วันรุ่งขึ้นหลังจากได้รับเงินมัดจำจากพนักงานสาวลูกค้าคนแรก หลิงเมิ่งเหยานั่งครุ่นคิดถึงอนาคตของตนเอง เธอมีจักรเย็บผ้าที่หวังปิงให้ยืมใช้เพียงตัวเดียวที่บ้าน การทำงานในตอนนี้ค่อนข้างลำบาก เพราะต้องแบ่งเวลาระหว่างการมานั่งที่แผงในตลาดเพื่อโฆษณาสินค้าและรับงานซ่อมแซมเสื้อผ้า และยังต้องกลับไปเย็บผ้าที่บ้านอีกด้วย
ทุกวันเธอต้องรับงานที่ตลาด จดบันทึกรายละเอียดการแก้ไขเสื้อผ้าจากลูกค้า แล้วค่อยกลับไปทำที่บ้านให้เสร็จ ก่อนจะนำกลับมาส่งในวันถัดไปหรือตามเวลานัด การทำงานแบบนี้เสียเวลามาก และถ้าเธอยังทำแบบนี้ต่อไป คงยากที่จะมีเงินเก็บมากพอให้พาตนเองกับลูกออกจากบ้านหลิว
หลิวอันอันนั่งอยู่ข้างกัน มือน้อยๆ นั่งเล่นตุ๊กตาที่แม่เย็บให้เงียบๆ เด็กหญิงเงยหน้ามองแม่เป็นระยะ สัมผัสได้ถึงความครุ่นคิดที่ซ่อนอยู่ในแววตาของแม่
สายตาของหลิงเมิ่งเหยาทอดมองไปยังแผงขายผักของหลี่เหม่ยจูที่อยู่ติดกัน ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัว เธอต้องหาวิธีทำงานใหม่ที่จะช่วยให้มีเวลาอยู่กับจักรเย็บผ้ามากขึ้น ไม่ใช่เสียเวลานั่งเฝ้าแผงหลายชั่วโมงแบบนี้
หลิงเมิ่งเหยาลุกจากที่นั่ง เดินไปหาหลี่เหม่ยจูที่กำลังยื่นผักให้ลูกค้าคนหนึ่ง
“พี่เหม่ยจู” หลิงเมิ่งเหยาเอ่ยเรียกเสียงไม่เบา รอจนลูกค้าเดินจากไปจึงค่อยกล่าวคำ “ฉันว่าฉันจะเปลี่ยนวิธีการทำงานดีไหม”
หลี่เหม่ยจูหยุดจัดผักในตะกร้าแล้วหันมามองเธอด้วยความสนใจ ดวงตาเป็นประกาย “เปลี่ยนวิธีการทำงานยังไงเหรอเมิ่งเหยา”
หลิงเมิ่งเหยาสูดหายใจลึก ก่อนจะเริ่มอธิบายแผนการที่คิดไว้
“พี่คิดดูสิ การที่ฉันมานั่งอยู่ที่นี่ฉันเสียเวลาที่ต้องเย็บผ้าไปกี่ชั่วโมง” เธอมองไปรอบๆ ตลาดที่ผู้คนเดินขวักไขว่ “ตอนนี้คนก็เริ่มรู้จักร้านของฉันแล้ว”
เธอหยุดครู่หนึ่ง สังเกตสีหน้าของหลี่เหม่ยจูที่ฟังอย่างตั้งใจ
“ฉันก็เลยคิดว่าต่อไปจะไม่มานั่งขายชุดที่ร้านแล้ว แต่จะให้พี่ช่วยขายแทน” หลิงเมิ่งเหยาพูดต่อ น้ำเสียงมั่นใจขึ้น “พี่ขายชุดให้ฉัน พี่ขายได้เท่าไรก็เอาไปได้เลย พี่จ่ายฉันแค่ราคาที่ฉันตั้งไว้ก็พอ”
