ตอนที่ 1 ขายลูกกิน

“เห็นเอ็งมาแต่เล็กจนโตเป็นสาวป่านนี้ กลับบ้านทีก็มืดค่ำตลอด ลุงล่ะอดห่วงไม่ได้ เกิดวันไหนลุงติดธุระ เอ็งอย่าซี้ซั้วไปกับคนแปลกหน้านะ เป็นสาวเป็นนางอันตรายรอบด้าน เจอคนไม่ดีจะแย่เอา”

ลุงวินมอเตอร์ไซค์เจ้าประจำที่คอยไปรับไปส่งตั้งแต่เรียนประถมเตือนด้วยความหวังดี เวลาสองทุ่มไม่ถือว่าดึกมากสำหรับวิถีชีวิตในเมืองกรุง ทว่าซอยบ้านของ มาเบล กันตสกุล ยังเป็นแหล่งชุมชนแออัด ไฟฟ้าตามข้างถนนหนทางริบหรี่มีก็เหมือนไม่มี เรียกว่าเปลี่ยววังเวงเสียจนน่ากลัว ยิ่งโตเป็นสาวแล้วยิ่งต้องระวัง ถึงรู้อย่างนั้นก็ทำอะไรไม่ได้มาก เพราะความจนมันบีบบังคับให้ต้องทนรับกับสภาพแวดล้อมเหล่านี้

“ทำไงได้ล่ะลุง เบลก็ไม่อยากปล่อยน้องไว้บ้านคนเดียวนานเหมือนกัน แต่มันจำเป็น นี่เบลพึ่งรับงานเพิ่มกะดึก กว่าจะกลับก็คงเช้ามืด ตอนนั้นลุงน่าจะมาทำงานอีกรอบแล้วมั้ง”

ดวงหน้าสดสวยภายใต้เงาเรือนรางของแสงไฟหน้ารถจักรยานยนต์นับเงินในมือส่งให้ลุงวินมอเตอร์ไซค์ มาเบลในวัยยี่สิบปียิ้มอย่างไม่ค่อยพอใจนักให้กับโชคชะตา

“เฮ้ย! เอ็งทำงานขนาดนั้นจะตายเอานะ มีเวลานอนเรอะ? ลุงเห็นพวกสาวๆ หน้าตาดีแบบเอ็งหาแฟนรวยให้เลี้ยงถมเถ ไม่งั้นหรือว่าเอ็งจะลองดูบ้าง เผื่อกลายเป็นหนูตกถังข้าวสารจะได้เหนื่อยน้อยลง” ลุงวินมอเตอร์ไซค์ไม่มีเจตนาดูถูก เพียงช่วยชี้แนะแนวทางให้หญิงสาวที่ทำงานตัวเป็นเกลียวมีทางเลือกเพิ่ม

มาเบลส่ายหน้า ไม่ถือโทษโกรธสักนิดเพราะทราบว่าลุงเป็นห่วงจริงๆ “มันง่ายที่ไหนล่ะลุง หาแฟนรวยก็เหมือนซื้อหวยนั่นแหละ กว่าจะได้กว่าจะเจอ ความเสี่ยงมันก็พอๆกัน เบลเข้าบ้านล่ะ ป่านนี้เจ้าวินกินข้าวหรือยังก็ไม่รู้”

ลุงวินกลับออกไป มาเบลยังไม่ทันจะล้วงหากุญแจไขประตู สายตาพลันไปสะดุดเข้ากับรถยนต์สีดำคันหนึ่ง ซึ่งจอดอยู่บนถนนเลยทางเข้าบ้านของเธอไปเล็กน้อย เดิมทีไม่สังเกตเพราะตัวรถเป็นสีเดียวกับความมืด ทว่าไฟจากรถมอเตอร์ไซค์ลุงส่องไปพอดีจึงได้เห็น หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่น

เหตุใดถึงมีรถยนต์มาจอดที่แถวบ้านเธอล่ะ

หรือพ่อกลับมาแล้ว คงไม่ได้พาเพื่อนขี้เมาจากคาสิโนกลับมาด้วยใช่ไหม ความคิดนี้ทำให้หญิงสาวเป็นกังวล

เธอกำลังจะไขประตูรั้วเข้าไปแต่กลับพบว่ามันไม่ได้ล็อก นั่นทำให้ยิ่งร้อนใจ บ้านหลังนี้เธออาศัยอยู่มาตั้งแต่เล็กจนโต ตัวบ้านเป็นไม้ชั้นเดียวปลูกรั้วผักครึ่งเอวล้อมรอบอย่างง่าย เดิมก็ป้องกันอันตรายไม่ค่อยได้หากมีคนคิดจะเข้ามาขโมยของ มาเบลจึงกำชับน้องชายวัยเจ็ดปีให้ล็อกรั้วด้านหน้าดีๆ อย่างน้อยก็คงป้องกันได้ในระดับหนึ่ง ทว่านี่กลับผิดปกติ

