“หนูไม่ยอมนะคะคุณพ่อ หนูไม่ยอมเด็ดขาด กรี๊ดดด” หญิงสาวอาละวาดเสียงดังอยู่ในรถตู้ส่วนตัว
“โอเค ๆ ลูก พ่อเข้าใจหนูน้า ใจเย็น ๆ ก่อนนะลูกนะ”
ผู้เป็นพ่อพูดปลอบลูกสาวให้สงบสติอารมณ์ลง
“หนูไม่ยอมเสียพี่เธียร์ให้นังนั่นแน่ ๆ”
หญิงสาวพูดอย่างเอาแต่ใจ ริมฝีบางเล็กคว่ำลงอย่างไม่พอใจ
“ลูกไม่ต้องห่วงนะ เรื่องนี้พ่อจะจัดการให้เอง”
ผู้เป็นพ่อลูบหัวลูกสาวเบา ๆ และให้คำสัญญาว่าจะทำตามที่ลูกสาวต้องการ
“หนูเกลียดมันค่ะ นังนลินนั่น !”
หญิงสาวร่างเล็กกล่าวด้วยน้ำเสียงโกรธแค้นพร้อมสายตาอาฆาต
“ใครคือนลินเหรอลูก ?”
ผู้เป็นแม่เอ่ยถามลูกสาวออกไปด้วยความสงสัย
“หนูไม่แน่ใจค่ะว่ามันเป็นอะไรกับพี่เธียร์แต่หนูเกลียดมันค่ะคุณแม่ คุณแม่ต้องจัดการมันให้หนูนะคะ !”
หญิงสาวโวยวายดิ้นพล่านเหมือนเด็กที่ยังไม่โต
แต่ความจริงคือปีนี้เธอกำลังจะย่างเข้าวัย 24 ปีแล้ว เธอถูกเลี้ยงดูแบบตามใจมาตั้งแต่เด็ก ๆ ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ต่างตามใจเธอทุกอย่างไม่ว่าจะผิดหรือถูก ถ้าหากว่าเธออาละวาดทุกคนก็พร้อมที่จะตามใจ ให้เธอได้ในสิ่งที่ต้องการ
ทางด้านของธีรติ เขาขับรถยนต์คันหรูยี่ห้อดังมาด้วยความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ปลายทางของเขาคือโรงพยาบาลที่ใกล้คอนโดเขาที่สุด เมื่อเดินทางมาถึงก็รีบตรงไปที่ห้องฉุกเฉินในทันที ไปถึงก็พบกับสิงหาที่นั่งรอเขาอยู่หน้าห้อง
“นลินเป็นไงบ้าง”
ร่างสูงเอ่ยถามด้วยสีหน้ากระวนกระวายใจ
“เธอเข้าไปข้างในประมาณ 10 นาทีได้แล้วครับ”
สิงหาตอบกลับด้วยสีหน้าซีดเผือด
“เกิดอะไรขึ้นทำไมถึงเป็นแบบนี้”
เสียงทุ้มเอ่ยถามชายหนุ่มด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล คิ้วสองข้างขมวดจนชิดเข้าหากัน
“ผมนั่งรออยู่ที่ห้องรับแขกสักพักก็ได้ยินเสียงแปลก ๆ จึงรีบเดินเข้าไปดูเธอก็เห็นว่าเธอกำลังชักเกร็ง ผมพยายามเรียกให้เธอได้สติแต่เธอก็ไม่รู้สึกตัว ผมเลยอุ้มคุณนลินลงมาขึ้นรถแล้วมาส่งโรงพยาบาลครับ”
สิงหาอธิบายเสียงสั่นเพราะเขายังคงตกใจไม่หาย
ลินลดาอยู่ในห้องฉุกเฉินนานหลายชั่วโมง ชายหนุ่มได้แต่นั่งรอเงียบ ๆ อยู่หน้าห้อง
“ญาติคุณลินลดาค่ะ อยู่ไหมคะ ?”
