ตอนที่ 12 หยกสุริยัน-จันทรา

แม้ฮวาไท่ซีจะยังอยู่ในตำแหน่งแต่ไม่พบปะผู้คนมานานแล้ว ครานี้พ่อบ้านรีบร้อนเดินมาถึงเรือนด้านใน กล่าวว่าท่านเหยียนผู้นั้นอย่างไรก็จะต้องพบท่านแม่ทัพใหญ่ฮวาให้ได้ ไม่ยอมกลับไปโดยไม่พบคนเด็ดขาด

ฮวาไท่ซีได้ยินเช่นนั้นก็ไม่กล้ารั้งรอ แม้สุขภาพจะไม่เอื้ออำนวยแต่เขาก็ยังกระเสือกกระสนไปยังห้องโถงใหญ่ให้เร็วที่สุด เหยียนฮ่าวไม่ได้เข้าไปในห้องโถงด้วยซ้ำไป เมื่อสายตาเห็นร่างแก่ชราเดินมาตามทาง เหยียนฮ่าวก็เกิดอดรนทนไม่ไหว เดินเข้าไปหาเช่นกัน

“ท่านแม่ทัพฮวา ขออภัยที่ข้าเสียมารยาท แต่ท่านรู้จักสถานที่ที่พระอาทิตย์และพระจันทร์บรรจบพบกันหรือไม่”

ฮวาไท่ซีมีอายุมาถึงป่านนี้ เรื่องที่สมควรได้ยินก็ได้ยินมาทั้งหมด เรื่องที่ไม่สมควรรู้ก็ยังต้องล่วงรู้ เมื่อได้ยินเหยียนฮ่าวพูดประโยคนั้นขึ้นมา เรื่องที่คิดว่าหลงลืมไปนานแล้วก็กลับมาวางแผ่ตรงหน้าอีกครั้งหนึ่ง ท่านแม่ทัพฮวามีสีหน้าตื่นตะลึง กระทั่งร่างกายก็เกือบจะล้มพับลงไปหากไม่ได้พ่อบ้านข้างกายประคองไว้ได้ทัน

เนิ่นนานกว่าฮวาไท่ซีจะอ้าปากพูดอีกครั้ง “ที่นั่น- อยู่ทางเหนือ มันเป็นถ้ำแห่งหนึ่งของพวกชนเผ่า ตอนที่ข้ายังเป็นแม่ทัพน้อยไม่ใช่แม่ทัพใหญ่ฮวา ข้าเคยไปออกรบที่นั่นและพบรักกับสาวชนเผ่าคนหนึ่ง” ฮวาไท่ซียกยิ้มเล็กน้อย เมื่อรวมเข้ากับสีหน้าอ่อนโยนของเขาแล้ว ท่านแม่ทัพใหญ่ผู้นี้มองเผิน ๆ ก็ไม่ต่างจากท่านปู่ที่เอ็นดูลูกหลานมากคนหนึ่ง

“เป็นบุรุษทั้งยังเป็นถึงแม่ทัพ ข้าจึงมักถูกเปรียบเทียบเป็นดั่งพระอาทิตย์ทอแสงปกป้องชายแดนอยู่เสมอ ส่วนสตรีนางนั้น นางงดงามมากทั้งยังอ่อนหวาน พูดจานุ่มลื่น เป็นดั่งดวงจันทร์กลางน้ำโดยแท้” ฮวาไท่ซีหัวเราะเสียงเบา

“ตอนที่ข้าจากเมืองหลวงยังหวนคิดถึงเรื่องทางนี้อยู่บ้าง แต่เมื่อได้พานพบนางแล้ว เรื่องในเมืองหลวงต่างไม่สำคัญ มีเพียงนางเท่านั้นที่เป็นดั่งจันทร์กลางใจ”

“นางเป็นบรรณาการถูกส่งเข้าเมืองหลวง ส่วนข้าใช้ความดีความชอบทั้งชีวิตทูลขอสมรสพระราชทานจากฮ่องเต้ ต่อมานางคลอดลูกยาก จึงเสียไปตั้งแต่ตอนนั้น ทว่าข้ามีความสัมพันธ์อันดีกับพ่อตาเสมอมา เผ่าของนางจึงยังอยู่รอดปลอดภัย”

พูดมาถึงตรงนี้ฮวาไท่ซีก็เงยหน้ามองเหยียนฮ่าว กล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “เผ่าของนาง คือเผ่าจันทรา สถานที่นั้นก็คือถ้ำแก้วมรกตริมเผ่า”

