โต๊ะอาหารเล็กๆ ในบ้านถูกจัดวางอย่างเรียบง่าย กลิ่นหอมของน้ำแกงหม่าล่าแบบเผ็ด ๆ และผัดผักสำหรับสองคน ทำให้รู้สึกหิวขึ้นมาจริง ๆ หานหมิงเย่และหลิวเหมยฮวานั่งตรงข้ามกัน เสียงถ้วยชามกระทบกันเบาๆ แทรกเข้ามาในความเงียบ
"คุณเล่าให้ฟังหน่อยสิว่า บ้านที่คุณโตมาเป็นยังไงบ้าง?" หานหมิงเย่ถามขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
หลิวเหมยฮวาช้อนตาขึ้นมอง นิ่งไปชั่วขณะ "ฉันเคยเล่าตั้งแต่แรกตอนแต่งงานใหม่ๆแล้วค่ะ พี่จำไม่ได้เหรอ?"
"ผมอยากฟังอีกครั้ง" หานหมิงเย่ตักข้าวให้เธอ "คุณคิดถึงบ้านบ้างไหม?"
"บางครั้งก็คิดถึงค่ะ" หลิวเหมยฮวาตอบเสียงเบา "พ่อแม่ฉันเป็นชาวนา ตอนเด็กๆ ฉันชอบช่วยแม่เก็บผักจากสวนหลังบ้าน ถึงแม้ว่าครอบครัวของเราจะยากจน แต่ก็มีความสุขกันดี"
"แล้วพวกเขาสบายดีไหม? คุณอยากพาพวกเขามาอยู่ในเมืองด้วยกันที่นี่บ้างหรือเปล่า?" หานหมิงเย่ถาม เขาต่อด้วยคำถามอีกหลายข้อ ทั้งเรื่องหนังสือที่เธอชอบอ่าน และงานอดิเรกยามว่าง
"พี่หมิงเย่..." หลิวเหมยฮวาวางตะเกียบลง "ทำไมอยู่ดีๆ พี่ถึงถามเรื่องพวกนี้ล่ะ? ปกติพี่ไม่สนใจเรื่องของฉันสักเท่าไหร่เลยนิคะ"
คำพูดของเธอทำให้หานหมิงเย่รู้สึกผิดยิ่งขึ้น เขาหลุบตาลงมองชามข้าว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตาเธอ
"ผมรู้... และผมขอโทษนะ" เขาพูดเสียงแผ่ว "ผมเป็นสามีที่แย่มาก แต่ต่อไปผมจะพยายามทำให้ดีขึ้น"
หานหมิงเย่เอื้อมมือไปจับมือหลิวเหมยฮวา "ผมแค่คิดได้ว่า...เราแต่งงานกันมาสามปีแล้ว แต่ผมแทบไม่รู้จักคุณเลย"
ชายหนุ่มจ้องตาเธออย่างจริงจัง "คุณเป็นภรรยาของผม เป็นคนสำคัญในชีวิตผม ผมควรจะรู้ว่าคุณชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ผมอยากฟังเรื่องราวของคุณ"
หลิวเหมยฮวาอ้าปากค้าง ไม่รู้จะตอบอย่างไร ในที่สุดเธอก็ยิ้มออกมา ก่อนจะบีบมือของเขาเบาๆ
"ฉันจะเล่าให้พี่ฟัง...ทุกเรื่องเลยค่ะ" เธอตอบ ดวงตาเป็นประกาย "และฉันก็อยากรู้จักพี่มากขึ้นเหมือนกัน"
หลิวเหมยฮวามองหน้าหานหมิงเย่อย่างพินิจ "ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นกับพี่กันแน่? ตั้งแต่ตื่นนอนเช้านี้ พี่ก็เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน"
หานหมิงเย่เงียบไปชั่วครู่ เขาไม่สามารถบอกความจริงกับเธอได้ "ผมฝันร้ายมาก ฝันว่าผมสูญเสียทุกอย่าง แม้แต่ชีวิต รวมทั้งคุณด้วย" เขาตอบ มองตรงไปในดวงตาของเธอ "บางทีฝันอาจเป็นสิ่งเตือนใจให้ผมหันมามองสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต"
หลิวเหมยฮวาไม่ตอบ แต่รอยยิ้มบางๆ ปรากฏบนใบหน้าเธอแม้จะยังสงสัยในการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของสามีก็ตาม
"จริงสิ" หานหมิงเย่นึกขึ้นได้พลางเปลี่ยนเรื่องเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจออกไป "วันนี้มีพนักงานใหม่มาทำงานที่โรงงาน ทำงานในแผนกบัญชี"
"อ๋อ ใช่ คุณเฉินเจียหลิงที่พวกเราคุยกันตอนเช้าใช่ไหมคะ?" หลิวเหมยฮวาถาม "เป็นยังไงบ้าง? เธอเก่งเหมือนที่จบมาจากปักกิ่งไหมคะ?"