เสียงพยาบาลเอ่ยเรียกหาญาติผู้ป่วย
“ครับ ผมเองครับ”
ร่างสูงลุกขึ้นแล้วเดินไปหาพยาบาลในทันที
“ญาติคุณลินลดา เนตรนรางกุลนะคะ ?”
พยาบาลเอ่ยถามเพื่อยืนยันอีกรอบ
“ใช่ครับ”
สีหน้าชายหนุ่มดูเป็นกังวลหนักขึ้นไปอีก เมื่อเห็นพยาบาลที่มีสีหน้านิ่งเรียบ
“ตอนนี้คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้วนะคะ ไข้ก็ลดแล้ว เหลือแค่นอนพักฟื้นรบกวนญาติช่วยไปทำเรื่องห้องพักผู้ป่วยด้วยนะคะ”
เมื่อได้ยินประโยคดังกล่าวเธียร์ก็รู้สึกหายใจโล่งขึ้นมาทันที เขานึกว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอแล้วเสียอีก สีหน้าชายหนุ่มยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจที่รู้ว่าเธอไม่เป็นอะไรแล้ว
หลังจากนลินย้ายออกมาพักฟื้นที่ห้องพักผู้ป่วยซึ่งเธียร์จองห้อง VIP ไว้ให้โดยเฉพาะ เพื่อให้เธอได้พักผ่อนอย่างเต็มที่และมีความเป็นส่วนตัว
ธีรตินั่งมองหญิงสาวที่กำลังนอนหลับอยู่ในขณะนี้ เขาได้คิดอะไรหลาย ๆ อย่าง...
หากต้องเสียผู้หญิงคนนี้ไปชีวิตเขาจะเป็นยังไงกันนะ หากว่าเขาตื่นมาตอนเช้าแล้วไม่เจอหน้าเธอเหมือนทุกวัน เขาจะรู้สึกเสียใจหรือเปล่า ?
...แต่วันนี้สิ่งที่ชัดเจนที่สุดที่ฉันสัมผัสได้กับความรู้สึกของตัวเอง คือฉันเป็นห่วงเธอมากจริง ๆ ฉันยอมละทิ้งทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเพื่อมาหาเธอ ฉันรู้แล้วว่าเธอคือคนสำคัญสำหรับฉัน... แววตาคมจ้องมองไปที่ใบหน้าเรียวเล็กที่ตอนนี้ดูเหมือนจะซูบลงเล็กน้อย
หญิงสาวเริ่มขยับตัวและค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา ใบหน้าแรกที่เธอเห็นคือชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ลินลดาเผยยิ้มมุมปากขึ้นมาด้วยความดีใจ นลินจ้องมองไปยังสายน้ำเกลือและมองไปบริเวณรอบ ๆ ห้องที่ดูหรูอย่างกับอยู่โรงแรมแต่กลับใส่ชุดของโรงพยาบาล
“ดื่มน้ำหน่อยไหม”
ร่างสูงเอ่ยถามเธอออกไป
“....”
หญิงสาวพยักหน้าเบา ๆ แทนคำตอบ ชายหนุ่มก็เดินไปเทน้ำใส่แก้วมาให้เธอ
“คุณไปไหนมาคะ”
ร่างบางเอ่ยถามเพราะเธอจำได้ว่าเขาออกไปข้างนอกเพราะตอนนั้นนลินเองก็กึ่งหลับกึ่งตื่น เลยพอจะจำได้ราง ๆ
“ไปทานข้าวกับคุณพ่อคุณแม่มาน่ะ”
ร่างสูงตอบเธอออกไป หญิงสาวก็ทำพยักหน้าเข้าใจคำพูดเขา
“หิวหรือเปล่า ?”