ได้ยินเรื่องราวในหนหลัง เหยียนฮ่าวก็มั่นใจเก้าในสิบส่วนแล้วว่าสิ่งที่เขาคิดไว้ต้องเป็นความจริงอย่างแน่นอน บุตรชายท่านแม่ทัพพลีชีพในสนามรบ ผ่านมาหนึ่งปียังไม่มีข่าวคราวส่งกลับมามาตรว่าคนในกองทัพต้องถูกควบคุมโดยสมบูรณ์แล้วเป็นแน่ ส่วนลูกสะใภ้ที่ไม่เคยพบหน้าผู้นั้นก็คงจะล่วงลับไปแล้วเช่นกัน

บุตรชายฮวาไท่ซีคงรู้แต่แรกว่าในกองทัพมีหนอนบ่อนไส้ แต่จะลงมือแก้ก็ไม่ทันการณ์เสียแล้วจึงส่งจดหมายขอให้ตามหาภรรยา บุตรชายและบุตรสาวที่ส่งมาก่อน เสียแต่ว่าหนอนบ่อนไส้พวกนั้นก็คงรู้เช่นกันถึงได้จัดการมารดาเสียสิ้น เหลือไว้เพียงเด็กฝาแฝดไร้ประสีประสาคู่หนึ่ง

เหยียนฮ่าวผินหน้าไปด้านหลังเอ่ยด้วยน้ำเสียงกดต่ำ เขาทนรอมานานหลายปี เมื่อเห็นของวางอยู่ตรงหน้า แม้แต่ชั่วพริบตาเดียวก็ไม่อาจอดทนรอได้อีกต่อไป

“อาหลี ไปพาสามคนนั้นมา”

อวี๋เฟยฮวายังคงไม่แน่ใจนักว่าทำไมตนเองถึงถูกพามายังจวนใหญ่โตเช่นนี้ แต่เมื่อนางเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่อันแสนโอ่อ่า กวาดสายตามองถ้วยลายครามราคาแพงที่นางเคยเห็นเพียงในหออวี้เหรินครั้งหนึ่งก็เก็บมือเก็บไม้ให้เรียบร้อย มิกล้าทำตัวกระโตกกระตากด้วยกลัวว่าตำลึงทองที่เพิ่งได้มาจะต้องจ่ายออกเป็นค่าชดใช้

ฮวาไท่ซีมองอาหยางเพียงหางตาก็เกิดสะกดกลั้นอารมณ์ไม่อยู่ หลั่งน้ำตาออกมาในที่สุด ไม้เท้าในมือถูกโยนไปอีกด้าน ภายในชั่วอึดใจ ท่านแม่ทัพใหญ่ฮวาที่ดูคล้ายจะสิ้นแรงอยู่เช้าเย็นกลับมีกำลังวังชาขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ใจ เขาถลามาตรงหน้าอาหยางและอาเยว่ คว้าแขนเด็กน้อยไว้แน่น

“เจ้า- เจ้าช่างเหมือนเขาเหลือเกิน”

เหยียนฮ่าวเอ่ยปากขัดช่วงเวลาแสนสุข เขาพูดว่า “อาหยาง อาเยว่ สถานที่ที่พวกเจ้าเล่นซ่อนแอบ คือถ้ำแก้วมรกตของเผ่าจันทราใช่หรือไม่”

ได้ยินคำตอบที่ถูกต้อง อาหยางกับอาเยว่ก็รีบพยักหน้ารับ อาหยางดีใจถึงขั้นตบมือเสียงดัง “ข้าเจอท่านพ่อแล้ว! ข้าเจอท่านพ่อก่อนท่านแม่แล้ว! ข้าจะได้รางวัลแล้ว!”

น้ำเสียงเด็กน้อยร่าเริงสดใสทั้งยังปะปนไปด้วยความตื่นเต้นยิ่งทำให้คนฟังรู้สึกขมปร่า ฮวาไท่ซีกลืนน้ำตาลงท้อง เขากัดลิ้นเรียกสติครั้งหนึ่งถึงค่อยพูดว่า “พวกเจ้าไม่เคยเจอบิดาหรือ”

อาหยางมีความสุขที่เล่นชนะ เขาจึงคลายความระมัดระวังตัวลงมาก “เคยขอรับ เพียงแต่เจอไม่บ่อยนัก ปีหนึ่งจะได้เจอสักสองสามหน อันที่จริงท่านพ่อหน้าตาเป็นอย่างไรข้าเองก็จำไม่ได้แล้ว”

ฮวาไท่ซีรวดร้าวไปทั้งอก ถึงขั้นกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง เกิดความวุ่นวายภายในห้องโถง สาวใช้กลุ่มหนึ่งวิ่งไปตามหมอ ส่วนพ่อบ้านก็รีบปรี่เข้ามา ฮวาไท่ซีถ่มกองเลือดลงพื้นโดยไม่แยแส เขายกศีรษะขึ้น มองเด็กน้อยทั้งสองอีกครั้ง

“เช่นนั้นพวกเจ้าก็อยู่กับท่านแม่มาตลอดหรือ”

“เจ้าค่ะ ข้ากับพี่รองอยู่กับท่านแม่มาตลอด แต่ตอนที่ออกมาพ้นเผ่าจันทรา ท่านแม่บอกว่าถึงเวลาเล่นซ่อนแอบแล้ว ข้ากับท่านพี่วิ่งไปแอบที่ขบวนเกวียน ตื่นมาอีกทีก็ไม่เจอท่านแม่แล้ว” อาเยว่เอ่ยปากเสียงเศร้า นางแหงนหน้าเผชิญกับฮวาไท่ซี

“ท่านรู้จักท่านแม่ข้าหรือไม่เจ้าคะ”

“มารดาเจ้าข้าอาจจะไม่รู้ แต่บิดาเจ้าข้าย่อมต้องรู้จักแน่นอน”

อวี๋เฟยฮวายืนบื้อใบ้อยู่ตรงนั้นนานแล้ว แต่เมื่อได้ยินประโยคสนทนาระหว่างเด็กน้อยทั้งสองของนางและท่านปู่ผู้นี้ก็พอจะมองออกว่าอาหยางและอาเยว่ต้องเป็นบุตรหลานของจวนใหญ่โตนี้ไม่ผิดแน่ นางจึงถอยหลังออกไปอีกทาง ยืนอยู่ด้านหลังระหว่างอาหลีและเหยียนฮ่าวเงียบ ๆ ไม่คิดจะแสดงตัวตนไปมากกว่านี้

เด็กน้อยอายุเพิ่งจะห้าหนาว เรื่องที่เข้าใจได้จึงมีจำกัด แต่อาหยางพอจะเข้าใจราง ๆ แล้วว่าคนตรงหน้านี้ต้องเป็นปู่ของตนเองอย่างแน่นอน อาหยางยกยิ้มกว้าง ตอนอยู่ที่เผ่าจันทราเขาก็เคยมีท่านตาเช่นกัน ต่อมาท่านตาป่วยหนักจากไปจึงไม่มีคนทำของเล่นให้อีก มีท่านปู่เพิ่มมาเช่นนี้ย่อมต้องดีแน่นอน

อาหยางมองฮวาไท่ซีสลับกับอวี๋เฟยฮวาเล็กน้อย เขาโพล่งถามขึ้นมาว่า “พี่หญิงใหญ่ ท่านจะอยู่กับพวกข้าใช่หรือไม่”

ฮวาไท่ซีหันมองอวี๋เฟยฮวาครั้งหนึ่ง เด็กหญิงอัปลักษณ์ผู้นี้มองดูอย่างไรก็ไม่มีเค้าลางของบุตรชายเขาเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วเช่นนี้อาหยางกับอาเยว่เรียกขานนางว่าพี่หญิงใหญ่ได้อย่างไร

อวี๋เฟยฮวาดีร้ายอย่างไรก็เคยเป็นถึงลูกมือของเหมยหลัน นางจับอารมณ์ความรู้สึกคนเก่งเป็นที่สุด จึงก้าวเท้าขึ้นหน้า กล่าวชี้แจง

“อาหยาง อาเยว่ ตอนนั้นที่พวกเจ้าไม่มีญาติทั้งยังไร้ครอบครัว ข้านึกถูกชะตาจึงรับพวกเจ้ามาเป็นน้องบุญธรรม ตอนนี้พวกเจ้าพบเจอครอบครัวที่แท้จริงแล้ว จึงไม่มีประโยชน์ที่จะต้องอยู่กับข้าอีก และข้าก็ไม่อาจอยู่กับพวกเจ้าได้เช่นกัน”

ฮวาไท่ซีฟังคำพูดยืดยาวก็พยักหน้า เขาเอ่ยปาก “แต่ถึงอย่างไรเจ้าก็เคยให้การดูแลหลานของข้ามาเป็นอย่างดี ถึงเจ้าจะไม่ใช่หลานแท้ ๆ แต่ข้าก็ยินดีที่จะรับเป็นหลานบุญธรรมเช่นกัน”

อวี๋เฟยฮวายิ่งขยับริมฝีปากเป็นรอยยิ้มกว้างขวาง “เรียนใต้เท้า น้ำใจของท่านข้าขอรับไว้ด้วยความซาบซึ้งใจ เพียงแต่ข้าลงมือช่วยไม่ได้หวังผลตอบแทน เรื่องในวันนี้จบลงด้วยการที่อาหยางและอาเยว่พบเจอครอบครัว เช่นนี้ข้าก็มีความสุขมากแล้วเจ้าค่ะ”

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