“ถ้ามีคนต้องการตัดชุดล่ะ?” หลี่เหม่ยจูพยักหน้ารับ ก่อนจะถามต่อ
“ให้มาหาฉันที่นี่ตอนเช้าทุกวัน หลังจากนั้นฉันก็จะกลับไปทำงานที่บ้าน” หลิงเมิ่งเหยาอธิบายแผนการที่คิดไว้ “แบบนี้ฉันจะทำงานได้มากขึ้น แล้วอีกไม่กี่วันคนที่พี่ว่าจะให้มาช่วยฉันก็คงจะมาพอดี”
“พี่ว่าดีไหม” เธอมองหน้าอีกฝ่ายอย่างคาดหวัง หลี่เหม่ยจูวางผักในมือลง
“อือ เป็นความคิดที่ดีนะ อันนี้พี่เห็นด้วย” รอยยิ้มของเธอทำให้หลิงเมิ่งเหยารู้สึกอุ่นใจ “แล้วจะเริ่มเมื่อไรล่ะ”
“พรุ่งนี้เลยค่ะพี่เหม่ยจู” หลิงเมิ่งเหยาตอบอย่างมั่นใจ ความกังวลที่เคยมีเริ่มจางหายไป
วันที่สามของการเปลี่ยนแปลง หลิงเมิ่งเหยากำลังสนทนากับหลี่เหม่ยจู วันนี้เป็นวันที่ช่างคนใหม่จะมาตามนัดหมาย
“พี่เหม่ยจู คนที่จะมาช่วยฉันเย็บผ้าจะมาหาฉันวันนี้ใช่ไหมคะ” หลิงเมิ่งเหยาถามย้ำ นิ้วเรียวเคาะเบาๆ บนโต๊ะไม้ด้วยความคาดหวัง
“ใช่ ก็นัดกันไว้เวลานี้นี่นา” หลี่เหม่ยจูเหลือบมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนเสาร้านใกล้ๆ เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย “ทำไมป่านนี้ยังไม่มาอีกนะ”
เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นทำให้หลี่เหม่ยจูหันขวับไปมอง “อ้าวนั่นไง มาพอดี”
ร่างของหญิงวัยกลางคนในชุดผ้าฝ้ายสีน้ำเงินเข้มปรากฏขึ้น ผมสีดำขลับถูกรวบเป็นมวยเรียบร้อย ใบหน้าอิ่มเอิบมีรอยยิ้มอบอุ่น ดวงตาฉายแววของผู้มีประสบการณ์ เธอเดินตรงมาที่แผงของหลี่เหม่ยจูด้วยท่าทางมั่นใจ
“เมิ่งเหยาจ๊ะ นี่หลานอิง เพื่อนของพี่เอง” หลี่เหม่ยจูแนะนำ “เพิ่งย้ายมาจากหางโจว เคยเป็นหัวหน้าช่างที่โรงงานตัดเย็บมาสิบกว่าปี แต่ย้ายมาอยู่กับน้องสาวที่ซูโจว กำลังหางานทำพอดี”
“เมิ่งเหยา ยินดีที่ได้รู้จัก” หลานอิงกล่าวทักทาย สายตามองชุดที่แขวนอยู่บนราวไม้ไผ่ด้วยความสนใจ “ฝีมือดี สมกับที่เหม่ยจูคุยอวดไว้จริงๆ”
คำชมนั้นทำให้หลิงเมิ่งเหยารู้สึกอุ่นใจขึ้นมาทันที เธอรู้ว่ากำลังคุยกับผู้เชี่ยวชาญตัวจริง
“ขอบคุณค่ะ พี่หลานอิง” หลิงเมิ่งเหยาตอบ ก่อนจะถามถึงเรื่องสำคัญ “พี่หลานอิงมีจักรที่บ้านไหมคะ แล้วตัดเย็บได้ทั้งชุดเลยไหมคะ”
