ตอนที่ 9 สัญญาลับตั้งครรภ์

หญิงสาวร่างเล็กตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่อ่อนเพลีย เมื่อมองไปรอบ ๆ ห้องก็รู้สึกแปลกใจว่าเธอเข้ามานอนในห้องได้อย่างไร เมื่อนึกขึ้นได้ ไอญารินทร์ก็เดินออกมาดูด้านนอกห้องนอนก็พบกับตรีธาราที่นั่งอยู่ที่เดิม 

"ทำไมยังไม่กลับไปอีกคะ?"

เสียงเล็กของหญิงสาวเอ่ยถามออกไป 

"เรายังคุยกันไม่รู้เรื่อง"

เสียงทุ้มหันมาเอ่ยกับเธอ ไอญารินทร์ทำหน้าเซ็งแล้วเดินมานั่งลงตรงหน้าเขา 

"มีอะไรจะพูดอีกคะ"

หญิงสาวเบื่อขี้หน้าเขาเต็มทนจึงยอมพูดคุยด้วยให้มันจบ ๆ ชายหนุ่มจะได้กลับไปเสียที

"ก่อนอื่นเธอต้องกินข้าวก่อน"

พูดจบเขาก็เดินไปยกอาหารเข้าไปอุ่นในไมโครเวฟให้

คนตัวเล็กแอบมองเขาที่มีท่าทีมุ่งมั่นกับการเตรียมอาหารมาก ในใจก็เผลอแอบคิดไปถึงใครอีกคนที่เคยทำแบบนี้ให้เธอเองเช่นกัน 

เจ้าของร่างสูงยกอาหารมาเสิร์ฟให้ คนตัวเล็กทำสีหน้านิ่งเรียบพร้อมมองหน้าของเขานิ่ง ๆ 

"กินสิ"

น้ำเสียงทุ้มเอ่ยออกมาด้วยถ้อยคำที่ไม่หวานนักแต่แฝงไปด้วยความเป็นห่วง

"คุณพูดธุระของคุณมาเถอะค่ะ จะได้กลับไปสักที"

น้ำเสียงแข็งเอ่ยกับเขาด้วยสีหน้าเหวี่ยงวีน

"จิ๊! ทำไมเธอถึงได้ดื้ออย่างนี้เนี่ย!"

ธามได้แต่เอ่ยดุเธอออกไปเมื่อเห็นว่าเธอไม่ยอมกินข้าวก่อน

"ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้วก็เชิญกลับไปค่ะ และห้ามมาที่นี่อีก"

หญิงสาวเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด สุดท้ายธามก็ต้องยอมแพ้ให้กับเธอ 

"ก็ได้ ... ผมมีข้อเสนอที่น่าสนใจให้กับคุณ ผมรู้ว่าคุณเป็นห่วงชื่อเสียงของตัวเองในวงการ แต่สำหรับผมชีวิตเด็กคนนี้สำคัญกว่า แม้ว่าคุณจะไม่ให้ความสำคัญกับเขาก็ตามเพราะฉะนั้นผมต้องการทำข้อตกลงกับคุณ"

ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบพร้อมสบตาเธออย่างไม่ละสายตา 

"คุณรู้ได้ยังไงคะว่าฉันไม่รักลูกตัวเอง ฉันเองก็เจ็บปวดเหมือนกันค่ะ และฉันบอกกับคุณแล้วว่าฉันมีเหตุผลของฉัน"

น้ำเสียงสั่นเครือพร้อมแววตาที่เศร้าซึมตอบกลับเขา ไอญารินทร์อ่อนไหวกับคำพูดเป็นอย่างมาก เธอเองก็เสียใจกับเรื่องนี้ แต่สิ่งที่กำลังตัดสินใจทำเธอคิดแล้วว่ามันเป็นเรื่องที่ดีต่ออนาคตของเด็ก

หญิงสาวไม่อยากให้เด็กต้องเกิดมาไม่มีพ่อ ยิ่งเกิดเป็นลูกของคนมีชื่อเสียง แน่นอนว่าคงไม่สามารถปิดเรื่องนี้ไว้ได้ และผลกระทบที่เธอจะได้รับมันหนักเกินกว่าที่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ จะรับได้ไว้ เธอเองไม่ได้อยากทำร้ายเด็ก เพียงแต่ตอนนี้หญิงสาวกำลังมองหาวิธีอื่นที่ดีที่สุดอยู่แค่นั้นเอง

"ผมขอฟังเหตุผลของคุณหน่อยสิ ... ช่วยเล่าเหตุผลที่ทำให้คุณเลือกที่จะทิ้งลูกตัวเองหน่อยได้ไหม"

สายตาคมจ้องมองเธอนิ่งพร้อมกับน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกเอ่ยขึ้น

"..."