หานหมิงเย่ยักไหล่ "ยังไม่รู้ คงต้องรอดูผลงานก่อน"
"แล้วเธอเป็นคนยังไง? สวยไหมคะ?" หลิวเหมยฮวาถามอย่างไร้เดียงสา
หานหมิงเย่ชะงัก จ้องมองภรรยาอย่างพินิจ เขาจำได้ว่าในชาติก่อน เขาตอบคำถามนี้ว่า 'สวยมาก น่าทึ่งมาก บุคลิกก็ดูดี' ซึ่งทำให้หลิวเหมยฮวาเงียบไปทั้งคืน
"ธรรมดานะ" เขาตอบเรียบๆ "ดูเป็นคนฉลาด แต่ผมยังไม่ค่อยไว้ใจเธอเท่าไหร่"
คำตอบของเขาทำให้หลิวเหมยฮวาดูประหลาดใจ "ทำไมล่ะคะ?"
"ผมไม่รู้ ผมแค่รู้สึกว่ามันแปลกที่ คนที่เรียนจบจากปักกิ่งจะอยากมาทำงานที่เซินเจิ้น" หานหมิงเย่ตอบ "คุณเคยได้ยินสำนวนที่ว่า 'งูพิษมักซ่อนตัวใต้ดอกไม้สวยงาม' ไหม?"
หลิวเหมยฮวาพยักหน้า "คุณพ่อฉันก็ชอบพูดแบบนี้ ท่านเคยบอกว่า 'อย่าไว้ใจคนหน้าตาดีเกินไป พวกเขาชอบใช้ความงามเป็นอาวุธ'"
"พ่อของคุณเป็นคนฉลาดนะ" หานหมิงเย่ยิ้ม
หลังอาหารเย็น หานหมิงเย่ช่วยหลิวเหมยฮวาล้างจาน ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยทำมาก่อนในชาติก่อน ทุกอย่างที่เขาทำล้วนทำให้หลิวเหมยฮวาประหลาดใจ
"เหมยฮวา เรามานั่งคุยกันหน่อยไหม?" หานหมิงเย่ชวน หลังจากจัดการงานบ้านเสร็จ
ทั้งคู่นั่งลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่น บนโต๊ะมีชาร้อนสองถ้วยที่ควันลอยขึ้นส่งกลิ่นหอมจนอยากลิ้มลอง เสียงฝนตกกระทบหลังคาสร้างบรรยากาศเงียบสงบ
"ผมกำลังคิดเรื่องอนาคตของเรา" หานหมิงเย่เริ่ม "ผมอยากขยายธุรกิจ แต่ก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะทำยังไง จะหาคู่ค้าหรือลุยเดี่ยว ผมกังวลว่าจะมีหลายคนคิดไม่ดีกับผม"
"พี่กำลังพูดถึงใครเหรอคะ?" หลิวเหมยฮวาถาม
"หวังเล่อ" หานหมิงเย่ตอบตรงๆ "เขาพยายามชวนผมลงทุนในโครงการใหม่ แต่ผมไม่ค่อยไว้ใจเขา"
หลิวเหมยฮวาขมวดคิ้ว "แต่เขาเป็นเพื่อนของพี่มานานแล้วไม่ใช่เหรอคะ?"
"ใช่ แต่ในโลกธุรกิจ บางครั้งเพื่อนก็อาจกลายเป็นศัตรูได้ โดยเฉพาะเมื่อมีเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง"
"แล้วคุณเฉินเจียหลิงล่ะ? เธอเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า?"
คำถามของหลิวเหมยฮวาทำให้หานหมิงเย่ต้องมอง เธอฉลาดกว่าที่เขาคิดมาก "ทำไมถึงถามแบบนั้น?"
