เจ้าของร่างเล็กนั่งทำหน้าวิตกกังวลอยู่ภายในคอนโดหรู ของตนเอง คนตัวเล็กจินตนาการถึงการที่เธออุ้มท้องและใช้ชีวิตเพียงลำพัง มันคงจะเป็นเรื่องยากสำหรับเธอ โดยเฉพาะชีวิตในวงการบันเทิง หญิงสาวต้องเจอและตอบคำถามเรื่องนี้ไปตลอดชีวิต มันยากเกินไปที่จะปล่อยให้เด็กคนนี้ลืมตาดูโลก
"แม่ไม่ได้อยากทำแบบนี้ หนูไม่ได้ทำอะไรผิดเพียงแค่ตอนนี้แม่ยังไม่พร้อมจริง ๆ แม่ยังเข้มแข็งไม่มากพอที่จะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว แม่ขอโทษจริง ๆ นะลูก"
หยาดน้ำตาที่อาบลงสองแก้ม เผยให้เห็นถึงความรู้สึกเจ็บปวดและกดดันที่ต้องเผชิญกับเรื่องนี้
ไอญารินทร์เติบโตมาในครอบครัวเชื้อสายจีน เป็นปกติที่เธอจะมีญาติพี่น้องมากมาย และครอบครัวเธอนั้นมักจะเข้มงวดกับหญิงสาวเป็นอย่างมาก ยิ่งเป็นลูกผู้หญิงคนเล็กของบ้าน ทุกคนในบ้านต่างคาดหวังว่าเธอต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ ต้องแต่งงานกับผู้ชายดี ๆ มีชื่อเสียงมีชาติตระกูล แน่นอนว่ายิ่งถูกคาดหวังมากเท่าไหร่เธอยิ่งกดดันตนเองไม่ให้พวกเขาผิดหวัง
"ทำไมติดต่อไม่ได้เลยเนี่ย!"
ขวัญจิรารู้สึกเป็นห่วงน้องสาวเมื่อติดต่อไอญารินทร์ไม่ได้มาสองวันแล้ว ตอนนี้ขวัญจิรากำลังจะบินไปต่างประเทศยิ่งทำให้เธอเป็นห่วงน้องสาวมากยิ่งขึ้น เพราะจะไม่ได้อยู่ข้าง ๆ หญิงสาวในช่วงเวลาหนึ่ง
ขวัญจิรากดโทรศัพท์ด้วยความกังวล เพราะตอนนี้ใกล้จะได้เวลาเครื่องออกบินแล้ว หลังจากนี้เธอจะไม่สามารถติดต่อน้องได้อีกหลายชั่วโมง หญิงสาวจึงตัดสินใจบอกเรื่องนี้กับอีกคนหนึ่งที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มากที่สุด
"ว่าไง?"
เสียงทุ้มของชายหนุ่มเอ่ยถามปลายสายหลังจากได้รับโทรศัพท์จากเธอ
"ฉันมีเรื่องด่วนที่สำคัญมาก ๆ และเกี่ยวข้องกับนายโดยตรง"
น้ำเสียงร้อนรนของขวัญจิราเอ่ยออกไปกับเพื่อนสนิท
"ทำไม เกิดอะไรขึ้น?"
ตรีธาราเลิกคิ้วกับโทรศัพท์อยากรู้ว่าเรื่องอะไรที่สำคัญและเกี่ยวข้องกับเขา
"ตอนนี้ไอญากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ฉันติดต่อไอญาไม่ได้มาสองวันแล้ว ตอนนี้อยู่ที่สนามบินกำลังจะบินไปต่างประเทศ ฉันคิดว่าฉันควรต้องบอกเรื่องนี้กับนายเพราะฉันเชื่อว่านายเป็นคนเดียวที่จะช่วยเธอได้มากที่สุด"
ขวัญจิราเอ่ยกับเขาด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
"มีอะไรก็รีบพูดมาสักที"
คนตัวสูงเริ่มมีอารมณ์เมื่ออีกฝ่ายไม่พูดประเด็นสำคัญสักที
"ไอญาท้อง! ... แล้วเธอไม่อยากเก็บเด็กคนนี้เอาไว้ ฉันกลัวมันคิดทำอะไรโง่ ๆ นายช่วยไปดูไอญาให้หน่อยได้ไหม ฉันไม่สบายใจเอาซะเลยที่ต้องปล่อยน้องเผชิญปัญหาเพียงลำพัง"
เมื่อธามได้ฟังในสิ่งที่ขวัญจิราพูด เขาได้แต่เบิกตาโตกับใจความสำคัญที่ได้รู้มา เธอท้องงั้นหรอ? อย่าบอกนะว่าเป็นเพราะคืนนั้น ชายหนุ่มสติหลุดไปชั่วขณะ เขาเองก็ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้
"ธาม ... ฮัลโหล ... ได้ยินมั้ย!"