ไอญารินทร์มองหน้าชายหนุ่มด้วยสีหน้านิ่ง ๆ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงกลัวที่จะต้องบอกเหตุผลของตัวเองให้เขาได้รู้

"คุณกำลังกลัวอะไรอยู่กันแน่ไอญา ถ้าเกิดว่าเป็นเรื่องชื่อเสียงแน่นอนว่าผมสามารถช่วยปิดเรื่องนี้ให้เป็นความลับให้คุณได้ ผมพร้อมจะรับผิดชอบชีวิตเด็กคนนี้นะ ถ้าคุณกลัวว่าเขาจะมาเป็นภาระในชีวิตของคุณ ผมจะรับเลี้ยงเขาเอาไว้เอง พรุ่งนี้ผมจะกลับมาพร้อมสัญญาและทนาย คุณไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธการทำสัญญาในวันพรุ่งนี้ เพราะผมก็มีสิทธิ์เป็นพ่อของเด็กในท้องคุณเหมือนกัน ผมมีสิทธิ์ที่จะช่วยชีวิตลูกของผมเหมือนกับคุณที่มีสิทธิ์จะฆ่าลูกของตัวเอง"

ชายหนุ่มลุกขึ้นฟึดฟัดเดินออกไปอย่างฉุนเฉียว

ไอญารินทร์มองตามหลังร่างใหญ่ที่เพิ่งเดินออกจากห้องไปและนึกถึงคำพูดของเขาเมื่อครู่ 

"คุณจะช่วยฉันได้ยังไงคะ คุณจะยอมเป็นพ่อของลูกฉันทั้ง ๆ ที่คุณเองก็ไม่แน่ใจว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของคุณอย่างงั้นเหรอคะ คุณจะสามารถรักเขาไปตลอดชีวิตได้เหรอ ถ้าเกิดวันหนึ่งคุณรู้ว่าเขาไม่ใช่ลูกของคุณ"

แววตาเศร้าแสดงออกมาอย่างชัดเจนพร้อมกับหยาดน้ำตาที่เอ่อล้นอยู่ในดวงตาของเธอ แม้จะยังรักอดีตคนรักอยู่แต่ก็ไม่คิดจะเอาลูกไปเป็นเหตุผลในการดึงเขากลับมาอย่างแน่นอน

ตอนนี้เธอกลัวอะไรอยู่กันแน่ กลัวว่าชื่อเสียงจะหายไป กลัวว่าครอบครัวจะไม่เข้าใจ หรือกลัวผู้ชายคนนี้จะเป็นพ่อของลูกจริง ๆ หญิงสาวยังคงคิดวนเวียนอยู่ในหัว

เช้าวันรุ่งขึ้นชายหนุ่มกลับมาที่คอนโดฯ ของเธอ พร้อมกับทนายประจำตระกูลสิงหบดินทร์ หญิงสาวตกใจเป็นอย่างมาก ใครจะไปคิดว่าอีตาบ้านี่จะเอาทนายมาถึงบ้านจริง ๆ เธอมองอีกฝ่ายผ่านตาแมวประตูครุ่นคิดว่าจะเปิดหรือไม่เปิดให้เขาเข้ามาดี

คนที่อยู่ด้านนอกยังเอาแต่กดกริ่งและเคาะประตูจนกลัวว่าเพื่อนบ้านจะรำคาญใจ หญิงสาวจึงยอมเปิดประตูให้พวกเขาเข้ามา 

"อะไรของคุณเนี่ย!"

เสียงแข็งของหญิงสาวเอ่ยขึ้นด้วยอารมณ์โมโหทันทีเมื่อเปิดประตู ชายหนุ่มเดินเข้าห้องของเธอไปหน้าตาเฉยพร้อมกับทนายที่เดินตามหลังเข้ามาอย่างเกรงใจ เจ้าของห้องได้แต่ยืนมองบนใส่เขา 

เมื่อมาถึงธามก็ยื่นสัญญาให้ไอญารินทร์อ่าน

"สัญญาความลับการตั้งครรภ์"

หญิงสาวอ่านชื่อสัญญาออกไปพร้อมกับคิ้วที่ขมวดเข้าหากันด้วยความรู้สึกงุนงง เพราะไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดจะทำอะไรนี่ ทนายจึงได้เอ่ยถึงข้อตกลงในสัญญาให้ได้ฟัง

