แม้ซูเยี่ยนหลิงจะเคยพานพบบุรุษรูปงามมามากมาย ทว่านางปฏิเสธไม่ได้ว่ารุ่ยอ๋องเป็นบุรุษที่มีเสน่ห์ชวนให้รู้สึกน่าหลงใหลมากกว่าคนอื่นๆ
หากวันนั้นรถม้าของนางไม่เกิดพังระหว่างทาง นางก็คงไม่ได้รู้จักกับรุ่ยอ๋องเช่นนี้ อีกทั้งวันนี้ยังได้พบกับเขาเข้าโดยบังเอิญ หากไม่กล่าวว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะโชคชะตานำพา นางก็ไม่รู้จะกล่าวว่าอย่างไรแล้ว
“คารวะท่านอ๋องเพคะ”
ซูเยี่ยนหลิงยอบกายคำนับชายหนุ่มตรงหน้าด้วยท่าทางขวยเขิน ยามที่นางช้อนสายตาขึ้นมองก็พบว่าเขากำลังแย้มรอยยิ้มอ่อนโยนมาให้ ด้วยภาพลักษณ์เช่นนี้จึงทำให้ไม่มีผู้ใดระแคะระคายว่ารุ่ยอ๋องจะหมายปองตำแหน่งรัชทายาทของน้องชายอย่างโจวหยางอวี้ กระทั่งฮ่องเต้เองก็ไม่เคยคิดว่าพระโอรสองค์โตจะมีความคิดที่มักใหญ่ใฝ่สูงเช่นกัน หากแต่ผู้ใดจะล่วงรู้ว่าภายใต้หน้ากากอันแสนอ่อนโยนนี้จะซ่อนความชั่วร้ายไว้มากมายเพียงใด
“คราวก่อนที่ท่านอ๋องช่วยหม่อมฉันเอาไว้ หม่อมฉันยังไม่ได้ตอบแทนเลย หากท่านอ๋องไม่รังเกียจ หม่อมฉันขอเลี้ยงน้ำชาท่านอ๋องสักจอกจะได้หรือไม่เพคะ”
แน่นอนว่าบุญคุณของรุ่ยอ๋องในครั้งนั้น ซูเยี่ยนหลิงไม่มีวันลืม ทว่าการเชิญชวนนี้ก็หาใช่เพื่อตอบแทนบุญคุณเสียทีเดียว แต่เป็นเพราะนางอยากหาโอกาสให้ตนเองได้สนทนากับรุ่ยอ๋องต่างหาก เผื่อความรู้จักใกล้ชิดจะแปรเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นตามที่ใจของนางได้คาดหวังเอาไว้
“ไหนๆ วันนี้พวกเราก็พบกันโดยบังเอิญแล้ว ข้าจะปฏิเสธน้ำใจของคุณหนูซูได้อย่างไรเล่า”
เมื่อเห็นว่ารุ่ยอ๋องมิได้ปฏิเสธคำเชิญชวนนั้น ความยินดีพลันบังเกิดขึ้นในใจของซูเยี่ยนหลิง นางเริ่มวาดฝันถึงชีวิตในวันข้างหน้าของตน หากนางได้แต่งเข้าตำหนักอ๋อง นางจะต้องสุขสบายไปทั้งชีวิตแน่ๆ ที่สำคัญฐานะของนางจะต้องเหนือกว่าลู่ฟางหนิงอย่างแน่นอน เมื่อคิดได้ดังนั้นนางก็แย้มรอยยิ้มออกมาไม่หยุด
ทว่าโจวหยางเทียนที่มองการกระทำของซูเยี่ยนหลิงอยู่ตลอดเวลากลับเย้ยหยันนางอยู่ภายในใจ เพราะสตรีเช่นนี้เขาจะไม่มีวันยกขึ้นมาเป็นพระชายาอย่างแน่นอน
“เช่นนั้นพวกเราไปดื่มชาที่ร้านตรงนู้นดีหรือไม่เพคะ ผู้คนไม่เยอะ พวกเราจะได้ไม่เป็นที่จับตามอง”
ซูเยี่ยนหลิงชี้ไปยังร้านน้ำชาแห่งหนึ่งซึ่งไม่ค่อยมีผู้คนพลุกพล่าน แม้จะกล่าวว่าไม่อยากให้ใครพบ แต่ความคิดของนางกลับตรงกันข้าม
โจวหยางเทียนแย้มรอยยิ้มให้นาง ก่อนจะพยักหน้าตอบรับ จากนั้นคนทั้งสองจึงตรงไปยังร้านน้ำชาแห่งนั้นทันทีโดยที่เหล่าคนรับใช้รออยู่ไม่ไกลจากจุดที่พวกเขาทั้งสองอยู่เท่าใดนัก
“ไม่ทราบว่าวันพรุ่งนี้คุณหนูซูจะเข้าร่วมงานเทศกาลล่าสัตว์หรือไม่” โจวหยางเทียนเอ่ยขึ้นหลังจากที่เข้ามานั่งภายในร้านน้ำชาแล้ว
ซูเยี่ยนหลิงได้ยินดังนั้นก็รีบเอ่ยตอบคำถามของรุ่ยอ๋องทันที “เข้าร่วมเพคะ หม่อมฉันจะไปพร้อมกับสหายอีกคนหนึ่ง”
“สหายอย่างนั้นหรือ?”
