ตอนที่ 9 เริ่มเข้าใกล้บททดสอบ

หลังจากที่หายป่วยลินลดาก็กลับมาพักฟื้นที่คอนโด เธอคิดจะหาโอกาสพูดคุยกับเขาเรื่องของผู้หญิงคนนั้น แต่ชายหนุ่มก็ดูยุ่ง ๆ กับเรื่องงานเธอจึงไม่อยากจะหาเรื่องให้เขาปวดหัวไปมากกว่านี้ 

เมื่อหญิงสาวหายดีแล้ว เธอก็เริ่มกลับมารับงานถ่ายแบบถ่ายโฆษณาอีกครั้ง และวันนี้เป็นวันที่เธอมีถ่ายแบบที่ต่างจังหวัด และตรงกับวันที่เธียร์ติดงานสำคัญเขาจึงไม่สามารถไปกับเธอได้

“ฉันจะให้สิงหาขับรถไปส่งเธอ”

เสียงทุ้มบอกกับเธอ

“ลินขับไหวค่ะ แค่นี้เอง”

ร่างบางตอบอย่างมั่นใจ

“ไม่ก็คือไม่ !”

ชายหนุ่มเอ่ยเสียงแข็งดุเธอออกไป

หญิงสาวจึงนิ่งเงียบไม่เถียงต่อ 

...ปกติฉันก็ขับไปเองตลอดแล้วจู่ ๆ วันนี้จะส่งคนมาตามติดฉัน อะไรของเขากันเนี่ย... 

“แค่ทำตามที่ฉันสั่ง ไม่ดื้อกับฉันสักครั้งจะได้ไหม” ร่างสูงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเข้ม คิ้วสองข้างขมวดชนกัน ดวงตาคมจ้องเขม็งตาไม่กะพริบ

“เป็นผัวเหรอคะถึงมาสั่ง”

ร่างบางยอกย้อนยั่วโมโหเขาไปด้วยสีหน้าทะเล้น 

“แล้วเอากันทุกวันไม่ให้เป็นผัวแล้วจะให้เป็นอะไร !”

ชายหนุ่มตอบกลับทันที สีหน้าของเขาดูจริงจังเป็นพิเศษ หญิงสาวได้ยินคำตอบเช่นนี้ก็ทำเอาเธอไปต่อไม่ถูกเลยทีเดียว 

ใบหน้าเล็กร้อนผ่าวแดงระเรื่อ อาจเป็นเพราะเขาไม่ค่อยใช้คำนี้กับเธอบ่อย ๆ จึงทำให้หญิงสาวรู้สึกเคอะเขินเมื่อได้ยินจากปากของชายหนุ่ม ขณะที่คนร่างสูงพูดออกไปแบบหน้ามึนไม่ได้เขินอายอะไร

ลินลดาจำต้องยอมทำตามคำสั่งของเขาโดยให้สิงหาตามคอยดูแลเธออย่างใกล้ชิด ตลอดทั้งวันนลินและสิงหาก็พูดคุยกันมากขึ้น เขาและเธอก็อายุไม่ได้ห่างกันมากจึงคุยกันรู้เรื่อง 

“นี่นาย ฉันถามจริง ๆ นะ คุณเธียร์ยังมีผู้หญิงคนอื่นอีกใช่ไหม...นอกจากฉัน”

ร่างบางถามออกไปเผื่อว่าชายหนุ่มจะหลุดปากอะไรบางอย่าง สิงหามองเธอผ่านกระจกหลังก็สบตาเข้ากับดวงตากลมเล็กที่จ้องเขม็งมาที่เขา 

“ผมไม่ทราบครับ เรื่องส่วนตัวของเจ้านาย”

เสียงนิ่งเรียบกล่าวกับเธอ 

“ไม่ทราบได้ไงกัน นายใกล้ชิดกับเขาที่สุดนะ ทั้งไปไหนมาไหนด้วยกัน ตามติดเขาตลอดเวลานายต้องรู้สิว่าเขาไปไหนมาไหนกับใครบ้าง”

หญิงสาวร่างบางเอ่ยถามอย่างเอาแต่ใจ เพราะเธอยังไม่ได้คำตอบที่ต้องการ

“นอกจากคุณก็ไม่มีใครแล้วครับที่ผมต้องคอยหาข้าวหาน้ำให้กิน ไปรับไปส่ง ไปคอยดูแลอยู่แบบนี้ หน้าที่ผมคือดูแลคุณเธียร์ครับ”

ร่างสูงเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะเก็บกดมานาน เขาเอ่ยโดยไม่อ้อมค้อมทำเอาหญิงสาวรู้สึกเจ็บจี๊ดเบา ๆ

“นี่ ! นายจะมาโทษฉันไม่ได้นะ ฉันไม่ได้ขอให้นายมาตามดูแลฉันสักหน่อย คนที่ต้องการคือนู้น ! เจ้านายนายนู้น !”