หลิวเหมยฮวาเม้มปาก "ฉันไม่รู้... แค่รู้สึก เหมือนที่พี่ว่า ทำไมจู่ๆ คนจากมหาวิทยาลัยดังๆ ถึงอยากมาทำงานที่โรงงานเล็กๆ ของเรา? มันแปลกเกินไปหน่อยนะคะ?"
หานหมิงเย่อดยิ้มไม่ได้ หลิวเหมยฮวามีสัญชาตญาณที่ดีเช่นกัน "คุณฉลาดกว่าที่ผมคิดนะ"
หลิวเหมยฮวาแก้มแดง "ไม่หรอกค่ะ ฉันแค่..."
"ไม่ ผมจริงจัง" หานหมิงเย่ขัด "คุณฉลาดมาก และผมควรฟังคุณให้มากกว่านี้"
เขาเอื้อมมือไปจับมือเธอ "เหมยฮวา ผมอยากขอให้คุณช่วย ถ้าคุณสังเกตเห็นอะไรแปลกๆ เกี่ยวกับหวังเล่อหรือเฉินเจียหลิง ช่วยบอกผมหน่อยได้ไหม"
หลิวเหมยฮวาพยักหน้า "ได้ค่ะ"
"แต่อย่าทำให้พวกเขาสงสัย" หานหมิงเย่กำชับ "แค่สังเกตการณ์เงียบๆ ผมไม่อยากให้คุณตกอยู่ในอันตราย"
คำพูดสุดท้ายทำให้หลิวเหมยฮวาดูตกใจ "อันตราย? พี่คิดว่ามันร้ายแรงขนาดนั้นเลยหรือคะ?"
หานหมิงเย่รู้ว่าเขาพูดมากเกินไป "ผมแค่บอกให้คุณระมัดระวังตัวไว้ก่อน ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอก"
แต่ในใจลึกๆ เขารู้ดีว่าอันตรายกำลังรออยู่ หวังเล่อและเฉินเจียหลิงเป็นคู่หูที่อันตรายกว่าที่หลิวเหมยฮวาจะจินตนาการได้
"เอาล่ะ" หานหมิงเย่เปลี่ยนเรื่อง "พรุ่งนี้วันเสาร์ เราออกไปเที่ยวด้วยกันไหม? ไปตลาดเช้าก็ได้ หรือจะไปเดินแถวท่าเรือดี"
ใบหน้าของหลิวเหมยฮวาสว่างขึ้นทันที "จริงเหรอคะ? พี่ไม่ต้องไปทำงานเหรอ?"
"วันหยุดก็ควรหยุดพักบ้าง" หานหมิงเย่ยิ้ม "ธุรกิจก็เป็นเรื่องที่สำคัญ แต่ผมว่าครอบครัวสำคัญกว่า"
หลิวเหมยฮวายิ้มกว้าง ดวงตาเป็นประกาย และในช่วงเวลานั้น หานหมิงเย่เพิ่งตระหนักเห็นว่าเธอสวยเพียงใด ไม่ใช่ความงามแบบเฉินเจียหลิงที่คมเข้มน่าหลงใหล แต่เป็นความงามที่อบอุ่น จริงใจ และบริสุทธิ์
"ขอบคุณนะคะ" หลิวเหมยฮวากระซิบ
หานหมิงเย่โอบเธอเข้ามาในอ้อมแขน "ไม่ เป็นผมต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณ"
"แล้วตอนนี้ก็ได้เวลาที่ผมต้องชดใช้คืนเงินต้นที่ยืมคุณมาแล้ว" หานหมิงเย่ไม่ว่าเปล่า เขาก็ลุกขึ้นจากโซฟา ย่อตัวลงอุ้มร่างภรรยาขึ้นมาเต็มอ้อมแขน จากนั้นก็เดินขึ้นบันไดตรงดิ่งไปยังห้องนอนทันที
ตอนแรกหลิวเหมยฮวากรีดร้องออกมาด้วยความตกใจที่ถูกยกตัวขึ้นอย่างกระทันหัน ทว่าพอได้มองจ้องเข้าไปในดวงตาของสามี เธอก็เขินอายจนกว่าจะพูดออกมาเป็นคำพูดได้ เนื่องจากเธอเห็นสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักและอารมณ์พิศวาสในดวงตาคู่คมนั้นของหานหมิงเย่ ซึ่งมันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน