ตอนที่ 10 ใจร้ายกับเธอไม่ลง

พอเห็นเขายอมกินอาหารที่เธอซื้อมาครั้งแรก พชิราก็อมยิ้มถามด้วยแววตาคาดหวัง “อร่อยไหมคะ”

“ไหนบอกจะอยู่เงียบๆ” อัครภพชำเลืองมองใบหน้าน้อยๆ ของคู่หมั้นสาว

“แค่ถามนิดเดียวเองค่ะ พี่อัคอย่าใจร้ายกับพีมนักสิ”

เธอยังติดใจไม่หายกับคำพูดสำคัญของเขาตอนนั้น มีคนที่ชอบแล้ว แม่สาวนั่นเป็นใคร ระดับคุณอัครภพ เชียวนะ ต่อให้ฝันก็ยากที่จะปีนไปอยู่เคียงข้างเขา ทว่าหล่อนกลับยังไม่ปรากฏตัวออกสื่อสักครั้ง หรือว่าจะเป็นการแอบรักข้างเดียว หรือหล่อนแต่งงานแล้วอัครภพจึงไม่เดินหน้าสานต่อความสัมพันธ์ หรือว่าเขาเพียงหาข้ออ้างมาเพื่อจะปฏิเสธเธอ

“คนที่พี่อัคชอบแต่งงานแล้วเหรอคะ ทำไมจนป่านนี้พีมยังไม่เคยเห็นเธอคนนั้นมาป้วนเปี้ยนรอบตัวพี่เลย”

คนอย่างอัครภพเกรงว่าเขาจะมีคุณธรรมในใจสูงส่งเกินไป ถึงแม้จะชอบพออีกฝ่ายแต่ก็ไม่คิดจะแย่งของของคนอื่น

“ก็ไม่เชิง แค่ไม่ได้แต่งงาน”

พชิรามองเขาอย่างอึ้งๆ ก่อนจะถาม “แสดงว่าเธอคนนั้นมีแฟนแล้ว พี่อัคเลยแอบรักข้างเดียวงั้นเหรอคะ”

ทั้งที่รู้ว่าเจ็บแน่นอน แต่ก็ยังจะยื่นมีดไปให้เขาใช้แทงตัวเอง เธอนี่มันสุดยอดจริงๆ

อัครภพเองพอถูกจี้จุดก็ไม่ค่อยอยากสานบทสนทนาต่อ เขาวางกล่องโจ๊กลง คนในชุดหมอปลอดเชื้อสีน้ำเงินเข้มลุกขึ้นไปกดกาแฟดำจากเครื่องทำกาแฟที่มุมหนึ่งเงียบๆ พชิราตามไปยืนจ้องทันที ดวงตากลมโตมองนิ้วมือขาวซีดที่กำลังประคองแก้วกาแฟของชายหนุ่มเขม็ง

“อะไรอีก เธอยังหาเรื่องพี่ไม่พอเหรอ”

“ไม่ได้หาเรื่องสักหน่อย พี่จะดื่มกาแฟทั้งที่ยังไม่ได้นอนเลยงั้นเหรอคะ พี่เป็นมนุษย์เครื่องจักรหรือไง”

“พี่ยังมีงานต้องทำ”

“ไม่ได้ค่ะ” พชิรายืนกรานเสียงเด็ดเดี่ยว จากนั้นยื่นมือไปแตะปิดปากเขาไว้ ไม่ให้ชายหนุ่มได้ดื่มกาแฟแม้แต่อึกเดียว

“งีบสักหน่อยค่อยไปทำงานต่อดีกว่าค่ะ คงไม่เคยมีใครบอกพี่ล่ะสิว่าหน้าตาตอนนี้ของพี่เหนื่อยล้ามาก ถ้ายังฝืนจนเกินไป ต่อให้เก่งแค่ไหนก็มีโอกาสรักษาผิดพลาดได้นะคะ คุณหมอยังไม่ดูแลตนเอง แล้วจะไปดูแลคนไข้ได้ยังไง”

