“ทำไมครับ งอนเหรอคร้าบ”
ไอ้เดย์เอื้อมมือลูบหัวป้อย ๆ เหมือนปลอบ แต่ไหงผมกลับรู้สึกว่ามันกำลังตลกกับสิ่งที่ผมเป็นในตอนนี้
“ตลกมากไหมไอ้สัส!”
ผมปัดมือมันออกอย่างแรงก่อนจัดการเก็บสมุดกับปากกาเข้ากระเป๋าเป้ของตนเอง พอผมทำแบบนั้นจากเดิมที่ไอ้เดย์กำลังหัวเราะอยู่กลับหน้าเสียขึ้นมาทันที
“ที่คนเขายังไม่เลิกจิ้นอะ เพราะมึงติดเล่นไง ไปตอบเมนต์แฟนคลับ ไปกดไลก์ แถมยังชอบเอากูไปลงสตอรี่”
“แล้วทำไมมึงต้องโมโหวะ กูก็แค่เห็นว่าน่ารักดี”
มันยืนมองหน้าผมด้วยความไม่เข้าใจ แววตาแดงก่ำของผมเวลานี้บ่งบอกชัดว่ากำลังโกรธ ซึ่งดูเหมือนไอ้เดย์ที่สนิทกับผมมานานก็น่าจะเข้าใจได้ดี
“แต่กูไม่เคยเห็นว่ามันน่ารักไง ที่กูโกรธเพราะมึงชอบเล่นแต่เรื่องพวกนี้ มึงน่าจะรู้ว่ากูรำคาญ”
ผมพูดความอัดอั้นที่เก็บไว้มานานออกไป
“มึงไม่ชอบเรื่องพวกนี้ เอาง่าย ๆ ก็เหมือนกับว่ามึงไม่ชอบกูด้วย”
แต่ทันทีที่ไอ้เดย์พูดประโยคนั้นออกมา มันกลับมีน้ำหนักพอที่จะทำให้ผมเงียบไปพักหนึ่ง ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเช่นกันว่าทำไมถึงเป็นอย่างนี้ได้
ผมจับจ้องไปยังใบหน้าที่เหมือนคนกำลังผิดหวังนั้น แล้วรู้สึกสะท้อนใจแปลกอย่างประหลาด หรือว่าตอนนี้ผมกำลังรู้สึกแย่เพราะทำให้คนขี้เล่นอย่างมันต้องมารู้สึกไม่ดีกับคำพูดของผม แต่ช่างเถอะหวังว่ามันคงจะเข้าใจ
“เปล่า กูไม่ได้ไม่ชอบมึง กูแค่ไม่อยากให้ใครมาเข้าใจผิดว่ากูเป็น...”
“เป็นเกย์”
ไอ้เดย์ตัดบทพูดต่อจากประโยคเดิมของผมที่ยังพูดยังไม่จบ
“แล้วมึงเกลียดเกย์หรือไง?”
มันเริ่มมีน้ำเสียงเล็กน้อย
“ปะ...เปล่าไม่ชอบก็คือไม่ชอบไง ทำไมมึงต้องมาโมโหกูกลับวะ”
“ถ้ามึงไม่ชอบแล้วมึงทำไมต้องไม่ชอบเฉพาะคลิปกูกับมึง หรือตอนที่กูถ่ายรูปกับมึงด้วย”
น้ำเสียงไอ้เดย์แหบพร่าเหมือนจะร้องไห้ จนผมเงียบไป ทั้งที่มันเข้มแข็งมากแท้ ๆ แต่แววตาขลุกขลิกนั่นเหมือนกำลังเก็บอะไรบางอย่างไว้จนผมรู้สึก อึดอัด
“ไอ้เดย์ มึงเป็นอะไรวะ มึงอย่าถามอะไรที่กูไม่ได้เตรียมคำพูดไว้แบบ นั้นสิ”
ผมตอบกลับมันเสียงสั่น ใจจริงแล้วผมก็เพียงอยากให้มันรู้ว่าผมไม่ได้เกลียดเกย์และอีกอย่างก็ไม่ได้รู้สึกแบบที่มันคิดเกินเลยด้วย ผมไม่อยากให้เราสองคนถูกคนอื่นมองให้เหมือนเป็นแฟนกัน หวังแค่ให้มองเป็นเพื่อนกันแบบปกติก็เท่านั้นเอง
“ถ้ากูไม่ถ่ายรูปกับมึงอีก มึงถึงจะพอใจใช่ไหม?”
ไอ้เหี้ยเดย์ยังคงเถียงไม่หยุด เล่นเอาผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ คล้ายว่ายิ่งทะเลาะกับมันก็รังแต่จะหนักขึ้นไปใหญ่
“กูไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนั้นมึงยังไม่เข้าใจอีกเหรอวะ โธ่เว้ย!”
ผมเริ่มขึ้นเสียงให้กับคำพูดเมื่อครู่ของคนตรงหน้า ซึ่งดูเหมือนทำเอาซะผมดูแย่ในสายตามันไปเลย ก่อนกำหมัดยืนนิ่งงันจับจ้องไปยังเจ้าของใบหน้าได้รูปอย่างคนหมดคำจะเอ่ย
ผมถึงกับต้องกลับมาขบคิดทบทวนใหม่ ให้ตายเถอะหรือว่ามันไม่เคยรู้สึกแบบนั้นกับผมเลย ทั้งหมดทั้งมวลเป็นผมต่างหากล่ะที่คิดไปเอง เมื่อก่อนถึงมันจะโกรธผม แต่มันก็ไม่เคยเป็นแบบนี้สักครั้ง แบบที่ต้องมายืนเถียงกับผมด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ทีมึงถ่ายรูปกับผู้หญิงไม่เห็นต้องมาบ่นแบบนี้เลย” ประโยคสุดท้ายที่ ไอ้เดย์พูดให้กับผมเป็นประโยคที่เพ้อเจ้อมากจนผมไม่อาจทนฟังโดยไม่คิดจะโต้เถียงได้ มันหยิบกระเป๋าของตัวเองเพื่อที่จะเดินหนีไป
หมับ!
แต่ผมคว้าแขนมันเอาไว้เพราะไม่อยากให้เราสองคนต้องมาผิดใจกันไปมากกว่านี้
“มึงเป็นเหี้ยอะไรไอ้เดย์ แซะกูเก่งนะมึงอะ”
ผมมองตามแผ่นหลังของคนตัวสูง แม้ท่อนแขนขาว ๆ ของมันจะถูกมือผมจับไว้แน่น แต่เจ้าตัวก็ยังไม่มีทีท่าจะหันหน้ากลับมาเถียงผมแบบเมื่อกี้แม้แต่น้อย ไอ้เดย์พยายามสะบัดแขนออก เพื่อจะเดินออกไปจากห้องเรียนให้พ้น ๆ แต่มีหรือที่ผมจะยอมง่าย ๆ
“มาเคลียร์กับกูให้รู้เรื่อง ว่ามึงเป็นปัญญาอ่อนอะไร มึงเอ๋ออยู่เหรอไง?”
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?