ทันทีที่สาวเท้าเข้ามาข้างใน ก็ได้เห็นว่าตรงกลางบ้าน บิดาที่ไม่เจอหน้ากันกว่าหนึ่งเดือนกลับมาพร้อมสภาพครึ่งผีครึ่งคน ใบหน้าบวมปูด ร่างกายแทบทุกส่วนช้ำไปหมด กำลังทำท่าพินอบพิเทาคุยบางอย่างอยู่กับคนแปลกหน้าสองคนเป็นชายหญิง วัยกลางคนแล้ว เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของน้องชาย มาวิน กันตสกุล เพิ่มระดับขึ้นเลยเดี๋ยวนั้นทันที

“พี่เบล ฮือๆ ช่วยวินด้วย วินไม่ไป วินไม่อยากไปกับพวกเขา พี่เบล อย่าทิ้งวินนะ”

น้อยมากที่น้องชายจะงอแงหรือแสดงอาการต่อต้าน มาเบลเข้าไปดึงเขาออกมาจากมือคนแปลกหน้า พร้อมกับหันไปถามบิดาเสียงสั่น “นี่มันอะไรกันพ่อ คนพวกนี้พ่อพามาบ้านเราทำไม พ่อจะให้น้องไปไหน”

คนแปลกหน้าทั้งสองคนถูกจ้องไม่เป็นมิตรก็ตกใจเล็กน้อย ส่วนผู้เป็นบิดาเสียงอ่อนยิ่งกว่าครั้งไหน “เบลเอ๊ย เอ็งทำงานหามรุ่งหามค่ำแทบไม่ได้นอนเลยไม่ใช่รึ? ปล่อยเจ้าวินอยู่บ้านคนเดียวพ่อไม่วางใจ พ่อเลี้ยงเอ็งสองคนพร้อมกันไม่ไหว ให้น้องไปอยู่กับครอบครัวใหม่ที่เขาพร้อมกว่าเถอะ”

“วินไม่ไป ฮึกๆ วินจะอยู่กับพี่เบล วินไม่ไปโรงเรียนก็ได้ ไม่กินข้าวก็ได้ แต่วินจะอยู่กับพี่เบล”

เสียงประท้วงเจอสะอื้น เด็กชายตัวน้อยกอดเอวพี่สาวไม่ยอมปล่อย น้ำตาที่ราวกับเม็ดฝนเปียกปอนท่วมหน้า น้ำมูกเช็ดไปที่เสื้อของพี่สาวจนเปรอะเปื้อน มาเบลลูบศีรษะน้องชาย แววตาที่สุกใสสะท้อนความเย็นชา

“คนที่เลี้ยงน้องมาตลอดคือเบล แล้วเบลก็เลี้ยงตัวเองมาตั้งแต่แม่เสีย พ่อเหนื่อยอะไรเหรอถึงได้บอกว่าไม่ไหว วันๆ ไปซุกหัวเล่นพนันที่บ่อน หมดเนื้อหมดตัวกลับมาบ้านก็ได้กินข้าวที่เบลทำงานแลกเงินมาซื้อ พ่อเหนื่อยอะไร?”

เพื่อครอบครัว เพื่อน้องชาย เธอเลือกที่จะทำงานหัวซุกหัวซุนให้ตายไปข้าง สู้สุดใจไม่ว่าจะเจอความยากลำบากแค่ไหน บิดากลับมาบอกว่าเลี้ยงพวกเราไม่ไหว ตลกเกินไปหรือเปล่า? ลืมไปแล้วสิว่าตั้งแต่มัธยมเป็นใครที่ก้มหน้าก้มตาหาเงินงกๆ ราวกับเป็นเสาหลักของบ้าน เลี้ยงน้องชายแบเบาะมาคนเดียวในวันที่พ่อกลายเป็นผีพนัน

กระทั่งเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย ทั้งที่สามารถสอบชิงทุนเอาตัวรอดคนเดียวได้ แต่เธอก็เลือกที่จะสละไปเรียนนอกระบบ เพื่อให้ตัวเองมีเวลาหาเงินและอยู่กับน้องชายมากยิ่งขึ้น

มานพ กันตสกุล ถูกลูกสาวเยาะหยันต่อหน้าแขกพลันบันดาลโทสะ ลุกขึ้นมาฟาดฝ่ามือหยาบตบไปที่ใบหน้าเธอ