นี่นับเป็นครั้งแรกที่มีเด็กสาวอายุอ่อนกว่าเขาเกือบหนึ่งรอบมาบอกกล่าวให้ระวังสุขภาพ น้องชายกับพ่อแม่เพียงบ่นว่าให้ทำงานน้อยลงหน่อย พอเขาใช้ความเงียบมาปิดกั้นก็ไม่มีใครกล้ายุ่มย่ามอีก แต่เด็กสาวคนนี้กลับรบเร้าเขา ใช้วิธีถึงเนื้อถึงตัวไม่ยอมให้เขาดื่มกาแฟ แม้ว่าคำพูดพวกนั้นจะฟังดูมีเหตุผลทุกคำ แต่มันใช้ได้แค่กับหมอคนอื่น สำหรับเขาตั้งแต่จับมีดผ่าตัดมาไม่เคยสัมผัสคำว่าผิดพลาด

ทั้งสองมองกันไปมาอยู่นาน พชิราไม่ยอม อัครภพก็ไม่ยอม ทว่าสุดท้ายแล้วความดื้อรั้นของเด็กย่อมมีมากกว่า ผู้ใหญ่อย่างเขาจึงวางแก้วกาแฟควันร้อนกรุ่นลง ตัดสินใจจะให้ร่างกายตัวเองได้พักสักหน่อย

“มาค่ะ ระหว่างที่พี่อัคพักผ่อนพีมจะนวดหน้าให้ รับรองว่าตื่นมาใสปิ๊ง” พชิรากล่าวพร้อมกับล้วงแผ่นมาร์กออกมา

“ถ้าเธอยังกวน พี่จะนอนได้ไง กลับไปได้แล้ว ไม่มีงานทำเหรอ”

“วันนี้มีงานช่วงบ่ายค่ะ พีมไม่เชื่อว่าพอพีมกลับแล้วพี่อัคจะยอมนอนดีๆ พีมจะรอก่อนจนกว่าจะครึ่งชั่วโมง”

ทีแรกเธอหลอกให้เขากินโจ๊ก ก็บอกว่ากินเสร็จจะกลับทันที คราวนี้ได้คืบจะเอาศอก มาหลอกให้เขานอนพักผ่อน แถมเปลี่ยนคำพูดใหม่อีก อัครภพเอือมเด็กกลับกลอกคนนี้เต็มทน จึงเดินไปยังประตูห้องทางด้านหนึ่ง ซึ่งเป็นห้องที่พชิราไม่เคยเห็นด้านในมาก่อน หญิงสาวชะโงกคอมอง เพียงแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นห้องอะไร

“มีห้องนอนในห้องทำงานด้วยเหรอคะ คงไม่ใช่ว่าพี่อัคใช้ชีวิตอยู่ที่โรงพยาบาลยี่สิบสี่ชั่วโมงนะ”

เขาไม่ตอบพร้อมปิดประตูสีทึบ จากนั้นเสียงพูดคุยภายในห้องก็เงียบลง พชิราที่ถูกกั้นไว้ข้างนอกเบ้ปากทีหนึ่ง

“ชิ! ในนั้นมีมหาสมบัติซ่อนอยู่หรือไง มองหน่อยก็ไม่ได้”

พชิราเริ่มคิด ก่อนหน้านี้ไม่รู้ เพียงมองผิวเผินก็ประเมินได้แล้วว่าเขาต้องทำงานหนัก แต่พอได้มาเห็นของจริงจึงตระหนักว่าหนักในที่นี้ ยังเป็นคำจำกัดความที่ธรรมดาเกินไป ต้องเปลี่ยนใหม่เป็น บ้างาน หักโหม แล้วก็หมกมุ่นต่างหาก ผ่าตัดทีก็กินเวลาหลายชั่วโมง เขาเห็นแต่เลือดกับเครื่องในอวัยวะต่างๆ หยิบจับตัดเฉือนเหมือนไร้ความรู้สึกได้ยังไง หากเป็นเธอ เลือดแดงฉานไหลนองขนาดนั้นไม่มีทางทำใจให้สงบได้แน่

สิบห้านาทีผ่านไป ยังไม่มีความเคลื่อนไหว พชิราจึงลองผลักประตูดู ปรากฏว่ามันไม่ได้ล็อค หญิงสาวแอบลิงโลด ดีที่อัครภพไม่ทำถึงขั้นลงกลอนป้องกันตัวเองจากคู่หมั้นสาว

