ตอนที่ 10 ท่านก็เล่นซ่อนหาหรือ

เมื่อไม่มีคนต่อบทสนทนา เสียงพูดคุยในรถม้าจึงเงียบหายไป เหลือไว้เพียงเสียงยกกาน้ำและเสียงรินน้ำชาก็เท่านั้น เหลาอาหารที่อวี๋เฟยฮวาเลือกอยู่ไม่ห่างจากโรงหมอนัก แต่ถ้าหากต้องเดินทางจากหอ

อวี้เหรินคงจะใช้เวลามากพอสมควร เหยียนฮ่าวกล่าวว่าจะเลี้ยงข้าว เขาก็เลี้ยงจริง ๆ ถึงขั้นปิดชั้นสองเพื่อความเป็นส่วนตัว จากนั้นสั่งอาหารขึ้นชื่อมาอย่างละจาน

อาหารเลิศรสโอชานับสิบวางอยู่บนโต๊ะไม้ อวี๋เฟยฮวาหิวจนหน้ามืดตาลาย นางลืมแม้กระทั่งการสงวนกิริยาท่าทาง มือคว้าตะเกียบได้ก็ยื่นออกไปคีบหนังเป็ดทอดกรอบจิ้มน้ำจิ้ม ส่งเข้าปากอย่างมีความสุข เด็กหญิงหลับตาพริ้ม มีความสุขเสียจนฉายชัดทั้งสีหน้าและท่าทาง

เหยียนฮ่าวเคยถูกสั่งสอนว่าเวลากินข้าวห้ามพูดคุย เขายึดถือเช่นนั้นมาโดยตลอด แต่เมื่อเหลือบสายตาเห็นสีหน้าคล้ายกับจะบรรลุเซียนในหนึ่งคำนั้น เขาก็ทนไม่ไหวจริง ๆ จึงอ้าปากพูด

“ชอบขนาดนั้นเชียวหรือ”

อวี๋เฟยฮวาพยักหน้าแรง ๆ ครั้งหนึ่ง นางลดตะเกียบลงแต่มิได้วางลงไป “นายท่าน กล่าวตามตรง ข้าค่อนข้างจะยากจนมากจริง ๆ ในหนึ่งอาทิตย์จะหามื้อที่มีเนื้อสัตว์นับมือเดียวก็ครบแล้ว มาตอนนี้มีเนื้อมากมายให้เลือกสรรตรงหน้า ข้าหรือจะยังทานทนได้ไหว”

นางกินไก่ต้มลงไปอีกคำก่อนตัดใจวางตะเกียบ ค้อมศีรษะคำนับ “ต้องขอบคุณนายท่านมากเจ้าค่ะ หาไม่แล้วข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะได้กินอาหารดี ๆ เช่นนี้ได้อีกเมื่อไหร่”

“อืม” เหยียนฮ่าวพยักหน้า โบกมือ “ข้าไม่ค่อยหิว เจ้ากินไปคนเดียวแล้วกัน”

หากเป็นผู้อื่นได้ยินถ้อยคำเช่นนั้นจะต้องตกใจจนวางตะเกียบแล้วกล่าวเยินยอสักสองสามคำแสดงความจริงใจโดยการไม่ทานด้วย สุดท้ายก็ไม่ได้ทานต่อเป็นแน่ แต่อวี๋เฟยฮวาไม่ได้คิดซับซ้อนถึงปานนั้น นางหิวนางก็กิน เขาเป็นฝ่ายออกเงิน ห้าสิบอีแปะของนางยังอยู่ครบก็ดีแล้ว

เพียงแต่อาหารที่สั่งมามากมายเกินกว่าที่เด็กอายุสิบสองคนหนึ่งจะทานเข้าไปได้หมด อวี๋เฟยฮวากินไปไม่ถึงสามส่วนก็เริ่มรู้สึกอิ่มเสียแล้ว นางกวาดสายตามองอาหารเลิศรสด้วยความเสียดาย เด็กน้อยขมวดคิ้วแน่นก่อนอ้าปาก

