“อย่าสำออยน่า ก่อนหน้ายังอดทนเก่งไม่ยอมครางอยู่เลย ตอนนี้กลับเดินไม่ไหวซะแล้ว”
มาเบลถูกทารุณจนยับเยินไปถึงสามรอบ แต่ละรอบกินเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง เธอยังเป็นคนอยู่นะ จะเดินเหินทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ยังไง มาเบลแต่งตัวพอให้ตนเองไม่น่าอนาถจนเกินไป เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีอันน้อยนิด เธอไม่ยอมขอความช่วยเหลือ ไม่เปล่งเสียงสักแอะ เพียงกัดฟันเดินกะเผลกขาตามผู้ชายตัวสูงใหญ่เงียบๆ อยู่ทางด้านหลัง
คาชาถอนหายใจเบื่อหน่าย กลายเป็นแบบนี้แล้วยังจะกอดศักดิ์ศรีไร้ค่านั่นอยู่อีก จากที่อารมณ์ดี มันทำให้เขาชักจะหงุดหงิด ชายหนุ่มหยุดเดินไม่บอกกล่าว มาเบลที่ก้มหน้าก้มตาสังเวชสภาพตัวเองไม่ทันระวัง จึงชนเข้ากับแผ่นหลังของเขา มันไม่เจ็บ ทว่าก็เพียงพอจะซ้ำเติมแผลเก่า หญิงสาวโงนเงนจวนจะล้ม พลันมีฝ่ามือหนาหยาบคว้าช่วงเอวเอาไว้
“น่ารำคาญชะมัด เดินช้าแบบนี้เมื่อไหร่จะถึง อยากให้ฉันทิ้งเธอไว้ รอให้พวกลูกน้องมันมาเล่นต่อหรือไง?”
สาวน้อยนัยน์ตาพร่ามัวเงียบปาก ทว่าในใจกลับปะทุไปด้วยถ้อยคำผรุสวาทที่ระคายหู เป็นคนเลวรังแกได้แม้กระทั่งผู้หญิงตัวเล็กๆ ไม่พอ ยังทำเหมือนว่าเธอเป็นลูกหมาลูกแมวข้างถนน ที่อับจนหนทางเฝ้ารอรับความปรานีจากเขา คอยดูเถอะ สักวันถ้ามีโอกาส เธอจะต้องหาวิธีเอาคืนผู้ชายคนนี้ ให้เขาได้รู้ซึ้งว่าใช้อำนาจข่มเหงคนอื่นมันรสชาติเป็นยังไง
หลังออกจากโกดังเก่า สิบห้านาทีต่อมาที่หอพักในย่านชุมชนใจกลางเมือง ชายหนุ่มอุ้มมาเบลในท่าเจ้าหญิงเดินขึ้นบันไดแคบขนาดสามคนเรียงหน้ากระดานไปยังชั้นสามของตัวอาคารห้าชั้น ภายนอกสภาพสิ่งก่อสร้างดูเก่าอายุราวสิบกว่าปี
เวลานี้ดึกสงัด คนเช่าน่าจะเข้านอนหมดแล้วจึงไม่พบเห็นใคร มาเบลไม่เข้าใจว่าเหตุใดผู้ชายเลวถึงพาเธอมาที่นี่ จนเมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้องหมายเลขสามศูนย์หนึ่ง ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเจือแหบพร่าร้องเรียก ใจที่หนักอึ้งพลันโล่งทันที
“พี่เบล ฮือๆ” มาวินที่น้ำตาพึ่งจะแห้งร้องไห้อย่างไม่สนใจใคร ดึกป่านนี้เขาฝืนทนต่อความง่วง ผู้ชายที่มาเฝ้าบอกให้นอนก่อนก็ไม่ยอมนอน ต้องได้เจอหน้าพี่สาวเท่านั้นถึงจะปลอบประโลมหัวใจที่บอบช้ำของเด็กชาย
มาเบลถูกวางลงยืนบนพื้นห้อง พอพบว่าน้องชายปลอดภัยดีก็ขอบตาแดงระเรื่อย่อกายลงลูบศีรษะเขาอย่างเบามือ เธอจะไม่ร้องไห้ในสถานการณ์แบบนี้ ไม่งั้นใครจะเป็นที่พึ่งให้น้อง ตัวเองเจ็บปวดแค่ไหนก็ต้องอดทนเอาไว้