ปลายสายตะโกนเรียกชายหนุ่มที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ของห้วงความคิด
"ฮะ! ... อ่อ ได้ยิน ๆ"
ชายหนุ่มตอบกลับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงติด ๆ ขัด ๆ
ตรีธารารีบเดินทางไปยังคอนโดฯ หรู ตามที่ขวัญจิราได้บอกไว้ เขานั่งชั่งใจอยู่ในรถชั่วขณะ ก่อนจะขึ้นไปยังห้องพักของหญิงสาว
กริ๊ง! กริ๊ง!
เสียงกดกริ่งที่หน้าประตูดังขึ้นสองสามที ไอญารินทร์เดินออกมาจากห้อง สงสัยต้องเป็นพี่สาวเธอแน่ ๆ เพราะเธอขาดการติดต่อไปเพราะอยากใช้เวลาอยู่คนเดียวลำพังจึงเลือกที่จะเงียบหายไป
มือเล็กยื่นไปบิดลูกบิดประตูโดยที่ไม่ได้มองว่าคนหน้าประตูนั้นเป็นใคร เมื่อประตูถูกเปิดออกหญิงสาวก็ต้องตกใจทันทีเพราะไม่คิดว่าจะเป็นเขาคนนี้
เขาทราบที่อยู่ของเธอได้ยังไงกัน?
มือหนาผลักประตูแล้วเดินเข้าไปในห้องทันที
"นี่! คุณมาที่นี่ได้ไง ออกไปเลยนะ!"
เสียงเล็กตะโกนเอ่ยไล่เขาออกไปจากห้อง
"เรามีเรื่องต้องคุยกัน มานี่!"
ชายหนุ่มเอ่ยกับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงโทนต่ำ พร้อมจ้องมองไปยังใบหน้าเล็ก
"โอ๊ย! ปล่อยนะ"
ไอญารินทร์ถูกเจ้าของร่างสูงลากแขนให้เดินตามเขาไปที่ห้องนั่งเล่น
"อะไรของคุณเนี่ย!"
คนตัวเล็กสะบัดมือเขาออกพร้อมเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
"เธอมันใจดำอำมหิต"
ชายหนุ่มจ้องหน้าอีกฝ่ายพร้อมเอ่ยประโยคนี้กับเธอด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
เจ้าของร่างบางจ้องหน้าเขาด้วยความสงสัยก่อนจะเข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร
"พี่ขวัญคงเล่าให้คุณฟังหมดแล้วสินะคะ"
หญิงสาวเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบก่อนจะไล่ชายหนุ่มอีกครั้ง
"กลับไปเถอะค่ะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับคุณ!"
ไอญารินทร์หันหลังจะเดินหนีเขา
"คุณจะทำลายเด็กคนนี้งั้นเหรอ? ถึงไม่ต้องการความรับผิดชอบจากใคร?"
ตรีธาราดึงแขนเธอให้หันกลับมาคุยกันให้รู้เรื่อง
"ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน ต้องให้ฉันย้ำอีกกี่รอบว่าคุณไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้!"
คนตัวเล็กขบฟันแน่นพร้อมจ้องหน้าเขาเขม็ง
"ทำไมจะไม่มี ถ้าเกิดว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของผมล่ะ!"
ชายหนุ่มเอ่ยออกไปพร้อมสบตาเจ้าของสายตาที่เวลานี้ฉายชัดถึงความสับสน และเป็นกังวลอย่างชัดเจน
"คุณจะรับผิดชอบไหวไหม ผมไม่ยอมให้คุณทำลายลูกของผมหรอกนะ!"
ธามพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว บรรยากาศภายในห้องเงียบไปชั่วขณะเมื่อหญิงสาวกำลังตกอยู่ในห้วงความคิดที่สับสนวุ่นวาย
"ฉัน ...”
เธอเอ่ยออกมาแค่นั้นแล้วก็นิ่งไป เพราะในหัวเธอคิดไปมากมายหลายอย่างจนเรียบเรียงคำพูดออกมาไม่ได้
"ไม่ว่าเด็กคนนี้จะเป็นลูกใครผมก็ไม่อนุญาตให้คุณทำลายชีวิตเขาเด็ดขาด! ผมจะรับเด็กคนนี้เป็นลูกของผมเอง"
ธามเอ่ยกับเธอด้วยสีหน้าจริงจังแววตาของเขาดูมั่นใจในสิ่งที่พูดออกมาเป็นที่สุด
"แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ลูกของคุณอย่างงั้นเหรอ?"
สายตานิ่งเรียบเอ่ยถามชายหนุ่มออกไป
"แค่ให้เขาได้ลืมตาขึ้นมาดูโลกก็เพียงพอแล้วสำหรับผม"
น้ำเสียงอ่อนลงตอบกลับหญิงสาว แววตาของชายหนุ่มที่มองไปยังไอญารินทร์ เต็มไปด้วยความรู้สึกที่จริงใจจนน่าแปลกใจ ทำไมถึงต้องการรักษาชีวิตเด็กคนนี้ขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่ไม่จำเป็นต้องแสดงความรับผิดชอบใด ๆ เลยก็ได้ เพราะเธอเองก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรจากเขา
"เหอะ! ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือหรือเห็นใจอะไรจากคุณหรอกค่ะ"
แววตาเศร้าหมองเต็มไปด้วยน้ำสีใส ริมฝีปากเล็กเอ่ยออกไป ทั้งคู่สบตากันไม่กะพริบ
"ผมไม่ได้เห็นใจคุณเลยสักนิด ผมเห็นใจชีวิตของเด็กตาดำ ๆ ที่ต้องเกิดมามีแม่ใจดำอำมหิตแบบคุณ ให้ตายยังไงผมก็ไม่มีทางปล่อยให้คุณทำลายเขาแน่นอน"
สายตาจริงจังจ้องมองหญิงสาวอย่างน่ากลัว ดูเหมือนว่าธามจะเอาจริงกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
"คุณอย่าคิดแทนฉันได้ไหมคะ ชีวิตของฉัน ฉันรู้ดีค่ะว่าควรทำยังไงต่อไป คุณไม่ใช่ฉันคุณไม่มีทางเข้าใจหรอกค่ะ!"
ไอญารินทร์เองก็จ้องหน้าเขากลับอย่างเอาเรื่อง หยาดน้ำสีใสค่อย ๆ ไหลออกมาทีละหยด
"เหอะ! จะใช้เด็กคนนี้ไว้ผูกมัดผู้ชายที่หมดรักเธอแล้วอย่างงั้นเหรอที่เธอต้องการ"
ชายหนุ่มพูดประชดประชันเธอออกไป
"อย่างน้อยเขาก็เป็นคนที่ฉันตั้งใจรักมาตลอด"
เมื่อพูดถึงอดีตคนรักของเธอทีไรหญิงสาวมักจะอ่อนไหวทุกที ดวงตากลมฉายแววเศร้าที่เอ่อล้นไปด้วยคราบน้ำตา
"ถ้าความรักของเธอมันมีค่าขนาดนั้น ผู้ชายคนนั้นคงไม่ทิ้งเธอไปแบบนี้หรอกนะ อย่าคิดจะทำอะไรที่มันดูโง่ไปหน่อยเลย"
คำพูดของชายหนุ่มจี้จุดหญิงสาวไม่น้อย เขาพูดถูกทุกอย่าง ถ้าความรักของเธอมันมีค่าขนาดนั้นเขาคงจะไม่ปล่อยเธอให้จมกับความทุกข์เช่นนี้หรอก
การที่จะเอาเรื่องลูกไปดึงผู้ชายคนนั้นกลับมามันจะมีประโยชน์อะไร ซึ่งก็ไม่ต่างกับการที่ไอญารินทร์ยอมรับตรีธาราเป็นพ่อของลูก เพราะเขาก็ไม่ได้รักเธอเหมือนกับผู้ชายคนนั้นเช่นเดียวกัน แต่ทั้งหมดทั้งมวลไม่ได้เป็นเหตุผลหลักของการตัดสินใจของเธอเลย
"ฉันมีเหตุผลของฉันค่ะ!"