หญิงสาวเถียงกลับเขาไปทันที เธอไม่ยอมโดนว่าหรอกนะ ใบหน้าเล็กทำสีหน้าบึ้งตึงใส่เขาทันที

“ผมทราบครับ แต่นี่มันคือหน้าที่ของผมที่เจ้านายผมสั่ง เพราะฉะนั้นผมก็จะต้องคอยดูแลคุณแบบนี้ต่อไปครับ”

ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย 

“ฉันจะฟ้องคุณเธียร์ว่านายบ่นฉันเหมือนฉันเป็นตัวปัญหา” เจ้าของใบหน้าเล็กทำหน้าหงิกงอใส่ ชายหนุ่มเหล่ตามองเธอแล้วได้แต่ขำในใจพร้อมกับส่ายหัวเบา ๆ 

ความสัมพันธ์ของสิงหาและนลินเหมือนเพื่อนกันเสียมากกว่าเพราะชายหนุ่มอายุมากกว่าเธอแค่สองปี และเขารู้จักเธอมาเป็นเวลานาน เพราะเจ้านายของเขาและนลินมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน เขาเองก็เป็นอีกคนที่ช่วยจัดการปัญหาหลาย ๆ อย่างของทั้งคู่

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องข่าวฉาวที่ต้องคอยตามเช็ดตามล้างให้เธอ แม้จะชอบพูดแหย่ให้เธอโมโหแต่ชายหนุ่มก็ไม่เคยคิดร้ายต่อเธอเลยสักครั้ง เพราะรู้ว่าเธอคือผู้หญิงที่เจ้านายของเขารัก เธียร์ไม่เคยทำแบบนี้กับใครนอกจากนลิน เขาวางใจให้คนของเขามาดูแลเธอขนาดนี้แสดงว่าเธอนั้นสำคัญกับเขามาก แต่สำหรับผู้หญิงนั้นแค่การกระทำมันยังไม่ชัดเจนพอ เพราะเธอต้องการได้ยินคำพูดที่ชัดเจนเพื่อที่จะได้ไม่รู้สึกว่าตนคิดไปเองหรือเปล่า 

ทั้งวันนลินก็วุ่นอยู่กับการถ่ายแบบชุดแต่งงานให้กับแบรนด์ดัง เธอต้องเดินทางมาถึงเขาใหญ่เพราะลูกค้าเลือกสถานที่นี้ ระหว่างที่หญิงสาวกำลังถ่ายรูปอยู่นั้นสิงหาก็คอยเฝ้าดูเธออยู่ไม่ห่าง ชายหนุ่มสังเกตเห็นรถยนต์คันเดิมที่เขาเจอที่โรงพยาบาลจอดอยู่ไกลออกไปอีกเช่นเคย เขาจึงถ่ายรูปเก็บไว้ ก่อนจะค่อย ๆ เดินไปทางที่รถจอดอยู่...แล้วรถคันนั้นก็ขับออกไป 

ณ บ้านสิงหบดินทร์

ธนากำลังนั่งดูรูปในไอแพด เป็นภาพที่เขาให้คนตามถ่ายลินลดาว่าเธอไปไหนทำอะไรกับใครบ้าง รวมถึงสืบค้นข้อมูลส่วนตัวต่าง ๆ ของเธอตลอดจนถึงครอบครัวของหญิงสาว 

“นลิน ลินลดา นางแบบงั้นเหรอ ?”

ชายวัยกลางคนเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้ม เขากำลังนั่งไถหน้าจอไอแพดอยู่ในห้องทำงานส่วนตัว

“หน้าตาก็ไม่ได้แย่ แต่เธอไม่มีกำลังมากพอที่จะซัปพอร์ตส่งเสริมลูกชายฉันนี่สิ... ลูกสาวคนเดียว... ที่บ้านเป็นเจ้าของสวนผลไม้”

ชายมีอายุเลื่อนอ่านข้อมูลของเธอที่มีอยู่ในมือขณะนี้ และเขาก็ไปสะดุดกับชื่อพ่อนลิน 

‘ชัยยศ เนตรนรางกุล’ เมื่อได้ยินชื่อนี้เขากลับรู้สึกคุ้นหูเหมือนเป็นชื่อเพื่อนเก่าของเขาตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย แต่ก็ผ่านมานานหลายสิบปีแล้ว เขาก็จำไม่ค่อยได้ จำได้เพียงว่าเพื่อนเก่าของเขาคนนั้น ธนามักจะเรียกเขาว่า ไอ้ยศ 