“นังเด็กนี่! แค่ฉันให้แกเกิดมาก็เป็นบุญคุณแล้วยังอกตัญญูไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่ เอ็งเหมือนกันไอ้วิน ลูกผู้ชายร้องไห้ทำพระแสงอะไร ไปอยู่กับเขาก็ไม่ใช่จะเจอพี่สาวแกไม่ได้อีก ไสหัวไปให้ฉันเดี๋ยวนี้ ไอ้พวกลูกเนรคุณ”

ก่อนที่พ่อลูกจะทะเลาะกันไปใหญ่โต ในที่สุดแขกแปลกหน้าทั้งสองคนก็ลุกขึ้นยืน “พี่มานพ ในเมื่อเด็กไม่อยากไป ไม่งั้น…”

“ไม่ได้! ไอ้วิน เอ็งไปกับเขาเดี๋ยวนี้ ข้ารับเงินเขามาแล้ว เอ็งไม่อยากให้พี่สาวเอ็งสบายเหรอ ข้าจะเอาเงินส่วนนี้แบ่งให้พี่สาวเอ็งไปเรียนมหา’ลัยด้วย” มานพจะเข้ามาดึงตัวมาวินออกจากมาเบล พลันต้องเซถอยหลังเพราะถูกลูกสาวผลัก

“สุดยอดจริงๆ คนเรา มิน่าถึงได้รีบร้อนนัก พ่อขายวินแลกเงินนี่เอง”

พอมีสิ่งที่เรียกว่าเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง ที่พยายามโน้มน้าวทั้งหมดกลายเป็นความหวังดีจอมปลอมทันที มาเบลเสียใจกับความประพฤติของบิดานับครั้งไม่ได้ แม้แต่น้ำตาก็ไม่มีให้ไหลแล้ว

เธอไล่คนแปลกหน้าอย่างไม่เกรงใจ ตอนที่มานพร้อนรนตามออกไปเจรจากับพวกเขา มาเบลให้น้องชายเข้าไปเก็บข้าวของใส่กระเป๋า บ้านหลังนี้เธออยู่ไม่ได้แล้ว นี่เป็นโอกาสสุดท้ายสำหรับบิดา ไม่มีทางที่เขาจะปรับปรุงตัว ถ้ายังปล่อยไว้ไม่ช้าพ่อจะต้องหาคนมาพามาวินไปอีก

ขโมยเงินของเธอ นั่นยังถือว่าพอรับได้ ขโมยข้าวของในบ้านไปขายแม้แต่เครื่องใช้ไฟฟ้า ก็ยังไม่ถึงจุดแตกหัก

ทว่าขายลูกกินคือขีดจำกัด บ้านหลังนี้ก็คือนรก เธอจะต้องหนีไปให้ไกล

ห้องแถวรายวันกลางเมืองใหญ่ อาศัยจังหวะที่บิดาไม่อยู่ขนข้าวของออกมาได้สำเร็จ มาเบลให้น้องชายอาบน้ำนอนก่อน ส่วนตัวเธอคิดหาทางว่าจะเอายังไงต่อ ขณะเลื่อนดูห้องเช่าใกล้ที่ทำงานเงียบๆ ทันใดนั้นประตูก็ถูกถีบปัง!

หญิงสาวตากลมหวานสะดุ้งเฮือก มาวินที่หลับไปแล้วก็พลอยตื่นตระหนกจนต้องงัวเงียลุกขั้นมา พอพบว่ามีผู้ชายตัวใหญ่สามสี่คนท่าทางน่ากลัวยืนกันอยู่จนเต็มห้อง เด็กชายพลันคลานไปกอดพี่สาวไว้

“จะหนีไปไหนไม่ทราบ โอ้โห! สวยนี่หว่า มิน่าเจ้านายถึงได้ไว้ชีวิตไอ้ผีพนันนั่น” ลูกน้องตัวใหญ่ยักษ์จ้องมาเบลตาเป็นมัน พอจะยื่นมือไปสัมผัสเธอก็โดนพรรคพวกที่มาด้วยกันห้าม

“อย่าแตะให้มีรอยสิวะ เจ้านายไม่ชอบ ถ้าเอ็งอยากได้รอเจ้านายเบื่อก่อน รับรองว่าสมใจแน่”

บทสนทนาน่ารังเกียจนี่มันอะไรกัน? มาเบลมึนงงได้แต่ร้องขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครกล้ามาสอด ห้องข้างๆ หรือแม้แต่เจ้าของห้องแถว พอได้เห็นรูปร่างของผู้บุกรุกก็เดาได้ว่าคนพวกนี้ไม่ธรรมดา เผลอๆ อาจจะมีปืนมาด้วย มาเบลกับน้องชายจึงถูกอุ้มหายไปกับความเงียบ

“ช่วยด้วย! ปล่อยฉันนะ ช่วยด้วย!”

“หุบปาก! ไม่งั้นข้าจะจัดการน้องแกก่อนเลย”

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