"เราเลิกกันดีไหม ภูคิดว่าเรื่องของเรามันไปต่อไม่ได้แล้วจริง ๆ ภูไม่ได้รักไอเหมือนเมื่อก่อนแล้ว"
น้ำเสียงอ่อนของ ภู หรือ ‘ภาณัต เพชรรุ่งโรจน์’ ทายาทบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง คนรักของ ‘ไอญารินทร์ ขจรกุลจิโรจน์’ นางเอกนักแสดงชื่อดัง ที่ตอนนี้เธอกำลังถูกแฟนหนุ่มบอกเลิกท่ามกลางร้านอาหาร
วันนี้ควรเป็นวันที่มีความสุขที่สุด เพราะเป็นวันครบรอบสิบปีของเธอและเขา แต่หญิงสาวกลับถูกผู้ชายที่ตัวเองรักบอกเลิก จะว่าไปปัญหาการไม่เข้าใจกันของพวกเขาที่สะสมมานานก็อาจจะมีส่วนในการตัดสินใจเลิกรากันของภาณัต
ใบหน้าเล็กเปลี่ยนสีไปเมื่อได้ยินในสิ่งที่ชายหนุ่มพูด หญิงสาวช้อนสายตาขึ้นไปมองคนตรงหน้า ตอนนี้แววตาของภาณัตเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ เขาไม่ใช่คนเดิมที่เธอเคยรักเหมือนเมื่อสิบปีที่ผ่านมา
"ภูพูดเหมือนไม่รู้สึกอะไรเลยนะคะ ความรักสิบปีของเรามันจะจบลงง่าย ๆ แบบนี้อย่างงั้นหรือคะ"
น้ำเสียงแว่วหวานกล่าวออกไป พร้อมสีหน้าที่ดูเศร้าโศก ดวงตากลมฉายแววตาหม่นหมองเอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำสีใส
"แล้วไอจะให้ภูทำยังไงอีก เราลองกันมาทุกวิธีแล้วนะ ไอก็รู้ว่ามันไม่มีอะไรดีขึ้นเลย"
ชายหนุ่มเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา น้ำเสียงฟังดูไม่แคร์ความรู้สึกผู้หญิงตรงหน้าอีกแล้ว
"..."
หญิงสาวนิ่งเงียบพร้อมกับก้มหน้าลงเล็กน้อย เพื่อปิดบังไม่ให้เขาเห็นหยดน้ำตาที่กำลังไหลออกมา แม้จะเผื่อใจมาบ้างแล้ว แต่การที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้มันก็หนักเกินที่จะรับมันไหว บวกกับภาณัตเป็นรักแรกของเธอด้วยมันถึงได้เจ็บปวดถึงเพียงนี้
"อยู่ต่อไปเรามีแต่จะทำร้ายกันเปล่า ๆ นะ"
ภาณัตเอ่ยออกไปด้วยเจตนาที่อยากเลิกกับเธอให้ได้
"ไอทำพลาดตรงไหน ไอพร้อมปรับปรุงตัวและแก้ไข ภูบอกไอมาสิ ไอยอมภูได้ทุกเรื่องเลยนะ"
น้ำเสียงสั่นเครือปนสะอึกสะอื้นดังออกมาจากริมฝีปากบาง ใบหน้าสวยของหญิงสาวตอนนี้แปดเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา
"ไอไม่ต้องแก้ไขอะไรอีกแล้ว ไอแค่ใช้ชีวิตต่อไปโดยไม่มีภู ภูเชื่อว่าไอทำมันได้ดีแน่”
มือหนาหยิบทิชชูเอื้อมไปซับน้ำตาให้ไอญารินทร์ แม้จะหมดรักไปแล้วแต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้เลิกกันด้วยปัญหาที่ร้ายแรง เพียงแต่เป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่สะสมมานานโดยไม่ได้รับการแก้ไข
ไอญารินทร์จุกอยู่ในอกจนพูดไม่ออก มีเพียงน้ำตาที่รินไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ เธอรู้สึกเสียใจและเสียดายเวลา