เสียงทุ้มเอ่ยถามหญิงสาว
“หิวค่ะ”
ร่างเล็กทำตาปริบ ๆ เพราะเธอไม่ได้กินอะไรเลยทั้งวัน นอนซมจนลุกไม่ไหว
“หึ เป็นไงล่ะ... จุดจบสายดื้อ เกือบเอาชีวิตไม่รอดเพื่อแลกกับเงินไม่กี่บาท”
เขาหัวเราะเยาะเย้ยเธอเบา ๆ ก่อนจะเดินไปหยิบอาหารมาอุ่นให้
“ถ้าจะมาซ้ำเติมกันงั้นคุณกลับไปเถอะค่ะ”
ใบหน้าเรียวเล็กหงิกงอในทันที
ชายหนุ่มเหลือบตามองไปที่หญิงสาวที่นั่งกอดอกทำหน้าบึ้งตึงอยู่บนเตียง ก็อดไม่ได้ที่จะเอ็นดูคนที่ทำตัวขี้งอนเหมือนเด็ก ชายหนุ่มร่างสูงถือถ้วยโจ๊กเดินมานั่งลงข้าง ๆ หญิงสาว แต่ใบหน้าเรียวเล็กกลับเบือนหน้าหนีไปทางอื่น
“จะหันมาดี ๆ หรือจะต้องให้บังคับ”
ชายหนุ่มกดเสียงต่ำเอ่ยกับเธอ
นลินยังคงนิ่งแต่ก็มีเหล่ตามามองเขาอยู่บ้าง ชายหนุ่มจึงใช้มือล็อกคางของหญิงสาวจับให้เธอหันมาหา นลินกำลังจะดิ้นขัดขืนปากแกร่งก็งับไปที่ริมฝีปากของเธอทันที ชายหนุ่มเข้าจู่โจมเธออย่างหิวกระหาย หญิงสาวก็ไม่มีท่าทีที่ปฏิเสธ อีกทั้งยังจูบกลับอีกด้วย ทั้งคู่นัวเนียกันอยู่สักพักจนพอใจ
“พอดีกว่า เดี๋ยวเธอจะได้ป่วยหนักกว่าเดิม”
ชายหนุ่มผละออกเพราะถ้าน้องชายของเขาตื่นขึ้นมามันจะเป็นเรื่อง หญิงสาวได้แต่มองเขานิ่ง ๆ และหันมาทานข้าวที่เขาป้อน
คืนนั้นเธียร์ก็อยู่เป็นเพื่อนนอนเฝ้าเธอไปจนเช้า
ณ บ้านสิงหบดินทร์
ในเวลาอาหารเช้าบนโต๊ะอาหารมีเพียงชายหญิงวัยกลางคนที่นั่งทานอาหารเช้าด้วยกันแบบนี้เป็นประจำ เพราะลูกชายต่างแยกออกไปใช้ชีวิตส่วนตัวกันทั้งคู่
“คุณคิดว่าลูกจะยอมแต่งจริง ๆ หรือคะ ? ลูกไม่ได้รักเธอด้วยซ้ำจะให้แต่งให้อยู่กินกันไป ยังไงก็ไปกันไม่รอดหรอกค่ะ”
ผู้เป็นภรรยาออกความเห็น
“ผมไม่ได้สนใจเรื่องความรักของพวกเขาเสียหน่อย ผมสนใจแค่เรื่องธุรกิจ”
ธนาเอ่ยกับภรรยาด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“หมายความว่ายังไงคะ”
คุณหญิงทำหน้างุนงงไม่เข้าใจในสิ่งที่สามีพูด
“คุณก็รู้...ว่านี่มันคือธุรกิจ ทุกอย่างที่ทำลงไปมันคือการลงทุน ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วต่างมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ผมก็จะได้ในสิ่งที่ผมต้องการและแน่นอนว่าการแต่งงานครั้งนี้ต้องเป็นที่จับตามองของนักธุรกิจคนอื่น ๆ”
พ่อของเธียร์เองก็เป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงเพราะโรงแรมของเขาเป็นโรงแรมชื่อดังที่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ไหนจะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อีกมากมายที่ดูแลอยู่ เรียกได้ว่าเป็นผู้มีอิทธิพลอีกคนเลยก็ว่าได้
ส่วนมานพก็เป็นผู้ที่มีชื่อเสียงในด้านการทำธุรกิจเช่นกัน เป็นเจ้าของโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่และธุรกิจอื่น ๆ อีกมากมาย นี่จึงเป็นเหตุผลถ้าหากสองตระกูลแต่งงานกัน คงจะเป็นที่น่าเชื่อถือในการทำธุรกิจมากขึ้นไปอีก
นั่นเป็นเหตุผลที่พ่อของเธียร์อยากให้ลูกชายของตนแต่งงานกับลูกสาวของมานพ เพราะมันมีผลต่อธุรกิจของตนในอนาคต
“ถ้าเกิดว่าลูกไม่ยอมละคะ”
เนตรนภาเอ่ยถามผู้เป็นสามีด้วยน้ำเสียงอ่อน
“ผมก็จะทำทุกหนทางให้มันยอม ไม่ว่าจะแลกมาด้วยอะไรก็ตามและตอนนี้ผมให้คนตามสืบข้อมูลผู้หญิงที่เจ้าเธียร์มันกำลังติดอยู่ ดูแล้วน่าจะไม่ธรรมดา ไม่งั้นลูกคงไม่วิ่งหน้าตั้งไปหาเพียงเพราะเธอโทรมาแค่กริ๊งเดียวหรอก เหอะ !”
ชายวัยกลางคนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เขาสั่งลูกน้องของเขาตามสืบข้อมูลของนลินแล้ว
เช้าวันนี้เธียร์ต้องกลับไปที่คอนโดเพื่อที่จะไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดและไปทำงานที่บริษัท เขาและพี่ชายได้รับหน้าที่ดูแลงานของโรงแรมทุกอย่างและทุกสาขา ผู้เป็นพ่ออยากให้ลองบริหารในด้านนี้ก่อนจะให้ไปดูแลธุรกิจอื่น ๆ ต่อในอนาคต ระหว่างที่ชายหนุ่มเดินออกมาจากโรงพยาบาล สิงหาก็ได้เตรียมรถมารอรับเขาแล้ว
“นายครับ ผมสังเกตเห็นรถของบ้านใหญ่ครับ ผมไม่แน่ใจว่าคนในรถเป็นใคร แต่ไม่น่าจะใช่คุณท่านหรอกครับ”
สิงหาเอ่ยกับเธียร์พร้อมมองไปที่กระจกหลัง ชายหนุ่มได้ยินก็หันไปมองรถยนต์สีดำที่จอดอยู่ไกลออกไป
“เหอะ ! ลงทุนถึงขึ้นส่งคนมาตามสืบเลยสินะ”
ร่างสูงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ เขารู้ทันทีว่านี่เป็นฝีมือของพ่อเขาแน่
“ต่อไปนายต้องจับตามองนลินทุกฝีก้าวเวลาที่ฉันไม่ได้อยู่กับเธอ อย่าให้คนของป๊าเข้าใกล้เธอเด็ดขาด” ร่างสูงออกคำสั่งกับชายหนุ่ม
“ครับนาย”
นลินที่นั่ง ๆ นอน ๆ อยู่คนเดียวก็รู้สึกเหงาจึงถ่ายรูปส่งไปเรียกร้องความสงสารจากเพื่อน ๆ ของเธอ
‘เหงามาก มาหาหน่อย’ หญิงสาวพิมพ์ข้อความแล้วกดส่งเข้าไปในแชตกลุ่ม
‘เป็นไร... ใกล้ตายยัง’ ปากแซ่บตามประสาเพื่อนแท้ กีกี้ ชายแท้เล็บเจลเป็นคนกล่าว
‘รอบนี้เป็นไร โดนผัวซ้อมเหรอจ๊ะ’ มิ้ง เสริมทัพตามมาอีกคน แต่ละคนจิกกัดกันแรงไม่ไหว
‘มาเหอะ กูเหงาจริง คิดถึงพวกมึงมากเนี่ย’ เจ้าของร่างบางตอบกลับเพื่อน
ต่อให้ปากแซ่บใส่กันแค่ไหนสุดท้ายเมื่อเห็นเพื่อนเป็นแบบนี้พวกเขาก็ต้องมาหาเธอด้วยความเป็นห่วงอยู่ดี เพราะนลินคือคนที่เพื่อนในกลุ่มห่วงที่สุด ถึงลุคเธอจะดูแรงแต่เอาเข้าจริง ๆ เธอมักจะถูกคนอื่นเอาเปรียบอยู่บ่อย ๆ เพราะนลินเก่งแค่กับบางเรื่อง ส่วนเรื่องตัวเองนี่เอาตัวไม่รอดเลยจริง ๆ