“นายครับ จัดการเรื่องที่พักเรียบร้อยครับ พรุ่งนี้เธอสามารถไปเริ่มงานที่คลับได้เลย” ผู้ชายชุดดำท่าทางน่ากลัวไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากล่าวรายงาน
คาชาพยักหน้าอย่างไม่ค่อยใส่ใจแล้วให้เขาออกไปก่อน ส่วนตัวเองเดินเอ้อระเหยไปนั่งลงบนเก้าอี้ว่างที่โต๊ะอาหาร
“เรามีเรื่องต้องคุยกัน พรุ่งนี้ฉันไม่มีเวลา เพราะฉะนั้นพาน้องชายเธอไปเข้านอนซะ”
“ผมไม่ไป ผมจะอยู่กับพี่เบล” เด็กชายร้องไห้จนตาบวม ทั้งยังรออยู่จนถึงตอนนี้นับว่าอดทนต่อความง่วงถึงขีดจำกัดแล้ว หนังตาที่ปรือแทบลืมไม่ขึ้น ทำให้ความดื้อดึงของเขากลายเป็นน่าเอ็นดูแปลกๆ
มาเบลจูงน้องชายพาเดินไปทางที่คิดว่าเป็นห้องนอน เปิดเครื่องปรับอากาศให้พร้อมกับเหน็บผ้าห่มเพิ่มความอบอุ่น เกลี้ยกล่อมอยู่สักพัก มาวินจึงได้หลับปุ๋ย ที่นี่เป็นอพาร์ทเมนต์สองห้องนอนหนึ่งห้องรับแขก ค่าใช้จ่ายคงจะสูงเอาเรื่อง แถมยังตั้งอยู่ในถิ่นของแก๊งค์มาเฟียรัสเซีย แม้ภายในจะกว้างขวางสะดวกสบาย ทว่าความปลอดภัยกลับต่ำสิ้นดี
เขาคิดจะทำอะไรต่อ เลี้ยงเธอเหมือนหมูในห้องนี้ให้ขายตัวงั้นใช่ไหม? มาเบลเลือกที่จะคิดในแง่ร้ายไว้ก่อน การกระทำของผู้ชายที่ชื่อว่าคาชา ตั้งแต่แรกเจอหน้าจนตอนนี้ก็มีแต่จะเลวขึ้นเรื่อยๆ เธอทราบว่าโทษเขาไม่ได้ทั้งหมดเรื่องที่พ่อติดพนันและยืมเงิน มันเป็นธุรกิจ สิ่งเหล่านี้ถ้าไม่เข้าไปยุ่งก็คงไม่เดือดร้อน
ถึงข้อเท็จจริงจะเป็นแบบนั้น ตัวเองซวยซ้ำซ้อนเพราะบิดาขโมยลายนิ้วมือไปค้ำประกัน ก็ยังลดความเกลียดชังที่มีต่อปีศาจร้ายตนนี้ไม่ได้ ต่อให้พยายามอธิบายว่าเธอไม่เกี่ยวข้อง ไม่ได้ใช้เงิน เป็นพ่อคนนั้นที่ปลอมแปลงเอกสาร คนอย่างเขาคงไม่ยอมฟัง สิ่งที่คาชาต้องการ คือคนใช้หนี้ เรื่องอะไรจะใจดีปล่อยให้เธอเป็นอิสระง่ายๆ
“ฉันมีเงินเก็บอยู่ไม่มาก แต่ฉันจะทำงานเพิ่ม ขอบอกไว้ก่อนว่าฉันไม่ยอมขายตัวเด็ดขาด”
“ร้อยกว่าล้านเชียวนะ ชาตินี้จนตายเธอจะใช้หมดหรือเปล่า แค่ดอกเบี้ยแต่ละเดือนคงจ่ายแทบไม่ไหว ไม่ต้องพูดถึงเงินต้นเลย” คาชาจุดซิการ์แท่งใหญ่คาบไว้ที่ปาก แสยะยิ้มน้อยๆ ตามแบบฉบับวายร้ายในภาพยนตร์ให้หญิงสาว
ทันใดนั้นก็ต้องประหลาดใจเมื่อจู่ๆ คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามใจกล้าเอื้อมมือมาดึงซิการ์จากปากเขาไป เธอดับปลายไฟที่กำลังลุกเรือง กล่าวต่ออย่างคนที่ไม่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป “ในห้องเป็นระบบปิด น้องฉันยังเด็ก ควันพวกนี้ทำลายสุขภาพ”