น้ำเสียงหนักแน่นตอบกลับชายหนุ่มไป
"เหตุผลอะไรที่จะทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งยอมฆ่าลูกตัวเองได้ลงคอ"
ธามกล่าวกับเธอด้วยอารมณ์ที่ไม่ยั้งคิด ทำให้หญิงสาวอดกลั้นต่อไปไม่ไหว คนตัวเล็กทรุดลงที่โซฟาพร้อมกับร้องไห้โฮออกมา สิ่งที่เธอต้องการมากที่สุดในตอนนี้คือคนที่เข้าใจเหตุผลของเธอ
ชายหนุ่มได้แต่ตกใจ และคิดว่าตนเองพูดแรงเกินไปหรือเปล่าเมื่อเห็นไอญารินทร์ร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ร่างสูงเข้าไปนั่งลงข้าง ๆ พร้อมโอบไหล่ของเธออย่างนุ่มนวลพร้อมดึงเธอเข้ามากอดด้วยความรู้สึกผิดที่ทำให้หญิงสาวร้องไห้หนักเช่นนี้
"ผมขอโทษ ที่พูดแรงใส่คุณเกินไป"
เขาดึงร่างเล็กเข้ามากอดไว้ ธามปล่อยให้หญิงสาวร้องไห้จนพอใจ ไม่บีบบังคับถามหาเหตุผลใด ๆ เพราะตอนนี้ดูเหมือนว่า เวลานี้เธอค่อนข้างเครียด
หญิงสาวร้องไห้จนเผลอหลับไปหลังจากที่ไม่ได้นอนมาเกือบสองวัน ธามจึงอุ้มเธอเข้าไปในห้องนอน เมื่อห่มผ้าให้เรียบร้อยสายตาของเขาดันไปสะดุดกับกรอบรูปที่วางอยู่บนโต๊ะข้าง ๆ เตียง เป็นภาพของเธอกับอดีตคนรัก ซึ่งเห็นแล้วมันช่างขัดหูขัดตาจริง ๆ มือหนาจึงเอื้อมไปหยิบกรอบรูปใบนั้นคว่ำลงบนโต๊ะแล้วเดินออกจากห้องนอนไป
ในระหว่างที่เธอหลับ ชายหนุ่มก็พยายามคิดหาคำตอบว่า เหตุผลอะไรที่ทำให้เธออยากเอาเด็กออก สายตาของเขาเหลือบไปเห็นถ้วยรางวัลที่ตั้งโชว์อยู่ตรงห้องนั่งเล่น
"รางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมแห่งปี"
เขาอ่านตัวอักษรบนถ้วยรางวัลช้า ๆ
จริงสิ ... เธอเป็นถึงดาราดังระดับประเทศ
นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอยังไม่อยากจะมีลูก เมื่อพอจะเดาได้ธามจึงค้นดูประวัติของหญิงสาวในอินเทอร์เน็ต จึงทำให้รู้ว่า เธอไม่เคยมีข่าวที่เสียหายเลยสักครั้ง จนเมื่อไม่นานมานี้ที่เพิ่งจะมาเป็นข่าวกับเขาหลังจากเลิกกับแฟน
และนี่อาจจะเป็นเหตุผลสำคัญที่จะเกลี้ยกล่อมไม่ให้ไอญารินทร์ทำเรื่องแบบนั้นลงไป ตอนนี้เธออาจจะคิดหาแต่ทางรอดโดยไม่ทันได้คำนึงถึงผลกระทบของสิ่งที่จะตามมาจากผลของการกระทำเพราะเธอกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?