ตอนที่ 13 หุบเขาพันวิหค

เหยียนฮ่าวมองร่างเล็กจ้อยของเด็กหญิงครู่หนึ่ง อยู่ ๆ เขาก็เกิดความคิดแปลกประหลาดขึ้นมา ตอนนั้นเขาช่วยนางไว้ครั้งหนึ่ง ถึงรอดพ้นจากเรื่องหายนะมาได้ พบเจอครั้งที่สอง เพราะเกิดรู้สึกแปลกใจอยากทดสอบบางอย่างจึงลงมาพูดคุยด้วย ผลคือเขารอดความตายไปได้อีกครั้ง หนที่สาม เขาตั้งใจเลี้ยงอาหารนางอย่างดี ทำให้ได้สมุนไพรมาไว้ในครอบครอง

เช่นนี้หากเขาพบเจอนางตลอดไป ชีวิตคงจะราบรื่นไปตลอดใช่หรือไม่

คิดได้เช่นนี้เหยียนฮ่าวก็ก้าวเท้าขึ้นไปยืนเคียงข้างอวี๋เฟยฮวา กล่าวยิ้ม ๆ ว่า “ท่านแม่ทัพฮวาไม่ต้องเป็นห่วงไป เรื่องของนางข้าจะจัดการดูแลให้เหมาะสม ไม่ให้นางต้องตกระกำลำบากอย่างแน่นอน”

“ถ้าท่านเหยียนพูดเช่นนั้นข้าก็วางใจแล้ว” ฮวาไท่ซีลุกขึ้นยืน เขากวักมือเรียกพ่อบ้านมาสั่งการสองสามคำ พ่อบ้านสีหน้าแตกตื่นเล็กน้อย แต่เมื่อหันไปเห็นอาหยางและอาเยว่ที่ยืนห่างออกไปไม่เท่าไหร่ก็คล้ายจะเข้าใจบางอย่างขึ้นมา รีบวิ่งหายออกไปด้านนอกก่อนกลับมาพร้อมกับกล่องไม้จันทน์อันหนึ่ง

ฮวาไท่ซีรับมันมาจากพ่อบ้าน ส่งต่อให้เหยียนฮ่าวด้วยตนเอง “ขอบคุณท่านเหยียนมาก บุญคุณในครั้งนี้ของพื้น ๆ ที่ข้าไม่ได้ใช้ประโยชน์อันใดก็ดูจะไม่เหมาะสม คราวหน้าหากท่านมีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ มาหาข้าได้โดยตรง”

เหยียนฮ่าวแย้มยิ้มบาง รับมาถือไว้ “แม่ทัพฮวากล่าวหนักไปแล้ว ข้าตามหาสิ่งที่ท่านต้องการ ท่านให้ในสิ่งที่ข้าต้องการ ถือเป็นการแลกเปลี่ยนที่เหมาะสม”

อวี๋เฟยฮวาฟังหนึ่งชราหนึ่งบุรุษกล่าวส่งเสริมกันอีกสองสามประโยค นางก็ถูกอาหลีพาตัวออกมาจากจวนแม่ทัพฮวา ในมือเด็กหญิงยังมีถุงเงินตำลึงถือไว้ ส่วนในรถม้าที่ส่งตัวไปรับคนมานั้น เหยียนฮ่าวยังได้กลิ่นอาหารลอยโชยออกมา

“นายท่าน ท่านจะพาข้าไปไหนหรือ”

เหยียนฮ่าวผินหน้าพิจารณาอวี๋เฟยฮวาขึ้นลงก่อนกล่าวว่า “ข้าจะให้เจ้าเป็นสาวใช้ประจำตัวข้า เป็นอย่างไร”

อวี๋เฟยฮวาขมวดคิ้วคิดเล็กน้อย นางถามกลับ “เงินเดือนเล่าเจ้าคะ”

“สิบตำลึงทอง อาหาร อาภรณ์และห้องพัก ข้ามีให้เจ้าหมด”

อวี๋เฟยฮวาพลันแย้มยิ้มกว้าง ยอบกายพูดเสียงหวาน “นายท่าน ยินดีที่ได้ติดตามท่านเจ้าค่ะ”

อวี๋เฟยฮวาไม่รู้สึกว่าการติดตามคนแปลกหน้าที่พานพบไม่กี่ครั้งกี่คราจะเป็นเรื่องแปลกอันใด พบกันครั้งแรก เขาช่วยนางจากพวกหอนางโลม พบกันครั้งที่สอง แม้คนจะดูแปลกประหลาดไปสักหน่อย แต่ต่อมาเอ่ยปากเลี้ยงข้าวนับว่าเป็นคนดีคนหนึ่ง เขาปฏิบัติกับนางไม่แย่ไม่ดี เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

เงินต่างหากคือเรื่องสำคัญ เขาให้เดือนละสิบตำลึงทอง มากกว่าสาวใช้จวนเสนาบดีอีก หรือบางทีอาจจะมากกว่านางกำนัลในวังหลวงเสียด้วยซ้ำ รองรับอารมณ์ หยิบจับของเล็กน้อย พูดจาหวานหูประจบประแจง เรื่องพวกนี้นางใช่ทำไม่ได้เสียหน่อย อย่างไรหออวี้เหรินก็สั่งสอนมามากมายปานนั้น จะปล่อยให้เน่าเต็มท้องก็ดูผิดบาปเกินไปแล้ว