"นายตรีธารา สิงหบดินทร์ ยินยอมที่จะเป็นบิดาของบุตรในครรภ์นางสาวไอญารินทร์ ขจรกุลจิโรจน์ โดยไม่มีข้อยกเว้นใด ๆ และทั้งคู่มีสถานะเป็นเพียงบิดา และมารดาของบุตรเท่านั้น ไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ผูกมัดกันของสองคน ... นางสาวไอญารินทร์จะได้รับความคุ้มครองและดูแลอย่างเต็มที่รวมถึงเก็บเรื่องนี้เป็นความลับอย่างถึงที่สุดเพื่อรักษาชื่อเสียงของเธอ ... นางสาวไอญารินทร์จะได้รับค่าเลี้ยงดูเป็นรายเดือน เดือนละ 3 ล้านบาทจนกว่าจะคลอดบุตร ... นางสาวไอญารินทร์จะไม่สามารถออกไปทำงานหรือใช้ชีวิตโดยไม่มีการดูแลจากนายตรีธาราได้ เพราะอาจส่งผลต่อสัญญาหากเกิดการรั่วไหลของความลับนี้ออกไป ... นางสาวไอญารินทร์จะได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากคุณหมอส่วนตัว ตั้งแต่ฝากครรภ์จนถึงวันคลอดอย่างเป็นส่วนตัว ... หลังจากคลอดบุตรนายตรีธารามีสิทธิ์ในตัวบุตรมากกว่านางสาวไอญารินทร์ เพราะนายตรีธาราจะเป็นฝ่ายดูแลเลี้ยงดูและส่งเสียบุตรแต่เพียงผู้เดียว 100% ... นางสาวไอญารินทร์มีสิทธิ์ในตัวลูกเพียง 10% เท่านั้น โดยในหนึ่งสัปดาห์ต้องสละเวลามาใช้เวลาวันครอบครัวร่วมกันเพื่อเติมเต็มความสุขให้แก่ลูก ... ในระยะเวลาของการตั้งครรภ์หากนางสาวไอญารินทร์มีพฤติกรรมที่จงใจและพยายามทำร้ายหรือก่อให้เกิดการบาดเจ็บหรือสูญเสียต่อเด็กในครรภ์ สัญญาฉบับนี้เป็นโมฆะทันที และนางสาวไอญารินทร์ต้องชดใช้ให้แก่นายตรีธาราเป็นจำนวนเงิน 500 ล้านบาท"

เมื่อได้ฟังประโยคนี้หญิงสาวถึงกับตาโตขนลุกซู่ทันที

"คุณไอญารินทร์ต้องการแก้ไขหรือเพิ่มสัญญาข้อใดอีกหรือไม่ครับ?"

ทนายเอ่ยถามอีกฝ่ายขึ้น ใบหน้าเล็กกำลังทำสีหน้าคิดหนักเนื่องจากข้อเสนอของเขามีทั้งข้อที่เธอได้เปรียบและเสียเปรียบเช่นกัน 

"ฉันไม่เห็นรู้มาก่อนเลยค่ะว่าฉันต้องทำสัญญาบ้าบอพวกนี้ด้วย"

หญิงสาวมองหน้าทั้งคู่ และเอ่ยออกไปด้วยสีหน้านิ่งเรียบ แต่น้ำเสียงเผยให้เห็นถึงความดุดันและไม่พอใจ

"นี่เป็นข้อเสนอจากผม ในเมื่อคุณไม่คิดจะเก็บเด็กคนนี้ไว้งั้นผมก็ขอชีวิตของเขาไว้ด้วยข้อแลกเปลี่ยนพวกนี้ ถ้าคุณคิดว่า 3 ล้านมันน้อยไปคุณสามารถเรียกเพิ่มได้อีกตามที่คุณต้องการครับ"

ตรีธารานั่งมองเธอด้วยสีหน้าจริงจัง นี่เขายอมทำเพื่อเด็กคนนี้ขนาดนี้เลยงั้นหรือ? ดูเหมือนไอญารินทร์จะเห็นความมุ่งมั่นตั้งใจในตัวของธามมากขึ้นเรื่อย ๆ

หญิงสาวกำลังคิดหนักถึงข้อเสนอของธาม ซึ่งมันมีทั้งข้อดีและข้อเสีย และพอลองชั่งน้ำหนักดูแล้วข้อดีมันก็มีมากกว่าทำให้หญิงสาวตัดสินใจในครั้งนี้ 

"สัญญาฉบับนี้ต้องเป็นความลับจนกว่าวันหนึ่งมันจะปิดเอาไว้ไม่อยู่"

ซึ่งกว่าจะถึงเวลานั้น เธอก็คงจะอำลาวงการไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

"และฉันขอเพิ่มอีกข้อ ฉันสามารถพบลูกได้ทุกเมื่อที่ฉันต้องการโดยไม่มีการกีดกันจากนายตรีธาราไม่ว่าเหตุผลใด ๆ ก็ตาม"

