ตอนที่ 10 การอยู่ร่วมกัน

"แล้วทำไมพึ่งมาบอกฉันเอาตอนนี้แล้วเราจะทำยังไงกันดี ไหนจะงานถ่ายโฆษณาเดือนหน้าอีก ตายละ ฉันจะเป็นลม!"

ผู้จัดการส่วนตัวของหญิงสาวมีท่าทีที่ตกใจเมื่อทราบเรื่องที่หญิงสาวท้อง 

"หนูขอโทษ หนูไม่อยากทำให้พี่ต้องคิดหนักตอนนี้หนูหาทางออกได้แล้วทุกอย่างมันจะต้องผ่านไปได้ด้วยดี"

ไอญารินทร์เอ่ยบอกกับผู้จัดการส่วนตัวสาว สีหน้าและแววตาดูเศร้าหมองอย่างเห็นได้ชัด

"แกยังเห็นฉันเป็นผู้จัดการอยู่ไหม แกทำอะไรแกควรจะเล่าให้ฉันฟังสิ ช่วยกันแก้ปัญหา ทำไมต้องแบกรับไว้คนเดียว แกไม่เชื่อใจฉันอย่างงั้นเหรอ?"

เสียงสะอื้นของผู้จัดการสาวเอ่ยออกมาอย่างน้อยอกน้อยใจ พร้อมกับหยดน้ำตาที่หลั่งรินออกมา 

"ไม่ใช่แบบนั้นจริง ๆ หนูเชื่อใจและเคารพพี่มาตลอด แต่เพราะงานของพี่ก็ยุ่งมากแล้วไหนจะดูแลน้อง ๆ คนอื่น ๆ อีก ไอแค่ไม่อยากสร้างปัญหาให้พี่ปวดหัวเพิ่ม"

ไอญารินทร์น้ำตาคลอเอ่ยออกไปอย่างรู้สึกผิด

หญิงสาวก็รู้สึกผิดที่มองข้ามคนที่อยู่ข้าง ๆ มาตลอด แต่เพราะเรื่องนี้มันเรื่องใหญ่มากจริง ๆ ถ้าเป็นไปได้เธอไม่อยากให้ใครรับรู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำ 

"ฉันรักและหวังดีกับแกมาตลอด ทำไมถึงเผชิญปัญหาคนเดียว ฮึ ... แค่แกยอมรับออกไปว่าเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว มันไม่ได้แย่ขนาดนั้น คนในสังคมไม่ซ้ำเติมแกไปมากกว่านี้หรอกนะ ฉันไม่อยากให้แกตัดสินใจห่างจากวงการแบบนี้ แกก็รู้ว่าการแข่งขันมันสูงแค่ไหน เราสู้กันมาถึงขนาดนี้แล้วนะไอญา"

พี่หวานคือผู้จัดการคนแรกและคนเดียวตั้งแต่ที่ไอญารินทร์เข้าวงการมา เธอเป็นผู้ใหญ่ที่หญิงสาวรักและเคารพเป็นอย่างมาก ทั้งคู่ทำงานร่วมกันมานานหลายปีจนเป็นอีกคนที่เธอก็ให้ความสำคัญในชีวิต 

"ไอทำแบบนั้นไม่ได้จริง ๆ ไอรับกระแสสังคมไม่ไหว และอีกอย่างไอไม่อยากทำให้เรื่องนี้ไปทำร้ายชีวิตของภู ไอไม่อยากให้ภูต้องรู้สึกว่าตัวเองต้องมารับผิดชอบเรื่องนี้"

ไอญารินทร์ยังนึกถึงความรู้สึกของคนรักเก่าอยู่เช่นเคย แม้ทั้งสองคนจะเลิกรากันมาสองเดือนแล้ว แต่เธอก็ยังรักและเป็นห่วงเหมือนเพื่อนคนหนึ่งที่ได้ใช้เวลาร่วมกันมาเป็นสิบปี

"แกก็เป็นซะอย่างงี้ แกนึกถึงคนอื่นก่อนตัวเองอยู่เสมอ แล้วแบบนี้จะไม่ให้ฉันเป็นห่วงได้ยังไง"

ผู้จัดการสาวกล่าวทั้งน้ำตาพร้อมดึงไอญารินทร์เข้ามากอด ทั้งสองคนร้องไห้กอดกันกลมพร้อมปรับความเข้าใจซึ่งกันและกัน และช่วยกันแก้ปัญหาในอนาคตต่อไป 

"ดูแลหลานฉันให้ดี ๆ นะ ไม่ต้องเป็นห่วงทางนี้ฉันจะจัดการเอง เธอก็ทำหน้าที่แม่ของเธอไป หวังว่าสามีเธอจะดูแลเธอดีกว่าฉันนะ"

