ตอนที่ 12 หอชิงสุ่ย

แม้ชาติก่อนลู่ฟางหนิงจะมือเปื้อนเลือดเพราะโจวหยางเทียนมากเพียงใด ทว่าเรื่องบางเรื่องนางจำต้องใช้งานผู้อื่นและคนที่นางสามารถใช้งานเพื่อโจวหยางเทียนได้นั่นก็คือพี่น้องสกุลเฟย เดิมทีกลุ่มคนเหล่านี้เป็นนักฆ่าที่สามารถทำทุกอย่างได้เพื่อเงิน แต่เมื่อพวกเขารู้จักกับนาง พวกเขาทั้งสี่คนก็คอยติดตามและรับใช้นางมาโดยตลอด หากชาตินี้นางสามารถดึงพวกเขามาเป็นพวกเหมือนในชาติที่แล้วได้ การแก้แค้นโจวหยางเทียนกับซูเยี่ยนหลิงก็คงไม่ยากเกินไป

เมื่อคิดได้ดังนั้น หลังจากที่อาบน้ำชำระร่างกายเสร็จเรียบร้อย ลู่ฟางหนิงจึงคิดที่จะไปพบกับพี่น้องสกุลเฟยเพื่อดึงคนเหล่านั้นมาเป็นพวก

ในชาติก่อนลู่ฟางหนิงจดจำได้ว่าพี่น้องสกุลเฟยนั้นอาศัยอยู่ในพื้นที่อโคจรของเมืองหลวง พวกเขาเป็นกลุ่มคนที่เข้าถึงยาก หากต้องการพบพวกเขาต้องไปที่หอ ‘ชิงสุ่ย’

แม้เบื้องหน้าของหอชิงสุ่ยจะเป็นหอนางโลมเลื่องชื่อของเมืองหลวงแคว้นโจว ทว่าเบื้องหลังกลับรับงานผิดกฎหมาย พี่น้องสกุลเฟยกับเถ้าแก่เจ้าของหอชิงสุ่ยเป็นคนรู้จักกัน พวกเขาล้วนทำเรื่องทั้งหมดเพราะได้ผลประโยชน์ร่วมกัน

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ลู่ฟางหนิงก็ไม่สามารถชักช้าได้แล้วเพราะอีกไม่นานโจวหยางอวี้จะถูกลอบสังหาร นางต้องรีบดึงพี่น้องสกุลเฟยมาเป็นพวกให้เร็วที่สุด

“อิ๋นฉาย อิ๋นเซียง”

เมื่ออาบน้ำชำระร่างกายเสร็จ ลู่ฟางหนิงจึงเรียกสาวใช้ของตนเข้ามา ในขณะที่สาวใช้ทั้งสองกำลังช่วยนางแต่งตัวอยู่นั้น นางจึงเอ่ยขึ้นว่า ”ข้าจำได้ว่าเมื่อหลายวันก่อนพี่รองนำชุดมาให้ข้าเย็บ พวกเจ้านำชุดเหล่านั้นไปคืนเขาหรือยัง”

ลู่ฟางหนิงเอ่ยถามสาวใช้เช่นนี้ย่อมมีเหตุผล เพราะหอชิงสุ่ยเป็นหอนางโลม ดังนั้นการที่นางจะเข้าไปด้านในนั้นได้โดยไร้คนสงสัย นางจึงจำเป็นที่จะต้องปลอมตัวเป็นบุรุษเข้าไป

“ชุดของคุณชายรองหรือเจ้าคะ?”

อิ๋นฉายกับอิ๋นเซียงหันมองหน้ากัน ก่อนที่อิ๋นฉายจะเป็นคนเอ่ยขึ้น “หลังจากที่คุณหนูเย็บชุดให้คุณชายรองเสร็จ ข้าก็นำชุดนั้นไปคืนให้กับเขาทันทีเลยเจ้าค่ะ คุณหนูถามเช่นนี้มีอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ”

เอาชุดไปคืนแล้วอย่างนั้นหรือ…

เดิมทีลู่ฟางหนิงคิดว่าจะขอยืมชุดของพี่ชายคนรองมาสวมใส่เพื่อปลอมตัวเป็นบุรุษเพราะรูปร่างของเขาค่อนข้างใกล้เคียงกับนางมากกว่าพี่ชายคนโต

“ข้าลืมไปเลยว่ามีบางจุดที่ยังแก้ไม่เสร็จดี อย่างไรพวกเจ้าช่วยไปนำชุดของพี่รองมาให้ข้าได้หรือไม่”

อิ๋นฉายกับอิ๋นเซียงหันมองหน้ากันอีกครั้งด้วยความสงสัย เพราะก่อนที่พวกนางจะนำชุดของคุณชายรองไปคืน พวกนางก็ตรวจสอบดูแล้วว่าเรียบร้อยดี แล้วเหตุใดคุณหนูรองถึงบอกว่ามีบางจุดที่ยังต้องแก้ไขอีกเล่า?