“นายท่าน ในเมื่อท่านกล่าวว่าท่านจะเลี้ยงอาหารข้า เช่นนั้นอาหารที่เหลือพวกนี้ข้าขอห่อกลับได้หรือไม่” เห็นเหยียนฮ่าวเลิกคิ้วมองมาอวี๋เฟยฮวาก็ร้อนรนเล็กน้อย รีบพูดต่อ “อย่างที่ท่านเห็น ข้ามีน้องอีกสองคนรออยู่ที่บ้าน จะให้ข้ากินเนื้อคนเดียวก็รู้สึกผิดกับพวกเขานัก ถ้านายท่านเมตตาสักหน่อย อาหารพวกนี้ข้าจะนำกลับไปให้พวกเขาเจ้าค่ะ”

“อาหลี ไปจัดการ”

อวี๋เฟยฮวาแย้มยิ้มกว้าง ดวงตาจ้องมองเหยียนฮ่าวราวกับเห็นพระโพธิสัตว์ลงโปรดมวลมนุษย์

เหยียนฮ่าวเอื้อมมือหยิบจอกชาขึ้นถือ ถามเรื่อยเปื่อย

“คราวก่อนข้ายังเห็นเจ้าอยู่เพียงคนเดียว เหตุใดตอนนี้มีน้องเสียแล้ว”

“เด็กสองคนนั่นข้าไปช่วยมาจากท่านป้าซาลาเปาเจ้าค่ะ”

“ป้าซาลาเปา?”

อวี๋เฟยฮวาพยักหน้าแรง ๆ “เจ้าค่ะ เด็กสองคนนั้นเห็นทีแล้วคงเป็นเด็กเร่ร่อนเช่นเดียวกับข้า ตอนนั้นคงเพราะหิวโหยจนไม่ยั้งคิดถึงได้ไปขโมยซาลาเปาของท่านป้าผู้นั้นมา ท่านป้าร้านซาลาเปาแม้จะมีใบหน้าใจดีแต่ริมฝีปากดุร้ายยิ่ง ทั้งยังมือหนักเป็นที่สุด หากเป็นข้า ข้าจะไปขโมยร้านน้ำชาเจ้าค่ะ”

เหยียนฮ่าวสนใจโดยไม่รู้ตัว “เหตุใดต้องเป็นร้านน้ำชา”

“ร้านน้ำชาร้านนั้นเถ้าแก่อายุมากแล้ว เขามีบุตรชายอยู่คนหนึ่ง แต่บุตรชายเป็นคนใจบุญชอบแจกอาหารเปิดโรงทานบ่อย ๆ ถ้าเขาเห็นว่ามีเด็กสองคนไปขโมยขนมที่ร้าน อาจจะตักเตือนแต่จะไม่ลงไม้ลงมือแน่ อีกอย่าง เขาอาจจะให้ขนมเพิ่มอีกจานด้วย”

เหยียนฮ่าวหัวเราะเสียงดัง เขาเกิดมานานจนอายุป่านนี้แล้วยังไม่เคยเจอเด็กคนไหนนั่งวิเคราะห์ฉะฉานเช่นนี้มาก่อน “แล้วทำไมต้องเป็นเด็กสองคนนั้นเล่า”

“อาจจะเพราะข้าถูกชะตากับเด็กสองคนนั้นกระมัง อาหยางกับอาเยว่คนหนึ่งพี่คนหนึ่งน้อง

อาหยางเป็นพี่จึงดูแลอาเยว่อยู่เสมอ ส่วนอาเยว่แม้จะอ่อนแอและหัวอ่อนไปสักหน่อย แต่ก็ร่าเริงสดใสอยู่ตลอด มักจะชวนอาหยางออกไปเล่นตามประสาเด็ก ไม่ให้เขาหลงลืมวัยเยาว์ไวเกินไป”

