ท่ามกลางโรงอาหารของคณะแห่งหนึ่งในมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังที่เด็กนักเรียนและนักศึกษากว่าร้อยชีวิตจากหลากหลายสถาบันเดินกันขวักไขว่ในงานโอเพนเฮ้าส์ที่ถูกจัดขึ้น ช่างน่าแปลกที่สายตาของคนเหล่านั้นกำลังมองไปยังเด็กผู้ชายมอปลายสองคนขณะกำลังนั่งกินข้าวกันอยู่
เดย์ เด็กหนุ่มเจ้าของใบหน้าหล่อ ดาราที่ใคร ๆ ต่างก็รู้จัก ดีกรีรองประธานนักเรียนโรงเรียนชายล้วนกางเกงน้ำเงินและยังควบตำแหน่งลูกเจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างระดับโลก ใบหน้าพร้อมรอยยิ้มของเขาขณะกำลังหยอกล้อเล่นกับเด็กหนุ่มอีกคนซึ่งเป็นเพื่อนสนิท ทำให้ใครหลายคนพากันจิ้นเขากับเพื่อนคนนั้นไปตาม ๆ กัน
มาร์ช ลูกชายของนักธุรกิจมหาเศรษฐีที่รวยติดอันดับยี่สิบในประเทศ คุณชายผู้สูงส่ง เจ้าของใบหน้าหวาน ผิวขาวอมชมพูราวกับผู้หญิง ทันทีที่เขาฉีกยิ้ม สาว ๆ ซึ่งอยู่อีกมุมหนึ่งของโรงอาหารก็พากันแอบกรี๊ดจ้าละหวั่น
ดูสายตาของพวกเขาทั้งสองคนขณะทอดมองกัน เหมือนกับว่าไม่ใช่แค่เพื่อน มีการแย่งอาหารบนโต๊ะกินและหยอกล้อหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน พวกเขาทั้งคู่จะรู้ไหมนะว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตานับพันคู่ที่กำลังมองมาเป็นตาเดียวกัน
แต่ความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่ทุกคนคิดมันเหมือนกลับตาลปัตรโดยสิ้นเชิง
“มึงมีตังค์ทำไมไม่ไปหาแดกเองวะ มาแย่งกูทำไม”
ผมโวยวายกรอกหูไอ้เดย์เพื่อนสนิทตัวดีเนื่องจากมันเอาไก่ทอดที่ผมอุตส่าห์ดั้นด้นฝ่าดงคนมากมายในโรงอาหารไปซื้อหวังจะได้กินให้อร่อย ซึ่งแย่งซื้อมาได้เพียงแค่สามชิ้น
“มึงไม่แหกตาดูแถวหน่อยเหรอไง อย่างกับว่าจะได้แดกง่าย ๆ”
ดูมันสิครับ เอาของคนอื่นไปกินไม่พอ ยังจะหน้าด้านอีก ผมได้แต่ถอนหายใจและหยิบไก่ที่เหลือในถุงจากมันมา
“กูไม่ใช่เบ๊มึงนะเว้ยที่ต้องหาให้มึงแดก กูไม่อิ่ม”
ผมประเคนคำด่าใส่มันก่อนจะกัดชิ้นไก่ที่เหลือด้วยความคับแค้นใจ ยังดีว่าเหลือข้าวขาหมูที่ซื้อมานั่งกินหลังจากที่เราสองคนไปเดินงานโอเพนเฮ้าส์กันทั้งวัน
“บ่นเชี่ยไรนักหนา ทีมึงเอาบัตรเครดิตกูไปรูดเลี้ยงข้าวเพื่อนทั้งห้องกูยังไม่ว่า”
มันหันขวับมาด่าผมกลับทันควันก่อนจะหยิบไก่ชิ้นที่สองของผมไปต่อหน้าต่อตา
“กูหยิบผิดใบ อย่ามาหาเรื่อง”
ผมถลึงตาใส่มันก่อนจะคว้าถุงไก่มาไว้ในมือ ป้องกันโจรขโมยไก่จอมตะกละที่กำลังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
ผมกับไอ้เดย์เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่มอหนึ่ง เรียกได้ว่าซี้กันอย่าบอกใคร ความเป็นอยู่ของเราทั้งสองคนเรียกได้ว่าค่อนข้างดี ต่างเกิดมาในครอบครัวที่ไม่มีความจำเป็นต้องกังวลเรื่องทรัพย์สินเงินทองและความเป็นอยู่เลย แต่ก็เหมือนว่าพอชีวิตมันดีเกินไปเวลาใช้จ่ายอะไร เราสองคนจึงติดนิสัยใช้บัตรเครดิตของกันและกันโดยไม่ได้ดูเลยว่าเป็นบัตรฯของใคร เพราะวางไว้ใกล้กัน สนิทกันมากก็จะมีปัญหาหน่อย
“ไปซื้อน้ำให้กูหน่อย”
ไอ้นี่ มันชักจะมากไปแล้วนะ ผมกรอกตามองบนก่อนแยกเขี้ยวใส่เมื่อ ไอ้เดย์เอามือเปื้อนมันไก่เช็ดชุดนักเรียนอันแสนสะอาดของผม
“ไอ้เหี้ยเดย์ ไอ้สกปรก ไอ้ชั่ว!”