แต่เขาก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจสักเท่าไหร่ ตอนนี้เขาสนใจเพียงผู้หญิงที่ชื่อ นลิน เธอมีความสัมพันธ์แบบไหนกับลูกชายของเขากันแน่ เธียร์ถึงได้ส่งลูกน้องคนสนิทตามไปดูแลเธอขนาดนี้ 

“ถึงขั้นให้ลูกน้องคนสนิทตามประกบขนาดนี้ แสดงว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาแน่ ๆ คนอย่างเจ้าเธียร์ถึงให้ความสำคัญขนาดนี้”

เขารู้จักลูกชายของตนเองดีว่าเธียร์นั้นไม่เคยคบใครจริง ๆ จัง ๆ เพราะแต่ก่อนชายหนุ่มก็เปลี่ยนผู้หญิงเป็นว่าเล่น จนมาเจอผู้หญิงคนนี้

“ปีกว่าเลยงั้นหรือ ?”

เขาแอบตกใจที่เธออยู่กับลูกชายเขาได้นานขนาดนี้ 

พ่อของเธียร์ไม่ได้รู้สึกเกลียดอะไรหญิงสาวนัก เพียงแต่เธออยู่ผิดที่ผิดเวลา เขาไม่สามารถปล่อยให้ทั้งคู่รักกันได้ เพราะเธียร์เองก็ต้องสืบทอดตระกูลและธุรกิจของครอบครัว การที่เขาจะแต่งงานมีภรรยาผู้เป็นพ่อก็อยากได้ลูกสะใภ้ที่มาจากครอบครัวที่มีชาติตระกูลเพื่อที่จะช่วยเป็นหน้าเป็นตาให้แก่ครอบครัวของเขาได้ด้วย 

วันนี้เธียร์มีหน้าที่ต้องไปดูแลและต้อนรับแขกคนสำคัญของประเทศที่มาพักที่โรงแรมของเขา เขาจึงไม่สามารถละทิ้งหน้าที่นี้ได้ 

“จะไปไหนต่อเหรอ ?”

ผู้เป็นพี่เอ่ยถามน้องชายหลังจากเสร็จงานในช่วงดึก 

“ไม่รู้สิ ผมคงจะกลับคอนโดมั้ง”

ชายหนุ่มตอบกลับพี่ชายไป 

“ไปนั่งดื่มเป็นเพื่อนหน่อยดิ”

ธามเอ่ยชวนน้องชายด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ

“อารมณ์ไหนของพี่เนี่ย”

เธียร์เลิกคิ้วเหล่มองพี่ชายที่วันนี้ดูซึม ๆ อย่างกับคนอกหักยังไงอย่างงั้น 

“เหอะน่า แค่ไปนั่งเป็นเพื่อนแค่นี้ ทีฉันนั่งเฝ้าแกเข้าห้องน้ำมาตั้งกี่ปี ไม่เคยบ่นสักคำ”

คนเป็นพี่เอ่ยด้วยสีหน้าที่ดูน้อยใจ 

“เหอะ เริ่มทวงบุญคุณซะละ”

ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย 

ทั้งคู่ต่างก็มีมุมน่ารักในวัยเด็ก เธียร์มักจะขอร้องให้พี่ชายไปนั่งรอเขาตลอดเวลาที่จะต้องอาบน้ำหรือทำธุระในห้องน้ำนาน ๆ เพราะความเป็นคนที่กลัวผีจนขึ้นสมอง จึงเป็นเหตุให้คนเป็นพี่ต้องยอมไปเฝ้าน้องชายเป็นประจำกระทั่งโตเป็นหนุ่ม 

ณ ร้าน Timing Bar

เป็นร้านที่มีเจ้าของร้านหล่อสุดในย่านนี้ ลูกค้าส่วนใหญ่มักจะเป็นวัยทำงาน ดาราและคนมีชื่อเสียงอื่น ๆ อีกมากมาย โดยปกติแล้วเมื่อเสร็จจากงานของโรงแรมธามก็มักจะมาสิงอยู่ที่ร้านเสียส่วนใหญ่ 

“ลูกค้าเยอะแบบนี้ทุกวันเลยสินะ ไม่แปลกที่รวยขึ้นทุกทีอย่างนี้”

เธียร์ไม่ค่อยจะได้แวะมาร้านของพี่ชายสักเท่าไหร่ พอมาวันนี้เขาก็รู้สึกภูมิใจที่ธุรกิจของพี่ชายสำเร็จไปอีกหนึ่งอย่าง

“เขามาดูคนหล่อกัน”