“ฟังดูแล้วเป็นเด็กที่ดี”

อวี๋เฟยฮวายิ้มแย้มโดยพลัน นางพยักหน้า “ดียิ่งเจ้าค่ะ”

เหยียนฮ่าวซักถามจนพอใจแล้วก็หันกลับไปสนใจจอกชาตนเองอีกครั้ง ทว่าในตอนที่เขายกมือขึ้น แขนเสื้อที่ซ้อนทับกลับสะบัดออกไปอีกทาง ทำเอากระดาษแผ่นเล็กที่ซุกซ่อนไว้ร่วงหล่นลงพื้น อวี๋เฟยฮวายึดถือคติตอบแทนก็ต้องตอบแทนให้ถึงที่สุดมาโดยตลอด นางพุ่งลงพื้นด้วยความรวดเร็ว กว่า

เหยียนฮ่าวจะก้มตัวลงไปคว้าไว้ เด็กหญิงก็ถือมันขึ้นมาแล้ว

อวี๋เฟยฮวาส่งมันคืนแก่เจ้าของ นางหลุบสายตามองเล็กน้อย สีหน้าพลันหยุดชะงักไป “นายท่าน ท่านได้ภาพวาดนี่มาจากที่ไหนหรือเจ้าคะ” อวี๋เฟยฮวาไม่ได้ดึงกระดาษไว้ นางวางมันลงบนฝ่ามือ

เหยียนฮ่าว

“หรือว่าท่านก็เล่นซ่อนหาเช่นกัน”

เหยียนฮ่าวมองภาพสลักหยกสุริยันจันทราครั้งหนึ่งก่อนถามกลับ “ซ่อนหา? เจ้าหมายความว่าอย่างไร”

“อาหยางกับอาเยว่ก็มีสัญลักษณ์นี้เช่นกันเจ้าค่ะ มีคืนหนึ่งอาเยว่ร่างกายอ่อนแอมาก นางต้องลมเย็นมากไปหน่อยจึงล้มป่วย แต่อาหยางไม่ยอมบอกข้า สองพี่น้องพยายามดูแลกันเองจึงป่วยไปทั้งคู่ ตอนที่ข้าเช็ดตัวให้อาหยางและอาเยว่ ข้าก็เห็นสัญลักษณ์นี้ที่ท้องแขนเช่นกันเจ้าค่ะ”

เหยียนฮ่าวไม่รู้ว่าสีหน้าตนเองในตอนนี้ตื่นตะลึงมากเพียงใด ทั้งท่าทางที่เคยสุขุมวางมาดมาโดยตลอดยังแตกสลายเป็นชิ้น ๆ รีบคว้าเด็กหญิงเข้าใกล้ ถามด้วยน้ำเสียงเจือความตื่นเต้นอย่างปิดไม่มิด

“เหมือนทุกส่วนเลยหรือไม่”

“ทุกส่วนเลยเจ้าค่ะ” อวี๋เฟยฮวาตอบหลังจากพิจารณาภาพนั้นใกล้ ๆ อีกครั้ง “อาหยางกับอาเยว่เล่าว่าสิ่งนี้คือสัญลักษณ์ในการเล่นซ่อนแอบเจ้าค่ะ พวกเขาสองคนกำลังเล่นซ่อนแอบกับท่านพ่อ ท่านแม่ของเด็กสองคนนั้นเดินทางมาไกล พาฝาแฝดมาเล่นซ่อนแอบใกล้ ๆ แถวนี้ ท่านแม่ผู้นั้นวิ่งล่อคนหาไปอีกทาง แต่ก่อนไปยังบอกให้เด็ก ๆ ตามหาท่านพ่อให้เจอ โดยบอกว่าถ้าใครหาท่านพ่อเจอก่อนก็จะได้รับรางวัลเจ้าค่ะ” 

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