ช่วงเวลาสิบปีที่ผ่านมา เรียกได้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นทั้งรักแรก และเป็นทุก ๆ อย่าง หญิงสาวคาดหวังถึงเรื่องการแต่งงานเป็นอย่างมาก แต่แล้วก็ต้องเจ็บปวดกับความคาดหวังของตัวเอง เมื่อทุกอย่างมันได้จบลงแล้ว เหมือนโลกทั้งใบของเธอได้พังทลายลงมา หัวใจดวงเล็ก ๆ แหลกสลายไปจนไม่มีชิ้นดี
"เดี๋ยวภูไปส่งไอที่คอนโดนะ"
คำพูดเขาทำให้ไอญารินทร์สะเทือนใจไม่น้อย เพราะตอนมาทั้งคู่ยังคงใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันที่คอนโด ทว่าหลังจากนี้จะมีเพียงเธอคนเดียวที่ต้องอยู่ในสถานที่ที่เคยเขาอยู่ด้วย หญิงสาวจะอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมนั้นได้อย่างไรกัน
"ภูใจร้ายกับไอจัง แค่กอดไอเป็นคืนสุดท้ายก็ไม่ได้เลยเหรอ"
หลังจากที่มาถึงคอนโดฯ หญิงสาวก็หันกลับไปพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือขึ้นจมูก พร้อมกับพยายามส่งยิ้มให้กับชายหนุ่มทั้งที่สองข้างแก้มเต็มไปด้วยคราบน้ำตา
"อย่าเลย ให้เรื่องของเรามันจบลงที่วันนี้เถอะ"
เขากล่าวออกมาน้ำเสียงเย็นชา เมื่อมาส่งเธอถึงหน้าห้อง ชายหนุ่มเอื้อมมือไปลูบศีรษะเธอเบา ๆ
"ส่วนของ ของภู เดี๋ยวภูจะหาเวลาเข้ามาเก็บ ภูไปก่อนนะ ดูแลตัวเองดี ๆ ด้วย"
ภาณัตทิ้งประโยคสุดท้ายไว้ ก่อนหันหลังเดินจากไปโดยที่ไม่หันกลับมามองอีกเลย ไอญารินทร์ถึงกับเข่าอ่อนทรุดตัวลงนั่งกับพื้นมองร่างใหญ่ที่เดินจากไป
"ฮึกก ฮืออออ"
ทิ้งไว้เพียงเสียงร้องไห้ที่ดังออกมา ด้วยความรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจดวงน้อย
ไอญารินทร์เดินกลับเข้าไปในห้องที่เต็มไปด้วยความทรงจำของทั้งคู่ ยิ่งทำให้หญิงสาวร้องไห้หนักขึ้นไปอีก ร่างเล็กนอนร้องไห้จนเผลอหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า ความเสียใจให้เธอถึงกับนำไปฝัน และละเมอสะอื้นไห้ออกมา
ช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้เธอไม่สามารถเผชิญมันต่อไปได้คนเดียว หญิงสาวจึงเก็บกระเป๋าและเดินทางไปอาศัยอยู่กับ ขวัญจิรา ขจรกุลจิโรจน์ ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอ
เซเลบสาวสวยออกมารอรับน้องสาวด้วยความเป็นห่วง เมื่อทราบข่าวว่าเธอเลิกกับแฟนหนุ่มที่คบกันมาสิบปีคนนั้นแล้ว
ทันทีที่รถของเธอมาจอดอยู่หน้าบ้าน ขวัญจิราก็รีบเข้าไปรับน้องและช่วยขนของเข้าบ้าน
"ไม่เป็นไรนะ แกยังต้องเจอคนอีกเยอะ ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนสุดท้ายที่แกจะรักแน่นอนเชื่อฉันสิ"
คนเป็นพี่โอบกอดน้องสาว พร้อมพูดปลอบใจมือพลางลูบหลังร่างเล็กนั้นเบา ๆ ไปด้วย
แม้ตอนนี้จะเลิกร้องไห้ฟูมฟายแล้ว แต่หญิงสาวยังคงซึม ๆ เวลาที่อยู่คนเดียวก็ยังรู้สึกเคว้งคว้างและคิดมากอยู่ทุกครั้ง
"ไม่ได้ ฉันจะปล่อยให้แกอยู่คนเดียวไม่ได้ กระเป๋าไม่ต้องจัดเข้าตู้นะ พรุ่งนี้พี่จะพาไปล่องเรือสามวันสองคืน"