ไอญารินทร์ยังไม่ได้เล่าเรื่องสัญญาลับให้ผู้จัดการฟัง หญิงสาวบอกแค่ว่าตนเองท้อง และจะห่างจากวงการเพื่อตั้งครรภ์ และคลอดลูกก่อน 

"ขอบคุณที่ดีกับไอมาตลอดนะ"

หญิงสาวสวมกอดและอ้อนผู้จัดการอย่างกับเด็กน้อย

น้ำหวานเปรียบเสมือนแม่อีกคนของหญิงสาวก็ว่าได้ เธอติดตามไปทุกที่ไม่ห่าง ไม่ว่ากองถ่ายที่อยู่ไกล ๆ หรือต้องใช้เวลาอยู่ที่นั่นนานแรมเดือนก็ตามติดไปดูแลเป็นอย่างดีตลอด

หลังจากจัดการเรื่องงานเสร็จก็ยังเหลือเรื่องของครอบครัวที่ไอญารินทร์เองยังคงคิดหนักอยู่ใน

วันนี้เป็นวันที่ต้องเก็บของเพื่อย้ายไปอยู่บ้านของชายหนุ่ม โดยธามได้ส่งแม่บ้านมาช่วยเธอเก็บของใช้ต่าง ๆ 

"เดี๋ยวอันนี้ไอจัดการเองค่ะ"

หญิงสาวจะเดินเข้าไปเก็บของช่วยพวกเขา

"ไม่เป็นไรค่ะคุณผู้หญิง คุณผู้หญิงนั่งรอดีกว่านะคะเดี๋ยวทางนี้พวกป้าจัดการเอง ... นะคะ ... คุณธามสั่งมาป้าขอเถอะนะ"

คุณป้าแม่บ้านเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงร้อง

เมื่อเป็นเช่นนี้หญิงสาวจึงถอยออกไปนั่งรอเงียบ ๆ เมื่อเก็บของเสร็จพนักงานขนของก็จัดการนำของใช้ต่าง ๆ ส่งไปที่คอนโดของธาม

ไอญารินทร์พอจะรู้ประวัติของเขามาบ้างว่าเขานั้นเป็นทายาทของเจ้าของโรงแรมที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศ

บ้านที่หญิงสาวต้องมาใช้ชิวิตอยู่ตลอดจนกว่าจะคลอดลูกเป็น เพ้นท์เฮาส์ส่วนตัวของตรีธารา ซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของคอนโดฯ หรู อีกทั้งยังมีสระว่ายน้ำส่วนตัว มีลานกว้างสำหรับเดินเล่นชมวิว มีต้นไม้สีเขียวสบายตาเรียกได้ว่าบรรยากาศดีสุด ๆ 

"เชิญคุณผู้หญิงพักผ่อนตามอัธยาศัยเลยนะคะ เดี๋ยวป้าจะไปจัดการของต่าง ๆ ให้ค่ะ"

ไอญารินทร์เองก็แอบเกรงใจเพราะวันนี้ทั้งวันเธอแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลยสักอย่าง เพราะมีคนคอยจัดการทุกอย่างให้เธอหมดเรียบร้อย ถ้าขืนเป็นแบบนี้ต่อไป มีหวังเธอได้เป็นง่อยแน่ ๆ 

"ขอบคุณป้าสามากเลยนะคะ"

ป้าสามีสีหน้าที่เป็นมิตรและใจดีทำให้ไอญารินทร์รู้สึกถูกชะตาตั้งแต่ครั้งแรกเจอ 

หญิงสาวออกไปเดินเล่นชมวิวรอบเมืองในยามพระอาทิตย์ตกดิน เผลอแป๊บเดียวก็หมดวันแล้ว เป็นความรู้สึกแปลกใหม่เมื่อได้มาอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย 

แม้ท้องฟ้าในยามเย็นจะสวยสักแค่ไหนแต่ก็ไม่ได้ช่วยให้หัวใจที่เหนื่อยล้าของหญิงสาวสดใสขึ้นเลยสักนิด สายตาว่างเปล่าทอดยาวมองออกไปจนสุดตาพร้อมกับในหัวที่คิดถึงแต่เรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น 

"สวัสดีค่ะคุณธาม"

ป้าสาเอ่ยทักทายเจ้านายที่เพิ่งจะกลับจากไปทำงานข้างนอกมา ชายหนุ่มมองดูแม่บ้านที่พากันทำความสะอาดห้องและจัดข้าวของต่าง ๆ 

"เธอมาแล้วเหรอครับ?"