ธามเป็นพวกตลกหน้าตาย ต่อให้เขาจะเล่นมุกตลกแค่ไหนแต่สีหน้าเขาก็ยังนิ่งเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ชายหนุ่มเอ่ยไปด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ 

“ผมสินะ”

ร่างสูงยกยิ้มพร้อมหัวเราะอย่างชอบใจ เขามักจะเผลอทำตัวเป็นเด็กทุกครั้งที่อยู่กับพี่ชายของเขา 

“ก็ต้องฉันสิ ฉันเป็นเจ้าของร้านนะ”

ตรีธาราพูดเล่นกับน้องชายออกไปด้วยสีหน้าแววตาที่ขบขัน

“แต่ผมเป็นน้องพี่นะ พี่ต้องยอมให้ผมหล่อกว่าสิ”

ปึงง !

ประโยคเดียวทำเอาความรู้สึกของธามหล่นวูบ พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที เขาพยายามจะกดความรู้สึกพวกนั้นไว้ให้มิดที่สุด ไม่ให้มันออกมาเวลาที่เขาอยู่กับเธียร์ เขาเองก็ไม่อยากมีความรู้สึกแย่ ๆ กับน้องชายสักเท่าไหร่ 

สีหน้าของเขาจืดเจื่อนขึ้นมาทันที แต่ชายหนุ่มก็พยายามที่จะเก็บไว้และมองข้ามสิ่งที่น้องชายของเขาพูด 

“แล้วไงวะ เรื่องแบบนี้มันยอมกันได้ที่ไหน”

ธามพูดหยอกเล่นกับเธียร์ออกไปด้วยน้ำเสียงปกติ 

“ถ้าจะขนาดนี้ผมยอมแพ้พี่ก็ได้ แต่แค่ครั้งนี้เท่านั้นนะ”

เธียร์เอ่ยด้วยรอยยิ้มปนหัวเราะ

ทั้งคู่นั่งคุยเรื่องต่าง ๆ สัพเพเหระตามประสาพี่น้องที่ไม่ค่อยจะได้เจอกัน ธามเองก็อยากจะกระชับความสัมพันธ์ของเขาและน้องชายให้มากขึ้นกว่านี้เผื่อมันจะลบเรื่องราวและความรู้สึกแย่ ๆ พวกนั้นออกไปได้ เขายังคงรักและหวังดีกับน้องชายของเขาเสมอ แต่บางทีความรู้สึกพวกนั้นมันก็มักจะถาโถมเข้ามาใส่แบบไม่ทันตั้งตัว 

“ผมต้องขอตัวกลับละ ไว้ว่าง ๆ จะแวะมาหาบ่อย ๆ”

เธียร์เอ่ยลาพี่ชาย โดยธามเดินออกมาส่งน้องชายขึ้นรถ

“โอเค กลับดี ๆ”

เขาหันไปบอกกับน้องชายที่กำลังขึ้นรถ โดยมีคนขับรถส่วนตัวอย่างสิงหามารับกลับ

“ฝากด้วยนะ”

ธามตบไหล่สิงหาเบา ๆ 

“ครับคุณธาม”

ชายหนุ่มตอบกลับ ก่อนจะเดินอ้อมไปขึ้นรถอีกฝั่งหนึ่ง

ระหว่างเดินทางกลับคอนโด สิงหาก็ตัดสินใจรายงานเรื่องวันนี้ออกไป 

“นายครับ วันนี้เหมือนผมจะเจอคนของคุณท่านนะครับ ที่เขาใหญ่”

ชายหนุ่มกล่าวออกไปพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ส่งให้เธียร์ 

ร่างสูงรับโทรศัพท์มาเปิดดูรูปที่อีกฝ่ายถ่ายไว้ เขาขมวดคิ้วทันที เพราะเป็นรถคันเดียวกับที่เจอที่โรงพยาบาลวันนั้น 

“ไม่ได้เกิดเรื่องอะไรใช่ไหม”

สีหน้ากลุ้มใจเอ่ยถามเขาออกไป 

“ไม่ครับ... เหมือนจะตามถ่ายรูปว่าเธออยู่ไหนทำอะไรมากกว่าครับ”

สิงหาตอบกลับเขาไป 

เฮ้ออ !

ร่างสูงถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา เขารู้สึกเหมือนจะเจออุปสรรคใหญ่เสียแล้วสิ 

“ฉันคงต้องเข้าไปบ้านใหญ่แล้วล่ะ”

ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดูเหนื่อยหน่าย ก่อนจะทอดสายตามองออกไปนอกกระจกเพื่อปล่อยให้ตนเองได้คิดอะไรเรื่อยเปื่อยเงียบ ๆ คนเดียว 

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