ขวัญจิราบอกกับน้องสาวขึ้น เธอมีนัดกับเพื่อน ๆ เรื่องไปออกทริปล่องเรือกัน ทริปนี้คนไปเยอะน่าจะสนุก และทำให้ไอญารินทร์ไม่ต้องจมอยู่กับความรู้สึกแย่ ๆ พวกนั้น
"หนูไม่อยากไปเลยอะ"
ใบหน้าจิ้มลิ้มมองหน้าพี่สาวแววตาเศร้าหมอง
"ไม่ได้ พี่ไม่ไว้ใจให้เราอยู่คนเดียว ดังนั้นเราต้องไปกับพี่"
ผู้เป็นพี่สาวบอกน้ำเสียงแกมบังคับอีกฝ่าย สุดท้ายเธอก็ไม่สามารถปฏิเสธพี่สาวได้
เช้าวันรุ่งขึ้นสองพี่น้องก็ได้เดินทางไปยังสนามบิน ซึ่งผู้เข้าร่วมทริปนี้ต่างก็เป็นเพื่อน ๆ ของขวัญจิรา ส่วนใหญ่จะควงแฟนกันมาด้วย เมื่อมากันครบก็เริ่มพูดคุยแนะนำตัวกัน
"นี่น้องสาวฉัน ไอญา ทุกคนน่าจะรู้จักหรือผ่าน ๆ ตากันบ้าง"
ขวัญจิราแนะนำน้องสาวให้เพื่อนรู้จัก
"ส่วนคนนี้พี่เม พี่น็อต เป็นแฟนกัน คะนิ้งกับมาร์คก็เป็นแฟนกัน ชลกับเอมก็เป็นแฟนกัน ส่วนนี่ไอ้ภัทรไม่มีใครเอา"
ขวัญจิราพูดหยอกเพื่อนคนสุดท้ายที่เป็นหนุ่มโสดของทริปนี้
"อ้าว ทำไมพูดงี้วะ กูไม่เอาใครต่างหากเว้ยนอกจากมึง"
ชายหนุ่มแซวหญิงสาวกลับสีหน้าเจ้าเล่ห์ ทำเอาเพื่อน ๆ ทุกคนต่างมองบนให้สองคนนี้
"สาธุ! กูขอให้ผีผลักพวกมึงสองคนสักทีเถอะ"
เอมพนมมือยกขึ้นเหนือหัว และอวยพรให้ทั้งคู่แบบประชดประชัน
"เหอะ! กูไม่นิยมของหลวงเท่าไร"
ขวัญจิราเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด เพื่อนชายของเขามีดีกรีเป็นถึงพันตำรวจเอก
"ไม่อยากอมของหลวงหน่อยเหรอวะ"
ชายหนุ่มพูดจาอย่างทะลึ่งแม้จะดูหยอกล้อแต่บางทีก็เหมือนจะคิดจริง
"หยุดเลยไอ้ภัทร!"
หญิงสาวตะโกนในหน้าเพื่อนชาย ด้วยสีหน้าเหวี่ยงวีนเพื่อน ๆ ในกลุ่มต่างหัวเราะทั้งคู่ เพราะสองคนมักจะทะเลาะกันตลอดเวลาที่เจอหน้ากัน
"มีใครติดต่อธามได้ไหม ยังไม่เห็นหน้ามันเลยเนี่ย"
พี่น็อตซึ่งเป็นรุ่นพี่ของทุกคนในกลุ่มถามหาชายหนุ่มอีกคนที่ยังมาไม่ถึง
"นู่นไงพี่ มันมาแล้ว"
มาร์คบุ้ยปากไปทางชายหนุ่มกำลังเดินมา ทำให้ทุกคนต้องหันไปมองพร้อมกัน รวมถึงไอญารินทร์ด้วย
เมื่อเธอหันหลังกลับไปก็พบกับชายหนุ่มร่างสูงแต่งตัวดูดีทันสมัย สวมแว่นตาสีดำกำลังเดินลากกระเป๋าเดินทางมาสมทบเพื่อนที่นั่งกันอยู่ก่อน
"มาสายนะจ๊ะสุดหล่อ"
ขวัญจิราเอ่ยแซวเพื่อนชายออกไป
"รถติดนิดหน่อย ขอโทษที่ทำให้ทุกคนรอครับ"
ธามถอดแว่นตาออกมองทุกคน แล้วก้มาสะดุดตากับดาราสาวสวย เขาพอจะเคยเห็นเธอผ่าน ๆ ตาอยู่บ้าง ชายหนุ่มจ้องมองจนหญิงสาวทำตัวไม่ถูก
"นี่น้องสาวกูเอง ไอญา ส่วนนี่ไอ้ธามเพื่อนพี่"
ขวัญจิราหันไปแนะนำธามให้หญิงสาวรู้จัก
"หวัดดีครับ"
ชายหนุ่มเอ่ยทักทายน้องสาวเพื่อนออกไปด้วยสีหน้าที่เป็นมิตร
แต่อีกฝ่ายกลับมองเขากลับไปด้วยสายตาที่เย็นชา และดูนิ่งขรึม จึงทำให้ธามรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ดูน่าสนใจดีเหมือนกันนะ