ชายหนุ่มเอ่ยถามแม่บ้านคนสนิทที่คอยดูแลเขามาตลอด 

"ค่ะ ... ตอนนี้คุณผู้หญิงน่าจะเดินเล่นอยู่ทางสระว่ายน้ำค่ะ"

แม่บ้านตอบกลับ

ธามจึงเดินออกมาด้านนอกเพื่อตามหาตัวหญิงสาว และสายตาของเขาก็ได้ไปสะดุดกับเธอที่กำลังนั่งเหม่อลอยอยู่เพียงลำพัง เขาชั่งใจว่าจะเดินเข้าไปทักทายเธอดีหรือไม่แต่สุดท้ายก็ปล่อยให้ไอญารินทร์ได้ใช้เวลาอยู่กับความคิดของตัวเอง

ทั้งสองคนได้ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังเดียวกันเพียงแต่แยกกันนอนคนละห้อง และจะมีแม่บ้านคอยดูแลอยู่ตลอดเวลา หน้าที่ของไอญารินทร์คือต้องตื่นมากินข้าวให้ครบสามมื้อ

ปกติไอญารินทร์เองก็ชอบอยู่ติดบ้านไม่ค่อยอยากไปไหนจึงทำให้การอยู่แต่ในบ้านก็ไม่ได้แย่อะไรมาก 

"ตั้งแต่คุณผู้หญิงย้ายมาอยู่ที่นี่ คุณผู้ชายกลับบ้านบ่อยมากเลยนะคะ จากที่ปกติไม่เคยกลับมาทานอาหารเย็นที่บ้านเลย นาน ๆ จะกลับมานอนที่นี่ แต่ทุกวันนี้รีบกลับบ้านทุกวันเพื่อมาทานข้าวกับคุณผู้หญิงเลยนะคะ เห็นเงียบ ๆ แบบนี้คุณเขาเป็นคนที่อ่อนไหวและใจดีมากเลยนะ"

ป้าสาเอ่ยขึ้นเรื่อย ๆ หญิงสาวก็ทำหน้าตาคิดตาม

"คุณป้าอยู่กับตานั่น ... เอ่อ ... คุณธามมานานแล้วเหรอคะ?"

เธอเอ่ยถามออกไปสีหน้าและแววตาแสดงถึงความสงสัยและอยากรู้ชัดเจน

"ป้าเลี้ยงคุณธามมาตั้งแต่เด็ก ๆ เลยค่ะ แต่ก่อนเราอยู่กันที่บ้านใหญ่มีช่วงหนึ่งที่ไปเรียนต่างประเทศพอกลับมาคุณธามก็เริ่มเข้ามาดูแลธุรกิจช่วยคุณท่าน ก่อนจะมาบริหารอย่างเต็มตัวนี่แหละค่ะ คุณธามก็เลยแยกตัวออกมาอยู่คนเดียว เพราะสะดวกต่อการเดินทางมาทำงานมากกว่า คุณธามแกเป็นคนที่จริงจังถ้าได้ทำอะไรสักอย่างเขาก็จะทำจนสำเร็จจนทำให้บางทีก็โหมงานหนักจนไม่ดูแลสุขภาพ ก็มีป้านี่แหละที่ต้องตามมาคอยดุไม่อย่างงั้นนะวัน ๆ ข้าวคงจะไม่ตกถึงท้องแน่ ๆ ค่ะ" 

"ดูเขาจะเป็นคนดื้อเงียบนะคะ"

เมื่อได้ฟังที่ป้าสาเล่า ก็ทำให้ไอญารินทร์ได้รู้จักเขาในหลาย ๆ มุม ผู้ชายคนนี้ก็มีมุมน่ารักอยู่เหมือนกันนะ 

"คุณธามเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ เป็นผู้ชายนิ่ง ๆ แต่ก็มีความซุกซน สมัยเป็นเด็กโดนน้องแกล้งเป็นประจำ พี่ชายที่แสนดีก็ยอมน้องชายตลอด บางครั้งป้าก็แอบสงสาร"

คุณป้ายิ้มด้วยสีหน้าที่เอ็นดูเมื่อได้พูดถึงเรื่องราวของชายหนุ่มในวัยเด็ก 

"เขามีน้องชายด้วยเหรอคะ?"

ไอรินทร์เอ่ยถามออกไปด้วยความสงสัย 

"มีน้องชาย 1 คนค่ะ คุณเธียร์ ตอนนี้ก็มีเมียมีลูกแล้วค่ะ ลูกชายแกก็น่ารักมากเลยละค่ะ ถ้าคุณผู้หญิงได้เจอต้องตกหลุมรักเด็กแน่ ๆ"

ตกหลุมรักเด็กงั้นเหรอ?