หญิงสาวก็นั่งเล่นพูดคุยกับเพื่อนไปแก้เหงา อย่างน้อยเธอก็จะได้ไม่ต้องอยู่คนเดียวระหว่างที่เธียร์ไม่อยู่ เมื่อไม่ได้เจอกันนานเพื่อนสาวต่างก็มีเรื่องมาอัปเดตกันรวมถึงนลินด้วยเช่นกัน เธอเล่าถึงเหตุการณ์ของน้ำฟ้าให้กับเพื่อนของเธอฟัง
เพราะเธอเป็นเพียงผู้หญิงตัวคนเดียวที่เดินทางมาเรียนและใช้ชีวิตเพียงลำพังอยู่ในเมืองกรุง นอกจากเพื่อนสนิทแล้วเธอก็ไม่มีใครใกล้ชิดให้ปรึกษาปัญหาชีวิตอีกแล้ว นี่เป็นเหตุผลทำไมนลินถึงไม่เคยมีความลับกับเพื่อนของเธอเลย
“หืมม นังนี่สมควรแล้วแหละที่โดนตบ”
เมื่อได้ฟังที่นลินพูด กีกี้ก็มีอารมณ์ฉุนเฉียวขึ้นมาทันที
“พี่น้องอะไรไปนั่งกอดกันกลม ประสาทละ !”
มิ้งเองก็เช่นกัน
“แล้วพี่เธียร์แกว่ายังไง สรุปนังนั่นเป็นใคร”
หญิงสาวถามอย่างเอาเรื่อง
“ไม่รู้ วันนั้นโดนศึกหนักจนลืมถามเรื่องนี้เลยว่ะ”
หญิงสาวตอบออกไปอย่างเขินอาย
“แหมมม !!!”
เพื่อนสาวต่างพร้อมใจกันเบะปากมองบน
“แล้วมึงก็จะปล่อยผ่านเหมือนครั้งก่อน ๆ อีกหรือไง”
มิ้งจ้องหน้าเพื่อนสาวด้วยท่าทีที่จริงจัง เพราะตั้งแต่นลินรู้จักกับเธียร์มา ทั้งสองคนมักจะทะเลาะกันเรื่องผู้หญิงของเธียร์ และเธอก็มักจะใจอ่อนเพียงเพราะเขาให้ความสำคัญกับเธอมากกว่าคนพวกนั้น
“......” นลินนิ่งเงียบไม่พูดอะไร
“กูบอกมึงหลายครั้งแล้วว่ามึงจะรักใครมึงรักเลยกูไม่เคยว่า แต่มึงต้องรักตัวเองด้วย ไม่ใช่ปล่อยให้เขาทำอะไรกับมึงก็ได้เพียงเพราะว่ามึงรักเขา”
คำพูดของเพื่อนทำให้เธอฉุกคิดอะไรได้หลาย ๆ อย่าง
...เป็นเพราะฉันรักเขามากจริง ๆ รักจนไม่อยากเสียผู้ชายคนนี้ไปให้ใคร ฉันถึงได้ยอมเขาทุกอย่าง ยอมเป็นอะไรก็ได้ในชีวิตของเขา ยอมไม่มีสถานะเพื่อแลกกับการที่มีเขาอยู่ในชีวิต ยอมปล่อยผ่านเรื่องที่เคยทำร้ายจิตใจฉัน ต่อให้เขาโกหกฉันอีกกี่ครั้ง...ฉันก็ยังยืนยันคำเดิมว่าฉันจะเชื่อใจเขาจนกว่าความสัมพันธ์ของเรามันจะไปต่อไม่ได้จริง ๆ ...
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?