คนตัวเล็กย่องเบาเข้าไปด้านใน ไล่มองโดยรอบก็พบกับพื้นที่สีเทาขนาดกว้างสะท้อนนัยน์ตา บนผนังยังคงไม่มีอะไรพิเศษ ไม่แขวนรูปไม่ตกแต่งด้วยงานศิลปะหรูหรา ห้องนี้กว้างเหมือนห้องในโรงแรมห้าดาว เอกลักษณ์จืดชืดไร้สีสันเหมือนเดิม จะสะดุดตาชวนมองหน่อยก็คือคนที่นอนอยู่บนเตียงสีดำคนนั้น

อัครภพยังอยู่ในชุดหมอสีน้ำเงิน นอนหงายแขนก่ายหน้าผาก ทรวงอกที่กระเพื่อมขึ้นลงสม่ำเสมอบ่งบอกว่าเขาหลับสนิทแล้ว พชิราไม่เคยเห็นชายหนุ่มในมุมนี้มาก่อนจึงเหม่อมองความงามอันล่อลวงเนิ่นนาน จนเกือบจะห้ามใจไม่ไหวคิดแผนการลักหลับเขาในหัว เสียที่ว่าทำแบบนั้นอาจปลุกให้อัครภพตื่น

หญิงสาวย่องไปย่องมาทำบางอย่างเงียบเชียบอยู่ครู่หนึ่ง พอหันไปเห็นว่าโทรศัพท์ของอัครภพกำลังจะปลุกเตือนก็รีบกดปิด เขาจะนอนแค่สามสิบนาทีจริงๆ เหรอเนี่ย ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปจะไปแจ้งกรมแรงงานมาตรวจสอบแล้วนะ ยังไงก็คนๆ หนึ่งไม่ใช่มนุษย์เครื่องจักรสักหน่อย เธอใช้ชีวิตแบบเขาคงร่างพังไม่มีชิ้นดี ผิวโทรมผมร่วงไปไม่รู้กี่รอบแน่ๆ

พชิราคลานขึ้นเตียง แทรกตัวเข้าไปในผ้าห่มข้างกายชายหนุ่ม ทุกอย่างยังคงนิ่งสงบเธอจึงได้ถอนหายใจ แต่แล้วก็ต้องตกตะลึงตาโต เมื่อพบว่าผิวหน้าของอัครภพดีมาก

ไม่ยุติธรรมเลย คนอายุยี่สิบแปดปีผิวดีขนาดนี้ได้ยังไงทั้งที่ทำงานหนักมากแท้ๆ เฮ้อ! เกิดมาเพอร์เฟคทุกอย่างนี่มันน่าอิจฉาจริงๆ โชคดีว่าคนสมบูรณ์แบบคนนี้เป็นของเธอ อยากเชยชมเขาเท่าไรก็ทำได้คนเดียว คิกๆ

เวลาผ่านไป ตอนที่อัครภพรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เขาพบว่ามีก้อนนุ่มๆ บางอย่างกำลังอิงแอบแนบชิดอยู่ข้างกายตน ก็แปลกใจจึงหันไปมอง สิ่งที่เห็นคือกลุ่มเส้นผมปนกลิ่นหอมของแชมพูดอกไม้อ่อนๆ ศีรษะใครคนหนึ่งหนุนนอนบนหมอนใบเดียวกันกับเขา ข้างล่างยังมีขาเรียวยาวเปลือยเปล่าข้างหนึ่งพาดมาทับเขาเอาไว้ ท่อนแขนเล็กๆ ขาวผ่องวางอยู่บนหน้าท้องตนอีกด้วย

พชิรา?

เธอเข้ามาในห้องนอนส่วนตัวเขาตั้งแต่ตอนไหน เสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใหญ่ที่เด็กสาวสวมอยู่บนร่าง ไม่ใช่ว่าเป็นเสื้อผ้าสำรองในตู้แต่งตัวของเขาหรือ ก่อนหน้านั้นเธอใส่กางเกงยีนส์กับเสื้อสีดำนี่

อัครภพหน้าขรึมขึ้นมาทันที เขาไม่เคยดุใครมาก่อน กับน้องชายแม้เวลาทำผิดจะสั่งสอนอยู่บ้าง แต่ส่วนมากเป็นการมอบหมายงานหนักให้ไปทำ ไม่เคยต้องพูดจ้ำจี้จ้ำไชหรือกล่าวตักเตือนให้เมื่อยปาก เขาเป็นคนขี้เกียจพูด จู่ๆ จะให้ต่อว่าพชิรา เขาย่อมไม่ชินและรู้สึกว่าไม่ใช่หน้าที่ของตนที่ต้องทำแบบนั้น ฝ่ายที่ควรตระหนักเองก็คือฝ่ายที่ทำผิด แบบนี้ถึงจะสมกับเป็นการกระทำของผู้ใหญ่