ชีวิตฉันไม่ค่อยได้มีช่วงเวลาที่ใช้ไปกับเด็กเอาซะเลย ทั้งเป็นลูกคนเล็กสุดของบ้าน หลาน ๆ ก็ไม่ค่อยจะได้เจอ เคยเจอแค่วันรวมญาติ ขนาดอยู่ด้วยวันเดียวฉันก็ปวดหัวจะแย่ 

"แล้วคุณธามเคยพาผู้หญิงคนอื่นมาที่บ้านแบบนี้ไหมคะ?"

ไอญารินทร์สงสัยเพราะน้องชายมีครอบครัวไปแล้วแต่ทำไมเขาถึงได้ยังโสดอยู่ ทั้ง ๆ ที่ก็หน้าตาดีมากเลยทีเดียว อีกทั้งยังมีหน้าที่การงานที่มั่นคงขนาดนี้แต่เรื่องความรักเขาดันไม่มีเป็นตัวเป็นตนเลยอย่างนั้นหรือ 

"ไม่เคยมีเลยค่ะ จะว่าไปคุณเป็นผู้หญิงคนแรกเลยนะคะที่คุณธามพามารู้จักกับป้า ไม่รู้ว่าทั้งสองคนมีความสัมพันธ์อย่างไรกันแต่ป้าเชื่อว่าคุณธามจริงใจกับคุณผู้หญิงนะคะ บางทีเขาอาจจะปากแข็ง ปากคอเราะรายแต่เชื่อเถอะค่ะ ว่าเขาเป็นห่วงคุณจากใจจริง ป้าเลี้ยงเองกับมือป้ามองออกค่ะ"

ป้าสาสบตาเจ้านายสาวพร้อมฉีกยิ้มออกมา มืออีกข้างยื่นมากุมมือหญิงสาวที่วางอยู่บนตัก 

คนตัวเล็กมีท่าทีเกร็ง ๆ ทำตัวไม่ถูก ที่ป้าสาพูดแบบนี้ก็คงจะเป็นเพราะการที่พวกเราแยกห้องนอนกันสินะ เพราะเราสองคนไม่ได้เป็นคนรักกันอย่างไงล่ะ เราเป็นเพียงแค่พ่อและแม่ของลูกแค่นั้น

"คุณผู้หญิงเชิญพักผ่อนเถอะค่ะ เด็กจะได้แข็งแรง เดี๋ยวอีกสักพักป้าจะออกไปจ่ายตลาดแล้วค่ะ"

หญิงสูงวัยคนเอ่ยกับไอญารินทร์ก่อนจะเดินจากไป 

1 เดือนผ่านไป...

เมื่อใช้เวลาร่วมกันมาสักระยะ ทั้งคู่ดูเหมือนจะสนิทกันมากขึ้น ธามเริ่มกลับบ้านบ่อยขึ้น จากที่ปกติแล้วเขามักจะไปนอนค้างอยู่ที่ Timing Bar ซึ่งเป็นร้านเหล้าที่ของเขาเอง แต่ระยะหลังก็ให้ผู้จัดการดูแลแทน นาน ๆ จะเข้าไป แต่ก็ไม่ได้ไปนอนค้างอย่างเช่นเคย 

วันเกิดคุณพ่อใกล้เข้ามาทุกที และแน่นอนว่าไอญารินทร์คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตอนนี้หญิงสาวท้องได้สามเดือนแล้ว ดีที่เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กบวกกับท้องครั้งแรกจึงยังมองไม่ค่อยออกว่าเธอกำลังท้องอยู่ แต่อาการแพ้ท้องนี่สิรุนแรงจนถึงขั้นเธอทานอาหารอะไรไม่ได้เลย 

ธามเห็นว่าหญิงสาวมีอาการแพ้ท้องหนักเขาก็อดไม่ได้ที่จะสงสาร ชายหนุ่มจึงโทรหาเพื่อนหมอของเขา 

"ตอนนี้เธอแพ้ท้องจนกินอะไรไม่ได้เลยว่ะ แบบนี้มันจะเป็นอันตรายต่อเด็กในท้องมั้ยวะ"

น้ำเสียงที่ดูเป็นกังวลเอ่ยถามคุณหมอภวัตออกไป 

"เป็นปกติของคนท้องใน 1-3 เดือนแรก ต้องทนอีกนิดหนึ่งพอผ่านช่วงนี้ไปได้คุณแม่ก็จะกลับมาทานอาหารได้ปกติ ไม่ต้องเป็นห่วง"

เมื่อได้ฟังอย่างที่คุณหมอกล่าว เขาก็รู้สึกโล่งใจทันที

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