“พี่มีจักรเองที่บ้านนะ” หลานอิงตอบพลางพยักหน้า “แล้วพี่ก็ตัดเย็บได้ทั้งชุดเลย ถ้ามีแบบมาให้แล้ว การเย็บไม่ยาก สิ่งที่ยากคือแบบต่างหาก”
คำตอบนั้นทำให้ดวงตาของหลิงเมิ่งเหยาเป็นประกายด้วยความหวัง
“งั้นดีมากเลยค่ะ” หลิงเมิ่งเหยารีบอธิบายแผนการของเธอต่อทันที “เพราะพี่สามารถมารับงานจากฉันไปเย็บที่บ้านพี่ได้ เสร็จแล้วค่อยเอางานมาส่ง ฉันจะตัดผ้าเป็นชิ้นๆ ให้พี่ไปเลย พี่มีหน้าที่แค่เย็บเท่านั้น ส่วนการจ่ายเงิน ฉันคิดให้พี่เป็นค่าเย็บต่อชุด แต่ละชุดก็มาตกลงกันอีกที แบบนี้พี่ตกลงไหมคะ”
“ได้สิ งานนี้พี่ก็สบายเลย” หลานอิงฟังด้วยความสนใจ ก่อนจะยิ้มกว้าง “แต่พี่ขึ้นโครงได้นะ ตัดผ้าก็ได้ เอาอย่างนี้สิ พี่ช่วยตัดผ้ากับขึ้นโครงให้ ส่วนเธอก็ออกแบบชุดมา งานนี้พี่ไม่ค่อยถนัดเท่าไร”
“อย่างนี้ยิ่งดีสุดๆ ไปเลยค่ะ” หลิงเมิ่งเหยาร้องออกมาอย่างดีใจ รู้สึกมีความหวังมากขึ้นกว่าเดิม “พี่หลานอิงช่วยฉันทำชุดตัวอย่างมาให้พี่เหม่ยจูขาย ส่วนผ้าหรือลายก็ให้ลูกค้าไปซื้อที่ร้านของพ่อค้าหวัง แบบนี้พวกเราก็ช่วยเหลือกันได้ทั้งหมด”
หลิงเมิ่งเหยาเอ่ยขึ้นด้วยความดีใจ เนื่องจากหวังปิงช่วยเธอไว้มาก ถ้าไม่ได้เขา เธอก็คงไม่มีทางหาเงินได้เอง ไหนจะยังให้ติดค่าผ้าและให้ยืมจักรเย็บผ้าอีก วิธีการนี้ ทุกฝ่ายต่างได้ประโยชน์
หลานอิงพยักหน้าเห็นด้วย
“พี่หลานอิงพร้อมเริ่มงานได้เมื่อไรคะ”
“พี่เริ่มงานได้เลยจ้ะ” คำตอบสั้นๆ นั้นเหมือนกุญแจที่ไขประตูสู่อนาคตใหม่ของหลิงเมิ่งเหยา เธอมองหลิวอันอันที่นั่งฟังอยู่เงียบๆ เด็กน้อยยิ้มตอบ ราวกับเข้าใจว่าชีวิตของพวกเธอสองแม่ลูกกำลังจะเปลี่ยนไป
นี่ก็ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้ว ครบกำหนดเดือนแรกที่เธอต้องนำเงินค่าเช่าไปจ่ายให้กับแม่สามี เธอขายชุดได้ไม่กี่ชุด ก็เพราะต้องเสียเวลาไปแบบนี้ แต่ต่อไปหลังจากที่ได้หลานอิงมาช่วยทำงาน เธอก็ไม่ต้องมานั่งเฝ้าร้านที่ตลาดอีก จากนี้จะมีเวลาทำงานได้มากขึ้น เงินค่าผ้าที่ติดหวังปิงไว้ก็คงจะได้คืนในเดือนถัดไป
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?