เห็นสีหน้าสงสัยของรุ่ยอ๋อง ซูเยี่ยนหลิงก็ไม่คิดจะปิดบังว่าสหายผู้นั้นคือใคร นางเอ่ยว่า “นางเป็นบุตรสาวของท่านแม่ทัพลู่หนิงเหอ นามว่าลู่ฟางหนิงเพคะ”
โจวหยางเทียนได้ยินดังนั้นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ปรากฏขึ้น ทว่าซูเยี่ยนหลิงที่เพิ่งยกจอกชาขึ้นดื่มกลับไม่ทันสังเกตเห็นรอยยิ้มนั้น แน่นอนว่าเหตุผลที่โจวหยางเทียนเข้าหาซูเยี่ยนหลิงหาใช่เพราะเขามีใจเสน่หาต่อนาง แต่เพราะว่านางเป็นสหายของลู่ฟางหนิง สตรีที่เป็นเป้าหมายของเขาต่างหาก
หากจะถามว่าเหตุใดเขาไม่เข้าหาลู่ฟางหนิงตั้งแต่แรก แต่กลับเข้าหาซูเยี่ยนหลิงก่อน นั่นก็เพราะว่าลู่ฟางหนิงผู้นั้นถูกแม่ทัพลู่หนิงเหอเลี้ยงดูราวกับไข่ในหิน การจะเข้าถึงตัวนางได้หาใช่เรื่องง่ายดาย ดังนั้นเขาจำต้องใช้ซูเยี่ยนหลิงเป็นสะพานข้ามเสียก่อน เพราะนางเข้าถึงตัวได้ง่ายกว่าลู่ฟางหนิง และดูเหมือนนางจะไม่ค่อยฉลาดเท่าที่ควร คนเช่นนี้แหละที่เหมาะแก่การใช้งานมากที่สุดแล้ว
“คุณหนูซูรู้หรือไม่ว่าการเข้าป่าล่าสัตว์นั้นอันตรายยิ่งนัก ในป่ามีสัตว์ร้ายมากมายที่พร้อมจะทำร้ายเจ้าได้ทุกเมื่อ”
โจวหยางเทียนหาได้เอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาลอยๆ หากแต่เขาจงใจเอ่ยเช่นนี้ออกมา เพราะได้วางแผนการบางอย่างเอาไว้แล้ว เพียงแค่รอคอยเวลาที่ซูเยี่ยนหลิงจะตกลงไปในหลุมพรางที่เขาขุดเอาไว้ก็เท่านั้น
“การเข้าป่าล่าสัตว์อันตรายถึงเพียงนั้นเชียวหรือเพคะ!”
เมื่อได้ยินคำพูดของรุ่ยอ๋อง ดวงหน้าของซูเยี่ยนหลิงก็ซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว นางไม่เคยเข้าป่าล่าสัตว์มาก่อน ปีนี้เป็นปีแรกที่พวกนางได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมงาน เดิมทีคิดว่าเป็นเพียงการเข้าป่าล่าสัตว์เพื่อหาความสนุกสนานตามที่ได้ยินคนอื่นเล่าต่อๆ กันมาก็เท่านั้น ไม่คาดคิดว่าภายในป่าจะมีอันตรายหรือสัตว์ร้ายเหมือนเช่นที่รุ่ยอ๋องเอ่ยบอก
โจวหยางเทียนเห็นว่าซูเยี่ยนหลิงเริ่มตกหลุมพรางของตนแล้ว เขาจึงเอ่ยขึ้นว่า “อันตรายสิ ข้าไปล่าสัตว์ครั้งแรกตอนอายุเจ็ดขวบ เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเจอตัวอะไร”
ซูเยี่ยนหลิงส่ายหน้า แน่นอนว่านางไม่รู้ แต่เมื่อเห็นสีหน้าของรุ่ยอ๋องเริ่มจริงจังขึ้นมา นางก็คาดเดาได้ไม่ยากว่าเขาต้องพบเจอกับสัตว์ที่ดุร้ายมากๆ อย่างแน่นอน
“ข้าเจอเข้ากับหมียักษ์ ยามนั้นหากไม่ได้เหล่าขุนนางกับองครักษ์ช่วยเหลือ ข้าคงไม่มีชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนี้”
“มะ…หมียักษ์หรือเพคะ!”