เมื่อทุกคนมาครบก็ทำการเช็คอิน และเดินทางไปยังจังหวัดหนึ่งทางตอนใต้ของประเทศ ที่มีน้ำทะเลสวยสะอาดน่าเที่ยวสุด ๆ
เมื่อถึงท่าเรือธามเห็นไอญารินทร์เป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เดินถือกระเป๋าหนัก ๆ คนเดียว ด้วยความมีน้ำใจเขาก็คิดจะเดินเข้าไปช่วย เพราะคนอื่น ๆ ต่างก็มีแฟนช่วยถือให้
"มาพี่ช่วยถือ"
ตรีธารากำลังจะแย่งกระเป๋าจากมือเธอ
"ไม่ต้องค่ะ ฉันถือเองได้"
น้ำเสียงแข็งปฏิเสธการช่วยเหลือนั้น ทำเอาคนตัวสูงถึงกับหน้าชาไปเลยทีเดียว แล้วจู่ ๆ ก็ให้นึกถึงผู้หญิงคนหนึ่งขึ้นมา เพราะกิริยาท่าทางแบบนี้นอกจากนลินก็มีเธอนี่แหละ ที่ปฏิเสธความช่วยเหลือจากเขาเช่นนี้
ตรีธาราได้แต่ยืนมองหญิงสาวในชุดกระโปรงสีขาวพลิ้วเดินจากเขาไป เมื่อขึ้นมาบนเรือยอชต์ลำใหญ่ทุกคนต่างก็จับจองห้องนอนกัน แต่ทว่าห้องนอนนั้นมีเพียงแค่ 5 ห้องเท่านั้น ภัทรและธามจึงต้องนอนด้วยกัน ส่วนขวัญและไอญารินทร์ก็นอนห้องเดียวกัน ที่เหลือก็นอนกับคู่ของตัวเอง
"ทำไมกูต้องได้นอนกับมึงเนี่ย"
ธามเดินเข้ามาเก็บของในห้องพร้อมกับภัทรเพื่อนสนิทของเขา
"หรือมึงจะนอนกับน้องไอญากูจะได้ไปนอนกับขวัญ"
ชายหนุ่มตอบกลับแบบไม่คิดอะไร
"พูดไปเรื่อยไอ้นี่!"
ร่างสูงเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุเมื่อเพื่อนของตัวเองพูดจาไร้สาระ
"มึงบอกไม่อยากนอนกับกู กูก็มีทางเลือกให้มึงนี่ไง"
ชายหนุ่มยกมุมปากขึ้นยิ้มให้อีกฝ่าย ตรีธาราจึงหยิบหมอที่ปลายเตียงปาใส่คนพูด อีกฝ่ายได้แต่หัวเราะชอบใจพร้อมกับรับหมอนที่เพื่อนรักเพิ่งส่งมาให้เมื่อครู่ด้วย
เมื่อเก็บของเสร็จ ทุกคนก็พักผ่อนตามอัธยาศัยนั่งชมวิวน้ำทะเลที่กว้างขวางสุดลูกหูลูกตา ไอญารินทร์เองก็มานั่งรับลมชิว ๆ เพียงลำพัง แววตาเศร้าหมองถูกปกปิดอยู่ภายใต้แว่นกันแดดสีดำ
แม้จะอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย แต่ก็ไม่ได้ทำให้หญิงสาวอดคิดถึงแต่ผู้ชายคนนั้นได้เลย เวลานี้เธอเหมือนคนกำลังหลงอยู่ในทางอันมืดสนิท เขาบอกให้เธอเดินหน้าต่อไปแต่ไม่ได้บอกว่าต้องเดินต่อไปทางไหน ถ้ามีใครสักคนมรช่วยจับมือเธอเดินออกไปจากความมืดมิดนี้ได้มันคงจะเป็นเรื่องที่ดี
"น้องเธอดูเศร้า ๆ นะ"
ตรีธาราเอ่ยขึ้นกับขวัญจิราในขณะที่สายตาก็มองไปยังบุคคลที่เอ่ยถึงซึ่งนั่งอยู่ไกลออกไปเพียงลำพัง
"มันพึ่งเลิกกับแฟน แผลยังสดใหม่คงจะเจ็บหนักน่าดู กูสงสารน้องกูเหมือนกันแต่ไม่รู้จะทำยังไงให้มันรู้สึกดีขึ้น เลยลากมันมาด้วยนี่แหละ"
ขวัญจิราหันไปตอบเพื่อนชายที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
เมื่อธามได้ยินดังนั้นก็ยิ่งรู้สึกสนใจผู้หญิงคนนี้ขึ้นไปอีก ไม่ใช่เพราะความสงสาร แต่อยากเห็นใบหน้าสวยของเธอมีรอยยิ้มมากกว่าคราบน้ำตาแบบนี้
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?