คิดได้เช่นนี้อวี๋เฟยฮวาก็พยักหน้ากับตนเอง นางนั่งอยู่บนพื้นไม้ข้างเท้าเหยียนฮ่าว ในมือมีซาลาเปาไส้เนื้อสับสองลูกที่อาหลีเพิ่งซื้อมาให้ ใจจริงแล้วอวี๋เฟยฮวาไม่ค่อยหิวนัก แต่เพราะมีของกินอยู่ในมือจึงไม่สามารถปล่อยวางลงได้ ต่อให้อิ่มก็ยังต้องยัดเข้าไปตามประสาเด็กที่เคยอดอยากมาก่อน

เหยียนฮ่าวมองดูอยู่นานก็เริ่มจะรู้สึกพิกล เขามุ่นหัวคิ้ว ขยับปากถาม “เจ้าอิ่มแล้วไม่ใช่หรือ ที่เหลาอาหารนั่นยังให้คนห่อกลับตั้งมากมาย”

อวี๋เฟยฮวารีบปัดเศษแป้งที่มุมปากทิ้ง นางแย้มยิ้มกว้าง เด็กสาวเมื่อเริ่มกินดีอยู่ดีก็เริ่มปรากฏเค้าลางเนื้อหนังดูคล้ายเด็กอายุสิบสองสิบสามทั่วไปบ้างแล้ว “เรียนนายท่าน เพราะข้าเคยเป็นเด็กกำพร้าซ้ำยังอดอยากมาเป็นช่วงเวลาหนึ่ง พอมีของกินตรงหน้าจึงมักติดนิสัยกินเข้าไปให้เยอะที่สุดเพราะไม่รู้จะได้กินอีกเมื่อไหร่เจ้าค่ะ”

เหยียนฮ่าวร้องอ้อในลำคอเบา ๆ ชีวิตสูงส่งเช่นเขาจินตนาการอดมื้อกินมื้อไม่ออกจริง ๆ จึงพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ต่อไปก็ไม่ต้องทำแล้ว ข้าหาใช่คนที่ปล่อยให้สาวใช้ตนเองหิวโซเสียเมื่อไหร่ กลับไปที่สำนัก เจ้าอยากกินอันใดก็ไปบอกโรงครัว”

ดวงตาอวี๋เฟยฮวาเป็นประกายเจิดจ้า ถามต่อ “ได้ทุกเมื่อเลยหรือไม่เจ้าคะ”

เหยียนฮ่าวสีหน้าแข็งค้าง ก่อนค่อย ๆ ตอบ “ทุกเมื่อ” อย่างไรเด็กสาวตัวเล็ก ๆ ก็คงจะกินไม่เยอะเท่าไหร่กระมัง คงไม่ได้รบกวนโรงครัวมากมายปานนั้น

แต่ที่เหยียนฮ่าวไม่รู้ ในหัวเล็ก ๆ ของอวี๋เฟยฮวาเริ่มวางแผนไว้แล้ว วันไหนจะกินอะไร ตอนเช้ายังต้องกินโจ๊กหมูใส่ขิง ไม่ใช่โจ๊กเปล่าอย่างที่เคยทาน ตอนกลางวัน-

อืม อาจจะทานหรูหราเช่นนายท่านผู้นี้ไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ต้องมีเนื้อสอง ผักหนึ่ง น้ำแกงหนึ่ง เช่นนี้จึงจะคุ้มค่าที่ข้าตกลงทำงานด้วยหน่อย

เด็กสาวหัวเราะคิกคักกับตนเอง นางยัดซาลาเปาเสี้ยวสุดท้ายเข้าปาก เคี้ยวตุ้ย ๆ จนแก้มทั้งสองพองออกค่อยกลืนลงท้อง จากนั้นยกมือขึ้นประสาน ค้อมศีรษะอย่างว่าง่าย “ขอบคุณนายท่านที่เมตตาเจ้าค่ะ”

เห็นคนสบายอารมณ์ถึงขั้นนั้นตรงข้ามกับตนเองที่ใจร้อนรุ่มดุจไฟ อยากจะกลับไปให้ถึงไว ๆ เพื่อที่จะเริ่มปรุงยาลูกกลอนเสียที ฝ่ามือเหยียนฮ่าวกางออกก่อนม้วนกลับ ชั่วขณะนั้นนึกอยากแกล้งเด็กสาวขึ้นมา

“เจ้าติดตามข้ามาเช่นนี้รู้หรือไม่ว่าต้องไปที่ใด”

อวี๋เฟยฮวาส่ายหน้า “เรื่องนั้นข้าจำเป็นต้องรู้ด้วยหรือเจ้าคะ ขอแค่นายท่านมีเงินมอบให้ มีอาหารไม่ขาด มีเสื้อผ้าดี ๆ กับห้องอุ่น ๆ ให้ซุกหัวนอน เท่านี้ข้าก็พอใจแล้วเจ้าค่ะ”

เหยียนฮ่าวทั้งฉุนทั้งขำ ยื่นนิ้วดีดหน้าผากนางไปทีหนึ่ง ที่แท้การมีสาวใช้ตัวน้อยก็ผ่อนคลายอารมณ์ได้ดีเช่นนี้เอง “หุบเขาพันวิหค เจ้าเคยได้ยินกระมัง”

“อ้อ ย่อมต้องเคยได้ยิน-” อวี๋เฟยฮวาพยักหน้ารับ ต่อมาเมื่อหวนพิจารณาคำพูดเขาอีกทีจึงชะงักค้างกลางอากาศ รีบเงยหน้ามองคนจนกระดูกคอแทบหัก “นายท่าน- ว่าอย่างไรนะเจ้าคะ?” 

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