ตอนที่ 4 ความรำคาญที่ถึงขีดจำกัด(1)

เฮ้อ...ในที่สุด เช้าวันธรรมดาของผมก็ผ่านไป แต่วันนี้เป็นวันที่ผมพูดได้เลยว่าค่อนข้างเหนื่อยกับการตื่นเช้าไปโรงเรียน ทานข้าวกับครอบครัวน่ะไม่เท่าไร แต่การที่แม่คุยกับพี่สาวอย่างออกรสออกชาติเกี่ยวกับนิยายวายเล่มนั้นที่เพิ่งอ่าน ทำเอาผมมองหน้าไอ้เดย์ด้วยความฉงนว่าสองแม่ลูกฉบับผู้หญิงนั้นเป็นอะไรกันอยู่ ซ้ำร้ายเช้านี้ผมยังต้องมานั่งปั่นงานของอาจารย์นิภายกใหญ่จนไอ้เดย์นั่งหัวเราะคิกคักอยู่ข้าง ๆ 

“มึงช่วยเขียนตรงนี้หน่อย ทำไม่ทัน”

ผมยื่นสมุดอีกฝั่งให้ไอ้เดย์ช่วยเขียน ซึ่งมันเป็นเพื่อนที่ดีครับ ช่วยทำแต่โดยดีแต่ก็ไม่วายนั่งขำไม่หยุด

“โอเคครับ”

ดีมาก เชื่อฟังว่าง่ายสอนง่าย

“คนเป็นแฟนกัน มาร์ชอยากให้ช่วยอะไร ผมช่วยได้หมดแหละ” 

“…” กวนตีน

“แหม ๆ จีบกันแต่เช้าเลยนะพวกมึง เกรงใจคนไม่มีแฟนบ้าง”

เป็นไอ้โบ้เพื่อนในห้องเรียนของผมเอ่ยแซวขึ้น จนผมเงยหน้าเตรียมจะ ยิงคำด่าใส่มันเต็มที่หากมีคนใดคนหนึ่งในที่นี้ไม่เห็นด้วย แต่นี่ไอ้พวกเพื่อนเวร ทุกคนกลับพร้อมใจกันเงียบหมดเลย ให้ตายเถอะไม่มีเสียงหมาตัวไหนพูดทัดทานช่วยผมสักแอะ

“ไอ้สัส กูเป็นผู้ชาย” 

“ผู้ชายแล้วไง ผู้ชายแล้วจำเป็นต้องคบแต่ผู้หญิงเหรอวะไอ้มาร์ช”

สิ้นเสียงน่ารำคาญของไอ้โบ้ ผมได้แต่หน้ามุ่ยไม่สบอารมณ์แล้วทำหูดับใส่ก่อนก้มลอกการบ้านต่อ แต่ทว่า...

“ไม่ต้องละ กูทำเอง” 

ผมกระชากสมุดจากไอ้เดย์มาทำเองคนเดียว 

“มึงเขินเหรอวะที่ยังรับตัวเองไม่ได้ ทั้งที่มึงเองก็ชอบกู”

ไอ้เดย์ยังเล่นไม่เลิกทำเอาผมรู้สึกหงุดหงิดซ้ำแล้วซ้ำอีก เฮ้อ...เวรกรรมอะไรวะเนี่ยเช้านี้มีแต่ความรู้สึกในแง่ลบมากเกินไปแล้วนะ

“บ้าเหรอกูไม่ได้ชอบมึง อย่ามาพูดเองเออเอง ไอ้เหี้ย” 

“เดี๋ยวมึงก็ชอบ”

“….”

ทำไมผมต้องไปชอบเพื่อนสนิทอย่างมันวะ ถามจริง ต้องสิ้นไร้ไม้ตอกขนาดไหน แม่งพูดเข้าข้างตัวเองอยู่ได้ 

“เออ จะรอละกัน”

ผมตอบกลับไปแบบส่ง ๆ ก่อนตั้งใจเขียนงานต่อเพราะใกล้จะเสร็จแล้ว แต่พอนั่งอยู่นิ่ง ๆ ไหงรู้สึกเขินตงิด ๆ วะ

“มึงจะมองหน้ากูทำไมไอ้เดย์?” 