เพื่อน้องชายกลับไม่มีแววกลัวตายแล้ว มาเฟียหนุ่มเหยียดริมฝีปาก ยักไหล่ยียวนเป็นอันว่ารับทราบ เจอกันเพียงไม่กี่ชั่วโมง แม่สาวน้อยทำให้เขาแปลกใจไม่หยุดหย่อน ช่างเป็นลูกหนี้ที่ไม่เหมือนใครจริงๆ
“ฉันสามารถหาเงินมาจ่ายดอกให้คุณได้ทุกเดือน” ส่วนเงินต้นมาเบลไม่อยากรับปากส่งๆ เธอไม่แน่ใจว่าจะทำได้เพราะหากในแต่ละเดือนจ่ายดอกเบี้ยไปสามสี่แสน คงแทบหมดแรงจะไปหาเพิ่มแล้ว
คาชาไม่ใช่เด็กอมมือ ย่อมประเมินได้ว่าศักยภาพของมาเบลมีเท่าไร เขาจึงบอกปัดข้อเสนอที่เธอจะไปทำงานหาเงินเอง ด้วยการหยิบยื่นทางเลือกที่เหมาะสมกว่าให้ “เธอยังเรียนอยู่หรือเปล่า? คงไม่สินะ ได้ยินว่าทำงานเกือบจะไม่ได้นอน”
“ฉันเรียนนอกระบบ เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหา” มาเบลตอบกลับอย่างเย็นชา
“อืม เธอจะเรียนหรือไม่เรียนก็ไม่ใช่ปัญหาของฉันเหมือนกัน ฉันไม่ชอบทำการค้าขาดทุนหรือยอมให้ใครมาเอาเปรียบ จำนวนเงินที่เป็นหนี้มันมากเกินไป เพราะฉะนั้นให้เธอทำอะไรก็ต้องทำ ก็ไม่ยาก หน้าตาสวยๆ แบบนี้ไปเป็นพนักงานเสิร์ฟที่คลับในคาสิโน คืนหนึ่งอ้อนเสี่ยแก่ๆ ให้ตกหลุมพราง ค่าแรงบวกทิป จะได้คืนละเกือบแสนก็ไม่ใช่เรื่องยาก เธอไม่ขายตัวน่ะได้ แต่ถ้าขาดส่งดอกเมื่อไหร่…”
คาชาทำสีหน้ากรุ้มกริ่ม เป็นการสื่อว่าจะจับเธอขายโดยไม่ถามความยินยอม
“แค่เสิร์ฟเท่านั้น กลางวันฉันจะหางานพิเศษทำเพิ่ม” หญิงสาวเน้นย้ำน้ำเสียงหนักแน่น เธอจะสู้สุดใจไม่ให้ตัวเองต้องกลายเป็นเศษขยะถูกเหยียบย่ำเด็ดขาด โลกใจร้ายแค่ไหนก็ช่าง ขอเพียงยังพอมีหนทาง เธอเชื่อว่าคนเราจะต้องผ่านช่วงชีวิตที่ยากลำบากแสนเข็นนี้ไปได้
“มั่นใจจังเลยนะ ชักจะถูกใจกว่าเดิมแล้วสิ อ้อ! ยังมีอีกข้อเสนอที่จะช่วยลดหย่อนหนี้มหาศาลให้เธอ”
มาเบลทำสีหน้าไม่ไว้ใจ “ข้อเสนออะไร?”
“มาอ้าขาให้ฉันไง ถ้าทำได้ดีฉันจ่ายหนักกว่าใครแน่นอน”
แทบไม่ต้องคิด หญิงสาวโพล่งคำตอบออกมาเดี๋ยวนั้น “ฝันไปเถอะ ฉันไม่ยอมสนองความใคร่ให้คนเลวอย่างคุณอีก”
“แล้วจะคอยดู เธอจะทนได้สักกี่น้ำ” คาชาลูบคางสลักเสลาครุ่นคิดถึงบางอย่าง จากนั้นหัวเราะพร้อมกับพูดต่อ
“แค่สามน้ำก็ขาอ่อนหมดสภาพแล้ว”
สมควรตาย โดยเฉพาะเวลาที่เขายิ้มโรคจิตไปพร้อมกับพ่นคำพูดน่ารังเกียจพวกนั้นออกมา สมควรตายที่สุด
ก่อนคาชาจะกลับออกไป ได้ชะงักอยู่ที่ประตูแล้วทิ้งท้ายไว้ราวกับต้องการสบประมาท “แรกๆ ก็ไม่ยอมขายตัวกันทั้งนั้นแหละ แต่ไม่นานหรอก เดี๋ยวพอเธอเห็นเงินก็จะเกิดความโลภยอมอ้าขาให้พวกคนรวยเอง ฉันเห็นมานักต่อนัก คนเรายอมทำทุกอย่างได้เพื่อเงิน”
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?