หญิงสาวจ้องมองนัยน์ตาของชายหนุ่ม ร่างสูงของธามทำสีหน้าครุ่นคิดก่อนจะตอบตกลงตามที่เธอต้องการ 

ในที่สุดทั้งสองคนก็ตกลงเซ็นสัญญาโดยมีทนายทางฝั่งของธามเป็นพยาน หลังจากนั้นทั้งคู่ก็กลับไป

"แม่ไม่รู้ว่าการตัดสินใจในครั้งนี้ของแม่มันถูกไหม แต่ ณ ตอนนี้เวลานี้นี่เป็นหนทางที่ดีที่สุดแล้วนะลูก หวังว่าหนูจะเข้าใจแม่นะ"

มือเล็กลูบไปที่ท้องของตนเองเบา ๆ และมองตัวเองผ่านหน้ากระจก 

ในเช้าวันแรกหลังจากทำสัญญา ตรีธาราทำหน้าที่พาเธอไปฝากครรภ์ ซึ่งคุณหมอเจ้าของคนไข้ก็เป็นเพื่อนของเขานั่นเอง อีกทั้งโรงพยาบาลนี้เป็นโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังที่พ่อของเขาก็ถือหุ้นของที่นี่อยู่ ทำให้หลาย ๆ อย่างมันก็ง่ายต่อการเก็บเป็นความลับรวมถึงการให้บริการ โดยวันที่ไอญารินทร์มีนัด คุณหมอจะไม่ได้นัดคนไข้คนอื่น เพราะธามไม่ต้องการให้พบเจอผู้คนมากนัก 

"เฮ้ยย จะเป็นคุณพ่อแล้วว่ะ ดีใจด้วย"

หมอภวัตแสดงความยินดีกับเพื่อนรัก

"พูดมากอยู่ได้ มึงรีบตรวจสิหมอ กูอยากรู้แล้วว่าลูกกูผู้หญิงหรือผู้ชาย"

ร่างสูงเอ่ยออกไปจนทำให้ผู้เป็นหมอและหญิงสาวข้างกายหันมามองแรงใส่เขา 

"ล้อเล่นน่า แค่อยากให้ขำไม่อยากให้เครียดกัน"

คนจะได้เป็นพ่อเล่นมุกหน้านิ่ง เอ่ยออกไปแก้เขิน 

"อายุครรภ์ยังไม่ถึง 8 สัปดาห์ด้วยซ้ำมึงถามหาเพศลูก อาการเริ่มหนักแล้วนะครับคุณแม่"

ในท้ายประโยคนั้นภวัตหันไปพูดกับไอญารินทร์ ซึ่งเธอเองก็ได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ให้ หลังจากฝากครรภ์ตรีธาราก็ได้กลับมาส่งเธอที่คอนโดก่อนเขาจะไปทำงาน

"ฉันบอกแล้วว่าขึ้นมาเองได้ ยังจะตามขึ้นมาอีก"

ไอญารินทร์บ่นขณะที่อยู่ในลิฟต์

"วันนี้ผมจะให้แม่บ้านมาช่วยเก็บของใช้ของคุณ ย้ายไปอยู่กับผมซะ ผมคงไม่สะดวกมาอยู่ในที่ที่อดีตคนรักของคุณเคยอยู่สักเท่าไหร่ ไม่ชอบซ้ำรอยใคร!"

ประโยคสุดท้ายเขาหันไปพูดใส่หน้าหญิงสาวก่อนจะเดินถือถุงยาเดินนำออกจากลิฟต์ไป คนได้ฟังทำหน้าเหวอก่อนหันไปมองแรงใส่คนที่เพิ่งเดินออกไป 

"ฉันขอเวลาอีกสามวันค่ะ มันเร็วเกินไปที่จะต้องไปใช้ชีวิตอยู่กับคุณ ฉันไม่อยากเป็นประสาทก่อนวัยอันควร!"

ร่างบางเน้นเสียงที่ประโยคสุดท้ายพร้อมจ้องเขม็งไปที่ชายหนุ่ม 

"ได้! งั้นคุณก็ใช้เวลานี้เคลียร์ภาระหน้าที่ของตัวเองซะ อย่าลืมว่าคุณต้องออกห่างจากงานในวงการจนกว่าคุณจะคลอดลูก"

ร่างสูงย้ำข้อตกลงในสัญญากับหญิงสาว 

"เข้าใจแล้วค่ะ!"

เธอแอบถอนหายใจเบา ๆ พัก 1 ปีคงจะไม่เป็นไรหรอกมั้ง ต่อไปก็คงหาวิธีรับมือกับครอบครัวในระหว่างที่เธอตั้งครรภ์เธอคงจะไม่ได้กลับไปบ้านอีกพักใหญ่

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