ซูเยี่ยนหลิงได้ยินเรื่องเล่าของรุ่ยอ๋อง เม็ดเหงื่อก็เริ่มผุดซึมตามกรอบหน้า นางเริ่มจินตนาการว่าหากนางพบสัตว์ขนดุร้ายตัวนั้น นางจะทำเช่นไร ในใจของซูเยี่ยนหลิงเริ่มไม่อยากเข้าร่วมงานเทศกาลล่าสัตว์แล้ว
“แต่เจ้าไม่ต้องกังวลไป” โจวหยางเทียนเอ่ยขึ้น พลางหยิบสิ่งของบางอย่างออกมาจากแขนเสื้อ จากนั้นจึงยื่นให้กับซูเยี่ยนหลิง “ถุงหอมถุงนี้จะช่วยไล่สัตว์ร้ายไม่ให้เข้ามาใกล้เจ้า รับไว้สิ”
ซูเยี่ยนหลิงรีบรับถุงหอมถุงนั้นมาถือไว้ทันที “ขอบคุณท่านอ๋องที่เป็นห่วงความปลอดภัยของหม่อมฉันเพคะ”
นางมองถุงหอมในมือด้วยความดีใจ เพราะหากรุ่ยอ๋องมอบของล้ำค่าเช่นนี้ให้กับนาง เช่นนั้นก็หมายความว่าเขาเป็นห่วงนางกลัวว่านางจะได้รับอันตรายจากสัตว์ร้ายใช่หรือไม่ แม้ซูเยี่ยนหลิงไม่อยากคิดเข้าข้างตนเอง แต่การกระทำของรุ่ยอ๋องในยามนี้ทำให้นางอดคิดเช่นนั้นไม่ได้
โจวหยางเทียนเมื่อเห็นว่าซูเยี่ยนหลิงตกลงไปในหลุมพรางที่เขาขุดเอาไว้แล้ว เขาก็เหยียดยิ้มมุมปากออกมา จากนั้นจึงได้ยื่นถุงหอมอีกถุงให้กับนาง
”คุณหนูซูจะไปกับสหายมิใช่หรือ เช่นนั้นก็มอบถุงหอมถุงนี้ให้กับนางด้วยสิ”
ซูเยี่ยนหลิงมองถุงหอมที่รุ่ยอ๋องยื่นมาให้ แม้จะไม่พอใจที่เขามอบมันให้กับลู่ฟางหนิงอีกถุง แต่นางก็ต้องเก็บสีหน้าและอารมณ์เหล่านั้นเอาไว้ ก่อนจะยื่นมือออกไปรับ
“ขอบคุณท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันจะให้หนิงหนิงพกถุงหอมถุงนี้ไว้ติดตัวเช่นเดียวกัน”
โจวหยางเทียนได้ยินดังนั้นจึงแย้มรอยยิ้มกว้างออกมา ซูเยี่ยนหลิงเห็นรอยยิ้มอ่อนโยนของเขาอารมณ์ที่ไม่พอใจเมื่อครู่ก็พลันหายเป็นปลิดทิ้ง นางบิดตัวด้วยท่าทางเขินอายอีกครั้ง แต่นางกลับไม่รู้ว่าถุงหอมของลู่ฟางหนิงที่อยู่ในมือนั้นหาใช่ถุงหอมธรรมดาเหมือนเช่นถุงหอมของนาง ทว่าด้านในนั้นมีส่วนผสมของสมุนไพรชนิดหนึ่งซึ่งทำให้ม้าเกิดอาการคลุ้มคลั่ง
ในงานเทศกาลล่าสัตว์ปีนี้ โจวหยางเทียนจะต้องทำให้ลู่ฟางหนิงตกหลุมรักเขาให้ได้ซึ่งวิธีการนั้นก็คือ เขาจะเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงาม การพบกันครั้งแรกของพวกเขาทั้งสองคน เขาจะต้องทำให้ลู่ฟางหนิงเกิดความประทับใจ แม้วิธีการนั้นจะไม่เถรตรงสักเท่าใด แต่เขาก็หาได้ใส่ใจนัก ขอเพียงแผนการของเขาสำเร็จก็เป็นพอ
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?