“มึงตลกดีนะตอนเขินเนี่ย”

โหยรุกขนาดนี้จีบกูเลยสิ นั่งโง่ ๆ มองหน้าอยู่ได้

“ไอ้ควาย”

“เอ้า ด่ากูทำไม”

ไอ้เดย์ทำหน้ามุ่ยทันทีที่ผมด่ามัน จนผมหัวเราะร่า เหอะ ไอ้ควายเผือกเอ๊ย

“ก็มึงมันน่าหมั่นไส้”

ผมพูดพร้อมชูนิ้วกลางใส่คนตรงหน้า ก่อนขะมักเขม้นกับงานต่อไม่งั้นไม่มีส่งอาจารย์นิภาแน่นอน

การเรียนในวันนี้ปกติอย่างทุกวัน ซึ่งที่ว่าปกติคือน่าเบื่อนั่นแหละครับ ตลอดแปดชั่วโมงทั้งวันผมต้องก้ม ๆ เงย ๆ อดทนฟังอาจารย์พูดในคาบ แต่ไอ้คนข้าง ๆ เนี่ยสิ คงไม่รู้สึกอะไร เพราะแม่งหลับทุกคาบจนอาจารย์ต้องเดินมาสับมะเหงก สมน้ำหน้า มีเวลานอนแล้วเสือกไม่นอน ไอ้ควายเอ๊ย

แต่ถึงอย่างนั้นเห็นมันหลับทุกคาบแบบนี้ มันยังเรียนเก่งกว่าผมอยู่ดีไม่รู้เป็นเพราะอะไร แต่เอาเถอะ มีเพื่อนอย่างมัน ดีอยู่อย่างคือมีคนให้ลอกการบ้านเนี่ยแหละ เพื่อนผมเป็นต้นฉบับนะเว้ย ยืดอกภูมิใจ

“ไอ้มาร์ช ๆ”

ไอ้เดย์สะกิดแขนผมเหมือนกำลังดีใจอะไรบางอย่าง จนผมที่กำลังตั้งอกตั้งใจแก้โจทย์ฟิสิกส์อยู่บนโต๊ะเรียนหันขวับไปมองหน้ามันด้วยความรู้สึกไม่สบอารมณ์นัก

“เชี่ยไรของมึงเนี่ย ดีใจห่าไร”

ผมแยกเขี้ยวใส่คนตัวสูงที่ยื่นโทรศัพท์มาให้

ภาพที่ปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์เป็นคลิปวีดีโอที่ผมถูกแอบถ่ายในงานโอเพนเฮ้าส์ เป็นภาพของผมและมันที่กำลังนั่งทะเลาะกันในโรงอาหาร แต่วีดิโอถูกตัดออกมาให้ดูน่ารักแถมยังมีการใส่เสียงเพลงเกาหลี โมเมนท์คล้ายแฟนกันอีก โธ่เว้ย อะไรกันครับเนี่ย 

“ลบ”

ผมยื่นคำขาดให้ไอ้เดย์ลบเพราะถ้าน้องโบว์มาเห็นเดี๋ยวน้องเขาก็ส่งคลิปนี้มาอีก

“ลบอะไรมึง เห็นเขาเอาไปลงในต๊อกแต๊ก กูไม่ได้เป็นคนลง แล้วอีกอย่างมีแต่คนชอบ”

ไอ้เดย์มองหน้าผมคล้ายไม่เข้าใจ แต่ไม่วายยิ้มร่าหน้าบานเป็นกระด้ง

ใช่สิ เพราะมันไม่ได้เป็นผมนี่ ผมไม่ได้อยากถูกจับคู่จิ้นกับมันสักหน่อย

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