ผมรีบถอยห่างออกจากไอ้คนซกมกก่อนง้างหมัดหลวม ๆ ทำท่าจะต่อยมันไปที โดยไม่รู้สึกนึกกลัวต่อให้มันจะมีร่างกายสูงใหญ่กว่าผมก็เถอะ
“กูหิวน้ำ นะนะน้า นะครับคุณแฟน ไปซื้อให้หน่อย”
“เฮ้อ!”
ผมถอนหายใจยาว รู้สึกว่าตัวเองไม่มีทางเลือก จึงได้แต่ทำใจยอมรับสภาพก่อนจะเดินไปซื้อน้ำให้มันอย่างไม่เต็มใจนัก
“แต่อย่ามาเรียกกูว่าแฟน กูผู้ชายเว้ย”
ผมทำหน้ามุ่ยแล้วรีบสาวเท้าเดินจากไป เดี๋ยวอดไม่ได้ต่อยมันขึ้นมา จริง ๆ แล้วจะยุ่ง
“ก็เห็นพี่มึงชอบ เป็นแฟนกันก็ไม่มีอะไรเลวร้ายนี่หว่า” ปากไอ้เดย์ยังไม่วายพ่นประโยคอ้อนตีนจนผมเริ่มหงุดหงิด แต่ถึงอย่างนั้น สมองเจ้ากรรมก็สั่งขาผมไปซื้อน้ำมาให้มันอยู่ดี
ห้าปีกว่าที่เราคบกันเป็นเพื่อนนับวันยิ่งแย่ แย่ตรงที่พี่สาวของผมจิ้นผมกับไอ้เดย์เนี่ยแหละ จิ้นกันมาก ๆ เดี๋ยวก็ได้คบกันจริง หรือไม่อย่างนั้นก็คงเลิกคบเป็นเพื่อนกันไปเลย
“มาร์ชกับน้องเดย์ถ่ายรูปด้วยกันที่งานโอเพนเฮ้าส์ด้วยอะแม่ มีแต่คนจิ้น ทำไมมาร์ชกับน้องเดย์ไม่เป็นแฟนกันไปเลยล่ะ”
“อะไรเนี่ยพี่มายด์ มโนอะไรของพี่ ผู้ชายกับผู้ชายนะ”
บนโต๊ะอาหารครอบครัวที่มีผม แม่ พี่สาว และพ่อ มันเป็นบรรยากาศที่ชวนหงุดหงิดเป็นที่สุดเพราะคนในครอบครัวไม่เห็นมีใครจะเข้าใจผมเลย ยัยพี่สาวตัวดีก็เอาแต่จับคู่ผมกับผู้ชายคนโน้นคนนี้ แทนที่พ่อกับแม่จะห้ามคนต้นเรื่อง ไหง กลับบอกผมว่าไม่ได้เป็นแบบที่พี่มายด์พูดแล้วจะไปสนใจทำไม ซะงั้น ทำไมกันนะ ทำไมไม่ห้ามพี่มายด์สักที สงสัยความเป็น สาววายมันอยู่ในสายเลือดสินะ
“และอีกอย่างนะ ให้ตายเถอะ ชาตินี้ทั้งชาติผมก็จะไม่มีวันคบผู้ชายเป็นแฟน”
ผมชักสีหน้าตอบกลับพี่สาวของตัวเองพร้อมกับกรอกตามองบนแล้วใช้ส้อมจิ้มไส้กรอกด้วยความรุนแรงเข้าปาก
“ที่พูดนี่โกรธอะไรน้องเดย์อยู่ไหมน้าาา”
เหอะ ยัยพี่มายด์ยังไม่มีทีท่าจะเลิกกระเซ้าเย้าแหย่ผมโดยง่าย
“จะบ้าเหรอพี่ เลิกคิดอะไรแบบนี้สักที จะอ้วก”
ผมโวยวาย เพราะดูเหมือนพี่มายด์เริ่มจะถลำลึกอินกับการจิ้นผมกับ ไอ้เดย์มากเข้าไปทุกที
“เป็นแค่เพื่อนกันไม่ใช่แฟนสักหน่อย”
“แล้วเราล่ะเป็นอะไร ทำไมต้องโวยวาย พี่ก็แค่พูดเล่น ยังไม่ชินอีกเหรอ?”
เป็นแม่ที่เดินเข้ามานั่งพร้อมกับวางถ้วยต้มจืดลงบนโต๊ะอาหาร ผมจึงพยายามคลายปมคิ้วขณะกำลังขมวดอยู่ แต่นั่นแหละครับในเมื่อบรรยากาศชวนหงุดหงิดไปแล้ว มีหรือที่อารมณ์มันจะสงบลงง่าย ๆ
“แม่พอใจเหรอ ลูกเป็นผู้ชายนะไม่ใช่เกย์”
ผมตอบกลับด้วยน้ำเสียงติดจะฉุนเฉียว แต่ยัยพี่สาวตัวดียังคงยิ้มร่าอย่างไม่สะทกสะท้านราวกับสิ่งที่ผมพูดมันฟังดูตลกเสียเต็มประดา
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?