ทว่าอิ๋นฉายกับอิ๋นเซียงก็หาได้เอ่ยความสงสัยของตนออกไป นอกจากก้มหน้ารับคำแล้วรีบไปนำชุดของคุณชายรองมาให้คุณหนูของตนตามคำสั่ง

ตกดึกคืนนั้น ในขณะที่ทุกคนภายในจวนสกุลลู่กำลังเข้าสู่ห้วงนิทรา ลู่ฟางหนิงก็รีบผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ทันที ใช้เวลาไม่นานนางก็กลายเป็นคุณชายน้อยหน้าตางดงามผู้หนึ่ง เมื่อมั่นใจแล้วว่าทุกคนหลับสนิท นางจึงใช้วิชาตัวเบากระโดดข้ามกำแพงจวนสกุลลู่ออกไปด้านนอกทันที

ชาติก่อนนอกจากนางจะมีฝีมือในการต่อสู้ที่เก่งกาจ ทว่านางก็ยังมีวรยุทย์ติดตัวมาด้วย นับว่าสวรรค์เมตตาที่ให้นางย้อนอดีตกลับมาพร้อมกับความสามารถเหล่านั้น

เมื่อออกมาด้านนอกจวนได้สำเร็จ ลู่ฟางหนิงที่กำลังเดินไปตามท้องถนนเพื่อมุ่งหน้าไปยังหอชิงสุ่ยก็อดรู้สึกตื่นเต้นมิได้เพราะในชาติก่อนนางใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่แต่ในค่ายทหารและสนามรบ ลู่ฟางหนิงจึงไม่เคยรู้เลยว่าบนท้องถนนของเมืองหลวงในยามราตรีจะงดงามมากขนาดนี้

ความครึกครื้นที่นางไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนทำให้นางมองภาพตรงหน้าไม่วางตา แต่เมื่อคิดถึงสาเหตุที่ทำให้นางมาอยู่ในจุดนี้เพราะต้องการแก้แค้น นางจึงเก็บงำความรู้สึกเหล่านั้นเอาไว้ แล้วรีบตรงไปยังหอชิงสุ่ยทันที

หอชิงสุ่ยเป็นหอนางโลมที่เลื่องชื่อของเมืองหลวง ลักษณะเป็นหอสูงขนาดสามชั้น ทุกๆ วันมีแขกเข้าออกไม่น้อย ทว่าใครเลยจะรู้ว่าภายใต้ความงดงามเช่นนี้จะมีสถานที่ที่น่ากลัวซ่อนอยู่

ลู่ฟางหนิงเงยหน้ามองป้ายชื่อสีทองที่แขวนอยู่เหนือศีรษะตนเอง ดวงตาของนางก็แข็งกร้าวขึ้นมาชั่วขณะก่อนจะเลือนลางหายไป เพราะคนที่ทำให้นางรู้จักพี่น้องสกุลเฟยและสถานที่แห่งนี้คือโจวหยางเทียน ชายหนุ่มที่นางเคยมอบหัวใจให้จนหมด แต่ก็เอาเถิด ชาตินี้นางจะต้องชิงความได้เปรียบทุกอย่างมาจากเขา หลังจากนั้นนางจะทำให้เขาได้รู้ว่าการตกนรกทั้งเป็นนั้นเป็นเช่นไร

“คุณชายน้อย วันนี้มาคนเดียวหรือเจ้าคะ”

ลู่ฟางหนิงละสายตาออกจากป้ายชื่อด้านบน ก่อนจะหันไปมองสตรีที่สวมเพียงอาภรณ์บางเบาซึ่งกำลังเดินมาทางตน ในเมื่ออีกฝ่ายเรียกนางว่าคุณชายน้อย เช่นนั้นการปลอมตัวของนางก็คงจะแนบเนียนมากจนมองไม่ออก ลู่ฟางหนิงจึงพยักหน้าตอบนางโลมคนนั้น

“อื้ม ข้ามาคนเดียว”

“ท่านได้จองห้องเอาไว้หรือเปล่าเจ้าคะ ให้หรูเอ๋อร์พาท่านไปยังห้องพักดีหรือไม่ หากไม่รังเกียจ หรูเอ๋อร์จะอยู่ปรนนิบัติท่านทั้งคืนเลยเจ้าค่ะ” นางโลมที่เรียกขานตนว่าหรูเอ๋อร์พยายามใช้ท่าทางยั่วยวนลู่ฟางหนิงสุดความสามารถ เพราะนางรู้สึกว่าคุณชายน้อยผู้นี้หน้าตางดงามถูกใจนางเหลือเกิน

ทว่าลู่ฟางหนิงที่ถูกสตรีด้วยกันใช้ท่าทางเช่นนี้ยั่วยวนตนเอง นางก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก และก่อนที่นางจะถูกหรูเอ๋อร์อะไรนั่นลากขึ้นห้องพักไปทำมิดีมิร้าย นางก็รีบเอ่ยขึ้นว่า “ข้ามาที่นี่เพราะมีธุระกับเถ้าแก่หลี่ เจ้าพอจะช่วยเรียกนางมาพบข้าได้หรือไม่”

หรูเอ๋อร์ได้ยินเช่นนั้น นางก็ชะงักค้างไปชั่วขณะ แต่เมื่อได้สตินางจึงรีบเอ่ยว่า “ที่แท้คุณชายน้อยก็เป็นลูกค้าของเถ้าแก่หลี่นี่เอง เช่นนั้นท่านรออยู่ที่นี่ก่อนนะเจ้าคะ ข้าจะไปตามเถ้าแก่หลี่มาพบ”

สิ้นคำพูดนั้นหรูเอ๋อร์ก็รีบไปตามเถ้าแก่หลี่ทันที คล้อยหลังของนางโลมคนนั้น ลู่ฟางหนิงจึงกวาดสายตามองไปรอบๆ หอชิงสุ่ย สถานที่แห่งนี้มิได้เปลี่ยนแปลงไปจากความทรงจำในชาติก่อนของนางมากนัก ทว่าชั่วขณะที่กำลังจะดึงสายตากลับมา นางกลับพบว่าบริเวณที่เป็นลานแสดงความสามารถของเหล่านางโลมมีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังอาละวาดโดยการพยายามฉุดลากนางโลมคนนั้นให้ลงจากลานแสดงไปกับตน

“คุณชายท่านทำเช่นนี้ไม่ได้นะขอรับ นางเป็นนางโลมที่ขายเพียงศิลปะไม่ขายเรือนร่าง ท่านจะฉุดกระชากลากนางไปตามอำเภอใจเช่นนี้ไม่ได้”

เสี่ยวเอ้อร์ที่อยู่ในหอชิงสุ่ยรีบเข้ามาห้ามปรามกันให้วุ่นวาย ทว่าชายหนุ่มผู้นั้นกำลังมึนเมาสุรา คำห้ามปรามเหล่านั้นจึงไม่ได้เข้าหูของเขาเลยแม้แต่น้อย และถึงแม้จะเข้าหู แต่เขาก็คงจะไม่ฟังอยู่ดี

“ขึ้นชื่อว่านางโลมจะไม่ขายเรือนร่างได้อย่างไร ข้าถูกใจนาง อย่างไรคืนนี้นางต้องไปรับใช้ข้า”

ชายหนุ่มคนนั้นไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เขาใช้แรงที่มีเพียงน้อยนิดกับร่างกายที่ซวนเซจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่ลากร่างของนางโลมคนนั้นลงมาจากลานแสดงโดยที่คนอื่นๆ พยายามเข้าไปห้ามปรามการกระทำอันป่าเถื่อนนั้นให้วุ่นวาย

ลู่ฟางหนิงเมื่อเห็นเหตุการณ์นั้นเดิมทีนางก็ไม่คิดสนใจที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยว เพราะนางมาที่นี่เพราะจุดประสงค์เดียวคือดึงพี่น้องสกุลเฟยมาเป็นพวก แต่ชายหนุ่มที่กำลังอาละวาดอยู่ตอนนี้กลับทำให้นางรู้สึกสนใจไม่น้อย เพราะเขาคือบุตรชายคนโตของสกุลซูและเป็นพี่ชายเพียงคนเดียวของซูเยี่ยนหลิง

‘ซูเป่ยจิ้ง’

โพสต์ข้อความ