เพราะมีความเคลื่อนไหวเด็กสาวที่นอนคุ้ดคู้จึงรู้สึกตัวตื่น พชิราลืมตาขึ้น ใบหน้าง่วงซึมหลังพักผ่อนไปกว่าห้าชั่วโมงแหงนมองคนตัวใหญ่ข้างกาย

“ตื่นแล้วเหรอคะ” เธอยังไม่ทราบความผิด แต่ก็รู้ว่าแขนขาระเกะระกะไปพาดอยู่บนตัวเขา พชิรารีบเก็บกลับมา ใบหน้าอ่อนหวานขยับเข้าไปจุ๊บที่แก้มอัครภพเบาๆ

“ยังไม่กลับอีกเหรอ”

เขาตั้งใจจะพูดว่า ใครอนุญาตให้เข้ามานอน แต่เมื่อใคร่ครวญแล้วฟังดูใจร้ายเกินไป เด็กสาวดูเหนื่อยแทบไม่ต่างจากตนจึงเปลี่ยนคำกะทันหัน แถมพอเธอพลิกตัว กระดุมเสื้อเชิ้ตที่ติดไม่เรียบร้อยก็ได้เผยให้เห็นเนินอกขาววับๆ แวมๆ

“ยังค่ะ เข้าไปอาบน้ำแล้วรู้สึกง่วงก็เลยมานอน ยืมเสื้อพี่อัคมาใส่ก่อนด้วย คงไม่ว่าอะไรใช่ไหมคะ”

เขาไม่ดุ พชิราจึงตีเนียนใช้น้ำเสียงเหมือนคนคุ้นเคยกันอย่างดีกับอัครภพ ใบหน้าปราศจากเครื่องสำอางสวยใสยิ้มตาหยี พวงแก้มมีสีชมพูระเรื่อฝาดเลือด ริมฝีปากอิ่มปรากฏร่องรอยที่ถูกเขากัดเมื่อคราวก่อน ทั้งที่รู้สึกว่าเธอน่ารำคาญ แต่ความอ่อนเยาว์ขี้อ้อนของเด็กสาวกลับทำให้อัครภพมองสำรวจอย่างไม่ตั้งใจ มองไล่ลงมาจนถึงบริเวณล่อแหลม ซึ่งมีก้อนอวบขาวไร้บราห่อหุ้มซุกซ่อนอยู่

แม้สายตาที่อีกฝ่ายจะเผลอเรอแค่แวบเดียว แต่พชิราสังเกตเห็นพอดีจึงปลดกระดุมลงอีกเม็ดหนึ่ง มุมปากมีรอยยิ้ม

“อยากดูเหรอคะ” แน่นอนว่าสำหรับคุณคู่หมั้นสุดหล่อเธอไม่หวง หากเขาอยากเห็น ย่อมได้

อัครภพเบือนหน้าหนี ไม่พอใจนักที่โดนเด็กสาวหยอกล้อให้จนหนทางเช่นนี้ ถึงสิ่งนั้นของเธอจะเต็มไม้เต็มมือนุ่มนิ่ม แต่เขาเห็นร่างกายคนมามากมายแล้ว จึงไม่ได้พิศวาสอ่อนไหวง่ายขนาดนั้น ขณะคิดต่อต้านปฏิเสธ ใบหน้าสะสวยของพชิราก็ขยับเข้ามา โน้มลำตัวโค้งเว้าได้สัดส่วนเข้าหาเขา จับมือของเขามาลูบคลำก้อนเนื้ออันนุ่มลื่น

“เธอจะทำอะไร”

พชิราหัวเราะ ท่าทีต่อต้านที่มาพร้อมกับสีหน้าหมดความอดทนของเขา มันช่างยั่วให้เธออยากแกล้งคนจริงๆ ปากบอกไม่ แต่มือสั่นประหม่าเชียวนะ

“พี่อัคต่างหาก ได้นอนแล้วก็ยังดูเครียดๆ อยู่เลย พีมมีวิธีช่วยให้พี่ผ่อนคลายกว่านี้ อยากลองไหมคะ”

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