลิวเหมยฮวาพึมพำรับรู้ก่อนจะหลับต่อ หานหมิงเย่นอนลงข้างเธอ แต่ดวงตายังแข็งค้าง จ้องมองเพดาน
พรุ่งนี้จะเป็นวันสำคัญ วันที่เขาจะได้เห็นหน้ากากที่แท้จริงของหวังเล่อและเฉินเจียหลิง และเขาต้องพร้อมสำหรับการทดสอบครั้งใหญ่
การทดสอบใจของเขาเอง